กองฟาง talk
สวัสดีค่ะ ฉันชื่อกองฟางอายุ 21 ปี ฉันไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อกับแม่ของฉันหรอกนะ เพราะพ่อกับแม่ของฉันเลิกกันต่างคนต่างไปมีครอบครัวใหม่ พ่อกับแม่ของฉันตกลงกันว่าจะแบ่งหน้าที่กันดูแลฉัน โดยพ่อของฉันจะส่งเงินให้ฉันใช้ทุกเดือนแต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่คิดไงเพราะมีเรื่อง.หลบายเรื่องไม่เข้าใจกัน ฉันย้ายมาอยู่ครอบครัวใหม่ของแม่ของเขาก็ตอนรับแม่ของฉันดี ยกเว้นฉันเพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับพวกเขาเป็นแค่ลูกที่ติดแม่มา
" อย่าคิดมาเรียกฉันว่าคุณย่า เพราะเธอกับฉันไม่ได้ผูกพันธ์กันทางสายเลือดเลย" นี้แหละคำพูดของผู้หญิงที่อาวุโสที่สุดพูดกับฉันตอนนั้นฉันอายุ 13 ปี หลังวันนั้นฉันก็ของแม่ของฉันย้ายไปอยู่กับพ่อของฉันเผื่อครอบครัวใหม่ของพ่อของฉันจะเมตตาฉันบ้าง แต่พอฉันย้ายเข้าไปอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน
" อย่ามาเรียกฉันสองคนว่าคุณตาคุณยาย เพราะเธอไม่ใช่ลูกที่เกิดจากลูกสาวของฉัน" นี้เป็นคำพูดของผู้ชายอาวุโสสุดในบ้านพูดกับฉันขณะที่ฉันเดินเข้ามานั่งเล่นด้วยที่สวนหลังบ้าน
ฉันก็เข้าใจทั้งสองครอบครัวแหละใครเขาจะไปรักลงเด็กที่ไม่ใช่หลานของตัวเอง ฉันเลยตัดสินใจขโมยตังค์ในกระเป๋าของพ่อของฉัน 1000 บาทเพื่อเป็นค่ารถและซื้ออาหาร ฉันก้าวออกมาจากทั้งสองครอบครัวเพื่อตัดปัญหาเรื่องน่าเบื่อที่จะต้องเจอทุกวัน ฉันไม่เอาอะไรมาเลย ฉันนั่งอยู่สถานที่รถไฟตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นฉันไม่รู้จะไปไหน แต่โชคดีที่มีตากับยายปั่นชาเล้งผ่านมาเจอ ทั้งสองคนบอกกันฉันว่าเห็นฉันนั่งตั้งแต่เอาผักไปขายในตลาดแล้วพอกลับมาฉันก็ยังนั่งที่เดิน ตากับยายเลยเข้ามาถาม
" เองรอใครว่ะ ตาเห็นเองรอนานแล้ว?" ตาถามออกมาน้ำเสียงหอบเหนื่อยเพราะปั่นซาเล้ง ยายก็จ้องมองฉันนิ่งอยู่บนรถชาเล้งเพื่อรอคำตอบ ฉันก้มหน้าลงมองตักตาเองแล้วส่ายหน้า
" หนูไม่ได้รอใครหรอกตา แต่หนูไม่มีที่ไปจ้า" ฉันบอกออกมาเสียงสั่นเทา น้ำตาไหลเพราะมันเริ่มมืดค่ำแล้ว ตากับยายหันไปมองหน้ากันแล้วสงสารเลยเลยชวนฉันไปอยู่ด้วย ฉันตัดสินใจไปอยู่กับตากับยายทันที ทั้งสองคนเคยมีลูกที่สามคนแต่พอตากับยายแบ่งมรดกให้ลูกๆแล้ว ลูกๆของตากับยายขายหมดแล้วย้ายไปจากที่นี่โดยไม่ติดต่อกลับมาเลย ตากับยายมีพื้นที่อยู่สามไร่ ตาตัดสินใจขาย 1 ไร่เพื่อเอาเงินมาส่งฉันเรียนจบปริญญาตรีสาขาที่ได้เงินเยอะที่สุด
ตอนนี้เหรอฉันด้านมายืนให้ไอ้หมีควายด่าไง ฉันรู้แหละว่าอย่างไงผู้หญิงหน้าตาอย่างฉันเนี่ยไอ้หมีควายคงไม่สนใจแน่นอนเพราะ ทั้งตัวไม่มีอะไรน่าสนใจเลย มือเปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำมันเครื่อง กลิ่นน้ำมันเครื่องคงไปเตะจมูกโด่งของไอ้หมีเข้าไง ก็เลยโมโห แต่ตอนนี้ฉันไม่แคร์แล้วเพราะว่าฉันได้เช็คเงิน ห้าแสนบาทไปรักษาคุณตาของฉันแล้ว จบจ้า
กองฟางเดินออกจากห้องทำงานของมาตินอัสแล้วเธอยกยิ้มด้วยความดีใจ เธอรีบหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่าโทรออกไปทันที
ตื่ดๆๆเสียงรอสายปลายทาง
" สวัสดีค่ะ โรงพยาบาลxx ค่ะ" ปลายสายตอบรับ กองฟางยกยิ้มออกมาเต็มใบหน้าด้วยความดีใจ
" สวัสดีค่ะ ฉันเป็นญาติของคุณตาสุขนะคะ ตอนนี้ฉันมีเงินรักษาคุณตาแล้วค่ะช่วยดำเนินการรักษาเลยได้ไหมคะ?" กองฟางบอกให้ปลายสายรับทราบและช่วยให้แพทย์ทำการรักษาคุณตาของเธอ
" ได้ค่ะ แล้วพร้อมจ่ายเงินวันไหนคะ?" ปลายสายถามออกมาเหมือนเคยคงคิดว่าเธอกำลังโกหกให้รักษาฟรี กองฟางถอนหายใจเบาๆ
" จ่ายตอนนี้เลยค่ะ เพราะฉันเลิกงานแล้วกำลังจะไปที่โรงพยาบาลหาคุณตากับคุณยายของฉันค่ะ" กองฟางบอกปลายสาย เท้าเล็กๆเดินจ้ำไปที่ลานจอดรถ
" ได้ค่ะ " ปลายสายตอบรับแล้วกดวางสาย กองฟางก็ขับรถมอเตอร์ไซค์เวฟคันเก่าๆออกไปจากลานจอดรถที่สนามแข่ง เพื่อตรงไปหาตากับยายที่โรงพยาบาลทันที ตลอดระยะทางการไปที่โรงพยาบาลกองฟางอมยิ้มไม่หุบเพราะความดีใจ ได้เงินมารักษาตาของเธอ จนรถมาจอดที่ลานจอดรถในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง เธอเดินตรงเข้าไปในโรงพยาบาลเพื่อไปหายายทันทีที่นั่งรออยู่เก้าอี้หน้าห้องผ่าตัด เธอวิ่งมาจากห้องการเงินเพื่อจ่ายเงินในรักษาเสร็จแล้วเธอก็รีบตรงมาหายายที่หน้าผ่าตัด
" ยายจ๋า หมอว่าไงบ้างจ๊ะ?" กองฟางนั่งลงข้างๆยายของเธอ ยายหันหน้ามายิ้มให้เธอด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มดีใจ
" หมอบอกจะช่วยเราให้เต็มที่เลยหลาน" ยายบอกกับเธอน้ำเสียงดีใจ หมอผ่าตัดเปลี่ยนท่อหัวใจให้ตาของเธอ กองฟางยิ้มออกมาเต็มใบหน้าด้วยความดีใจ
" แล้วหลานไปเอาเงินมาจากไหนล่ะฟาง?" ยายถามหลานสาวออกมาด้วยคววามสงสัย พลางจ้องมองหน้าหลานสาวนิ่งเพื่อรอคำตอบ
" เพื่อนฟางให้ยืมค่ะ ฐานะบ้านมันรวยจ๊ะยาย" กองฟางบอกกับยายออกไปเพื่อความสบายใจ ยายยกมือเหี่ยวๆขึ้นมาลูบหัวหลานสาวพร้อมพยักหน้ารับ ทั้งสองคนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดประมาณ 3-4 ชั่วโมงหมอก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม
" คุณตาสุข ปลอดภัยดีครับ นอนที่โรงพยาบาลสักอาทิตย์เพื่อรอดูอาการหลังผ่าตัดก็ออกได้แล้วครับ" หมอบอกกับกองฟางและยายของเธอ ทั้่งสองคนหันหน้ามามองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันพร้อมโผ่ลเข้ากอดกัน ด้วยความดีใจ รอยยิ้มเต็มใบหน้า
" ขอบคุณค่ะคุณหมอ " กองฟางบอกกับหมอคนที่ผ่าตัดคนไข้
" หน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ หมอขอตัวนะครับ" หมอตอบกลับกองฟางพร้อมของตัวเดินจากไป กองฟางมองตามหลังแล้วถอนหายใจ' ถ้าไม่มีเงินก็ไม่ทำให้หรอก โลกเราอยู่ยากจริง'
ทางด้านมาตินอัสหลังจากกองฟางเดินออกไปจากห้องแล้ว เขาหลับตาลงพร้อมใช้สมองกำลังคุ้นคิดเรื่องต่างๆที่ผ่านมา
ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหน้าดังขึ้นดังขึ้น เขาลืมหน้าตื่นขึ้นมามองที่ประตูด้านนอกเปิดประตูเข้ามาทันที
" เฮียครับ อีกสองวันก็วันแข่งแล้วนะครับ" แกรนิคเดินเข้ามาพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ พลางเตือนความจำของเขาเรื่องการแข่งขันของทุกเดือนที่สนาม
" แล้วของเดิมพนันมคืออะไรว่ะ?" มาตินอัสถามลูกน้องออกไป แกรนิคส่ายหน้าเบา
" ไอ้ไมเคิล มันไม่บอกครับเฮียแต่มันบอกมันมีของอยากได้ที่นี้ครับ" แกรนิคบอกกับมาตินอัสเสียงเรียบ ทั้งสองคนจ้องหน้ามองกันด้วยความสงสัยเหมือนกันว่ามันคืออะไร
" เฮียมั่นใจฝีมือตัวเองไหมครับ?" แกรนิคถามเพราะทุกครั้งคือแคทเปอร์เป็นคนลงแข่ง แต่ตอนนี้แคทเปอร์ไม่ว่างเพราะที่ คาสิโนมีปัญหาเลยไม่ได้มา มาตินอัสยักไหล่ให้แกรนิค
" ถ้ามันไม่โกง กูก็ชนะมึงก็รู้" มาตินอัสบอกกับแกรนิคลูกน้องของเขา
" เฮียต้องทำตามคำแนะนำของช่างเทคที่ชื่อกองฟางนะครับ เธอเก่งเรื่องนี้" แกรนิคบอกมาตินอัสด้วยความหวังดี เพราะไม่อยากให้เขาแพ้ มาตินอัสจ้องมองหน้าแกรนิคพลางคิดในใจ ' ยัยกองขยะนั้นนะเก่ง หึอยากหัวเราะให้ฟันล่วง'
" หึหึ มึงรู้ได้ไงว่ายัยนี้เก่ง " มาตินอัสถามลูกน้องด้วยความสงสัย แกรนิคส่งยิ้มให้
" เธอให้คำแนะนำกับเฮียแคททุกรอบ แถมเธอยังออกแบบล้อรถที่เกาะติดบนสนามเเข่งรถได้ดีอีกด้วย เฮียเชื่อผมเถอะ" แกรนิคบอกกับมาตินอัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะดูท่านมาตินอัสไม่เชื่อที่เขาพูดแน่ๆเลย
" ผู้หญิงตัวเล็กๆนั้นน่ะเก่ง คุยมากกว่ามั้งขับรถเป็นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย?" มาตินอัสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ พร้อมยกยิ้มที่มุมปากร้าย
" เชื่อบ้างก็ดีนะเฮีย เธอแนะนำใครก็ชนะทุกคนเลยนะครับ " แกรนิคบอกให้มาตินอัสเชื่อใจกองฟาง เขายักไหล่ให้ด้วยความไม่เชื่อ
" แค่เด็กเมื่อวานซืน " มาตินอัสพูดออกมาพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินออกจากห้องไป แกรนิคมองตามแล้วส่ายหน้าเบาๆ เขาก็รู้มาตินอัสขับรถแข่งเก่งแต่การแข่งขันแต่ละรอบไมเคิลมันก็มีของเล่นใหม่มาเสมอ
เฮียแกมั่นใจมากว่าแกจะชนะ ??