เรือนนอนบูรพา
ร่างงามระหงของหวางเย่หลิงกำลังเดินชมสวนหย่อมที่อยู่ภายในเรือนบูรพาซึ่งเป็นเรือนหลักของจวน ภายในสวนดังกล่าวเต็มไปด้วยดอกไม้มากมายหลากชนิด หลากสีสันส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่ว ด้วยเพราะอิ๋งชวนโหวมีนิสัยรักและชื่นชอบดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมทุกชนิดและลงมือปลูกดอกไม้ด้วยตัวเองถอดแบบนิสัยมาจากมารดาผู้ให้กำเนิด
ซึ่งภายในสวนหย่อมล้วนเป็นดอกไม้ที่มารดาชื่นชอบทั้งสิ้น หวังใจว่าเมื่อติดตามค้นหาจนพบจะนำมาพำนักในจวนหลังงามแห่งนี้เพื่อคอยดูแลอย่างดีที่สุดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตและมีดอกไม้ที่มารดาชื่นชอบปลูกรอคอยเอาไว้ให้ชื่นชม
ในขณะที่กำลังเดินชมดอกไม้อยู่ภายในสวนหย่อมอย่างเพลิดเพลิน พลังเสียงที่คุ้นชินดังก้องอยู่ทางด้านหลัง
“เย่หลิง!!!!”เสียงตะโกนเรียกชื่อดังมาก่อนตัวพร้อมร่างเล็กๆ ของท่านหญิงอี้ฉางก้าวเดินนำหน้าพ่อบ้านฉีออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นร่างของหวางเย่หลิง
ควับ! เสียงเรียกของสตรีที่อยู่ด้านหลังทำให้หวางเย่หลิง หันกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมรอยยิ้มแห่งความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้างามทันทีที่เห็นท่านหญิงอี้ฉาง
“เยี่ยนเยี่ยน!”นางเรียกชื่อเล่นของเพื่อนรักออกมาทันใดด้วยความดีใจพร้อมรีบก้าวเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
ท่านหญิงอี้ฉางตรงปรี่เข้าไปหาเพื่อนรักของนางด้วยความดีใจไม่แพ้กัน พลางหันร่างงามหมุนรอบเพื่อสำรวจความผิดปกติที่เกิดขึ้นก่อนจะเห็นริมฝีปากอวบอิ่มมีรอยแดงจางๆ หลงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย
“เจ้าเป็นอย่างไงบ้างเย่หลิง เหตุใดจึงไม่หารือกับข้าก่อน จึงตัดสินใจเช่นนี้ แล้วนี่มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่ากว่าข้าจะล่วงรู้จากท่านลุง เจ้าก็เข้ามาอยู่ที่จวนอิ๋งชวนโหวสามวันเข้าไปแล้ว”ท่านหญิงจอมโวยวายถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
“พูดอะไรเบาๆ หน่อยเยี่ยนเยี่ยน”หวางเย่หลิงพูดพลางพยักเพยิดไปทางพ่อบ้านฉี ที่ยังคงยืนอยู่ไม่ยอมออกไปไหน
ท่านหญิงอี้ฉางเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ทันทีจึงหันกลับไปมองทางด้านหลังพร้อมเอ่ยขึ้น
“ขอบใจเจ้ามากนะที่นำทางมาจนพบเพื่อนของข้า ไม่มีอะไรแล้วจะไปทำอะไรก็ตามสบาย ข้าจะสนทนากับสหายรักตามลำพังเสียหน่อย”ท่านหญิงจอมโวยวายพูดพลางยกมือสะบัดไปมาเป็นการไล่พ่อบ้านของจวนอิ๋งชวนโหว ก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายตอบสวนกลับมาทันควัน
“ข้าน้อยมีหน้าที่ต้องคอยดูแลนายหญิงอย่างใกล้ชิดขอรับ ท่านโหวสั่งเอาไว้ว่าห้ามไม่ให้คลาดสายตา ยิ่งมีผู้มาเข้าพบเช่นนี้ข้าน้อยยิ่งต้องอยู่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยของนายหญิง”พ่อบ้านฉีพูดออกไปอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย
“นะ...นี่...นี่เจ้า...กล้าขัด...”ท่านหญิงอี้ฉางกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหยุดชะงักเมื่อท่อนแขนถูกเพื่อนรักดึงเอาไว้ไม่ให้นางโวยวายออกไปจะพาลเสียการใหญ่เอาได้ พร้อมเสียงของหวางเย่หลิงดังแทรกขึ้น
“ขอบคุณพ่อบ้านฉีเป็นอย่างมากที่พาท่านหญิงมาพบข้า ถ้าอย่างไรจัดหาของว่างและน้ำชาร้อนๆ สักกามาให้นางได้ดื่มหน่อยเถิด”หวางเย่หลิงกล่าวกับพ่อบ้านของจวน
“ขอรับนายหญิง”พ่อบ้านฉีรับคำอย่างว่าง่ายพร้อมก้าวเดินออกไปจากบริเวณดังกล่าว ท่ามกลางสายตาของท่านหญิงอี้ฉางที่แสดงอาการฮึดฮัดออกมาทันทีเมื่ออยู่ลำพังเพียงสองคน
“เจ้ามาห้ามข้าทำไม! เหตุใดจึงไม่ปล่อยให้ข้าจัดการบ่าวจวนนี้ ช่างไม่รู้จักคำว่ามารยาทเสียบ้างเลย”นางโวยวายเป็นการใหญ่ตามนิสัยเอาแต่ใจที่ถูกตามใจแต่เด็ก
“ขืนให้เจ้าทำเช่นนั้น ข้าก็คงจะทำอะไรดั่งที่คิดการเอาไว้ไม่ได้อีกต่อไปนะสิ ขอร้องเถอะนะเยี่ยนเยี่ยนพยายามใจเย็นหน่อยเถิดอย่าอารมณ์ร้อนเดี๋ยวจะเสียการใหญ่..มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้”หวางเย่หลิงบอกเพื่อนรัก
ครั้นท่านหญิงอี้ฉางได้ยินเช่นนั้นรีบหันกลับมามองหน้าเพื่อนอย่างรวดเร็วพร้อมเอ่ยขึ้น
“จะให้ช่วยอย่างไงบอกมาเลย เอาแบบสั้นๆ เข้าใจง่ายหน่อยนะเพราะข้าล่วงรู้มาจากท่านพ่อของเจ้าบางส่วนแล้ว”ท่านหญิงอี้ฉางกรอกเสียงถามกลับไปทันที
“มีเวลาน้อยจะรีบอธิบายก่อนที่พ่อบ้านฉีจะกลับเข้ามาอีกครั้งฟังแผนของข้าให้ดีนะ แล้วรีบทำตามทุกอย่างที่ข้าบอก วันมะรืนจะได้เจอกันที่ไม่ใช่จวนนี้ แต่ถ้าไม่ทำแล้วละก็อีกนานกว่าเจ้ากับข้าจะได้เจอกันอีก ซ้ำร้ายตัวข้าเองก็ไม่ล่วงรู้ว่าชะตากรรมเบื้องหน้าจะเป็นเช่นไรต่อไป”นางบอกเพื่อนรักผู้สูงศักดิ์
ท่านหญิงอี้ฉางถึงยืนฟังอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเพื่อนรักกล่าวออกมาเช่นนั้น นางถึงกับสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกด้วยมิรู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังประสบปัญหาใหญ่หลวงถึงเพียงใด
“เจ้ารีบเล่าเรื่องทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตอนเข้ามาอยู่ที่จวนนี้ให้ข้าฟังมาทั้งหมด อย่าได้ตกหล่นแม้แต่น้อยเย่หลิงเล่ามาเดี๋ยวนี้เลย”ท่านหญิงจอมโวยวายเร่งเร้าเพื่อนก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมา
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าฟังข้าให้ดีนะเยี่ยนเยี่ยน พอฟังจบแล้วก็รีบคิดแผนช่วยข้าอย่างเร่งด่วน”นางบอกเพื่อนรัก
ท่านหญิงอี้ฉางพยักหน้าขึ้นลง พร้อมกับรับฟังเรื่องราวของเพื่อนสนิทตั้งแต่ต้นจนจบโดยที่อีกฝ่ายไม่ปิดบังแม้แต่น้อย ก่อนจะจบลงพร้อมเสียงร้องเอ็ดอึงแทรกขึ้นมาทันที
“เจ้าอุ่นเตียงกับจอมอำมหิตตั้งแต่วันแรกที่เข้าจวนอย่างนั้นเลยเหรอ...แล้วรู้สึกเป็นอย่างไงบ้าง..ดีไหม”นางรีบถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“เยี่ยนเยี่ยน!!! ตกลงเจ้าอยู่ข้างผู้ใดกันแน่”หวางเย่หลิง ถามสวนกลับไปทันที ท่ามกลางเสียงหัวเราะดังอยู่ในลำคอของท่านหญิงจอมโวยวายก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ถามได้! ก็ต้องเข้าข้างเจ้านะสิแต่ที่ถามก็เพราะแปลกใจและสงสัยว่าเพราะเหตุใดจอมอำมหิตแห่งกู้กงที่ขึ้นชื่อได้ว่าเลือดเย็น ไร้ความปราณีทั้งกระด้างและเย็นชา อีกทั้งยังไม่เคยได้ยินว่ามีฮูหยินหรือแม้แต่อนุภรรยา แม้กระทั่งสตรีบำเรอนำเข้าจวนจนคิดไปว่า คนผู้นั้นต้องด้านชากับความรู้สึกระหว่างชายหญิงเป็นแน่ แต่ที่ไหนได้กับจับเจ้าอุ่นเตียงตั้งแต่วันแรกที่เข้าจวนจะไม่ให้แปลกใจได้อย่างไงเล่า”ท่านหญิงอี้ฉางพูดพลางครุ่นคิดตาม
“อย่ามัวแต่แปลกใจสิ่งใดอยู่เลย สนใจตัวข้าหน่อยว่ายังไม่รู้ชะตากรรมเบื้องหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ที่แน่ๆ ช่วยคิดหาวิธีที่จะไม่ให้ข้าต้องพำนักอยู่ร่วมจวนเดียวกันกับคนผู้นั้น พูดตรงๆ ก็คือข้าไม่อยากนอนร่วมห้องกับอิ๋งชวนโหวอีกและก็ไม่แน่ใจด้วยว่าได้อุ่นเตียงกับคนผู้นั้นหรือไม่”นางบอกเพื่อนรัก
ฮืออออ!!! ท่านหญิงอี้ฉางส่งเสียงอยู่ในลำคอครั้นได้ยินเช่นนั้น
“นี่เจ้ากลัวการนอนร่วมห้องกับจอมอำมหิตเหรอ..อีกทั้งยังไม่แน่ใจด้วยว่าได้อุ่นเตียงด้วยกันหรือไม่ ตกลงอย่างไงกันแน่ ข้างงไปหมดแล้ว...นี่อย่าบอกนะว่าตอนอุ่นเตียงด้วยกันเจ้าไม่รู้สึกอะไรเลย”ท่านหญิงอี้ฉางถามย้ำ หากแต่อีกฝ่ายกลับมีแต่ความเงียบงันมิตอบกลับไป
“เอ้า! ไม่ได้ยินเหรอที่ข้าถามเย่หลิง ตกลงเจ้าอุ่นเตียงกับอิ๋งชวนโหวแล้วใช่ไหมหรือว่ายังไม่มี”ท่านหญิงถามย้ำกลับไปเพื่อความแน่ใจก่อนจะได้ยินเสียงเพื่อนรักตอบกลับมา
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าได้อุ่นเตียงกับคนผู้นั้นหรือยัง รู้แต่ว่าพอตื่นขึ้นมาก็เห็นเพียงผ้าผืนเดียวพันเอาไว้รอบกายข้าแค่นั้น นอกนั้นไม่มีอะไรเหลือเลย กายข้าเปลือยเปล่าไร้สิ้นอาภรณ์ห่อหุ้ม”
ฉาด!!!!! ท่านหญิงอี้ฉางกระหน่ำฝ่ามือฟาดเข้ากับหน้าขาของตัวเองทันที
“เจ้าผ่านการอุ่นเตียงกับอิ๋งชวนโหวแล้ว ในเมื่อตื่นขึ้นมามีเพียงผ้าพันเอาไว้รอบกายแค่นั้นไม่ต้องสงสัยถามให้มากความไปกว่านี้หรอก แต่จะว่าไปเหตุใดเจ้าจึงได้นอนไม่ได้สติถึงเพียงนั้นจนไม่รู้แม้กระทั่งว่ากำลังถูกอุ่นเตียง อย่าบอกนะว่านอนหลับไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย”
“ถูกต้องข้านอนหลับเป็นตายเลยเชียวนะเยี่ยนเยี่ยน”หวางเย่หลิงตอบกลับไป
คำตอบของเพื่อนรักเล่นเอาท่านหญิงอี้ฉางยืนงุนงงกับสิ่งที่กำลังได้ยิน
“อะไรกันนี่ถูกบุรุษจับอุ่นเตียงด้วยยังหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องได้อย่างไงกัน”ท่านหญิงรำพึงอยู่ภายในใจก่อนจะเอ่ยถาม
“แล้วนี่เจ้าจะทำอย่างไงต่อไป”
“ข้าคิดอะไรไม่ออกเลย จึงฝากบอกท่านพ่อให้ติดต่อกับเจ้าทันทีที่เดินทางกลับมาจากแดนใต้เพื่อช่วยกันคิดอยู่นี่ไง”
“เฮ้อ! ไม่เคยมีผู้ใดหนีพ้นเงื้อมมือจอมอำมหิตแห่งกู้กงไปได้เลยสักคน ยิ่งตอนนี้เจ้าตกเป็นผู้ต้องสงสัยกับเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองที่จะต้องส่งมอบให้กับทางราชสำนักสูญหายไป จะเป็นคนร้ายก็ไม่ใช่จะคล้ายเป็นพยานก็ไม่เชิงแต่ดันเข้าจวนมาให้เป็นสตรีบำเรอ แต่สถานะภายในจวนตอนนี้ของเจ้ากลับประหนึ่งนายหญิงของจวนอิ๋งชวนโหว หากเจ้าหนีออกจากจวนนี้ไปชะตากรรมของท่านลุงและทุกชีวิตในตระกูลหวางจะลงเอยแบบไหนละ บอกตามตรงข้าเองก็มืดแปดด้านเหมือนกัน”ท่านหญิงพูดพลางถอนหายใจออกมาอย่างแรง
หวางเย่หลิงเงียบงันไปเพียงครู่เมื่อได้ยินเพื่อนรักกล่าวออกมาเช่นนั้น
“ข้าหลงลืมคิดไปเสียสนิท ว่าหากแม้นหนีออกจากจวนนี้ไปแล้ว ท่านพ่อและทุกชีวิตในตระกูลหวางจะต้องเดือดร้อนเป็นแน่ แต่ข้าอยากอยู่ให้ไกลห่างจากคนผู้นั้น ข้าไม่อยากเป็นสตรีบำเรอของอิ๋งชวนโหว ทำอย่างไรก็ได้ที่จะไม่ให้ข้าต้องทำหน้าที่อุ่นเตียงกับคนผู้นั้นได้อีกต่อไป ข้าไม่ได้มีความหมายกับชีวิตของอิ๋งชวนโหว ที่แม้นหากขาดข้าไปคนผู้นั้นต้องหมดลมหายใจหรือหมดอาลัยตายอยากไปกับชีวิตเสียที่ไหนกันเล่า”
คำกล่าวของหวางเย่หลิงทำให้ท่านหญิงอี้ฉางเฝ้าครุ่นคิด ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างไพล่เอาไว้ทางด้านหลังพลางเดินวนเป็นวงกลมเพื่อขบคิดหาวิธีช่วยเหลือสหายรักก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ข้าขอเวลาคิดแผนการช่วยเหลือเจ้าคืนนี้ก่อน ได้เรื่องอย่างไงแล้วจะให้คำตอบ ถ้าจะต้องหาวิธีออกจากจวนนี้ก็ต้องแนบเนียนหน่อยแต่คงถ่วงเวลาได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น ส่วนจะยื้อเวลาได้นานมากน้อยเพียงใด คงต้องแล้วแต่โชคชะตาของเจ้า”กล่าวพร้อมถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้มแทนเพื่อนรัก
“ขอบใจเจ้ามากนะเยี่ยนเยี่ยน เจ้าเป็นเพื่อนแท้และเพื่อนตายของข้าจริงๆ คิดแผนออกแล้วรีบบอกเลยนะ จะได้เตรียมตัวเอาไว้พอถึงวันมะรืนจะได้ไม่มีอะไรสะดุด ออกจากจวนนี้ไปอย่างราบรื่นโดยที่อิ๋งชวนโหวก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้เช่นกัน”นางบอกเพื่อนรักด้วยความหวังอันเปี่ยมล้น
“ข้าจะพยายามเย่หลิง ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ก็แล้วแต่โชควาสนาของเจ้าก็แล้วกัน”ท่านหญิงอี้ฉางบอกพลางเหลือบสายตาเห็นร่างของพ่อบ้านฉีกำลังเดินกลับเข้ามาภายในสวนหย่อมโดยมีบ่าวหญิงสองนางยกถ้วยชาและของว่างนำมาตามคำสั่งของหวางเย่หลิง
“สั่งอย่างไงได้อย่างนั้นจริงด้วย”ท่านหญิงพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะทำทีเดินชมดอกไม้ไปพร้อมกับสหายสนิทพลางดื่มชาและกินของว่างไปด้วยพร้อมกันเพื่อไม่ให้เกิดพิรุธในการมาของนาง
ในเวลาต่อมา
รถม้าของท่านหญิงอี้ฉางกำลังแล่นไปตามท้องถนนของเมืองหลวงเพื่อเดินทางกลับจวนอ๋องตงหยาง ภายในรถม้าดังกล่าวท่านหญิงร่างเล็กกำลังนั่งเอามือกอดอกครุ่นคิดหาวิธีช่วยเหลือหวางเย่หลิงอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ออกมาจากจวนอิ๋งชวนโหว
“จะใช้แผนไหนที่จะได้ไม่ต้องอยู่ร่วมจวนกันนะเหรอ บอกตรงๆ ว่าคิดไม่ออกเลย มิหนำซ้ำถ้าลงมือทำลงไปเท่ากับว่ากำลังงัดข้อกับจอมอำมหิตแห่งกู้กง ผู้ที่สามารถจะจัดการกับคนผู้นั้นได้จะมีก็แต่เพียงฝ่าบาทและไทฮองไทเฮาเท่านั้นแหละที่อิ๋งชวนโหวให้ความเกรงใจและความเคารพ นอกนั้นอย่าหวังว่าจะก้มหัวให้..เฮ้อ! เย่หลิงบอกตามตรงเลยว่าข้าหมดปัญญาที่จะช่วยเจ้าด้วยวิธีใดจริงๆ”ท่านหญิงอี้ฉางรำพึงรำพันให้กับตัวเองพลางเอนกายกึ่งนอนกึ่งนั่งไปกับที่นั่งบนรถม้าอย่างอ่อนใจยิ่งนัก ก่อนจะใช้มือเปิดม่านหน้าต่างออกในขณะที่รถม้ากำลังแล่นผ่านพระราชวังกู้กงไปอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นเอง
ร่างเล็กกะทัดรัดของท่านหญิงจอมโวยวาย จู่ๆ ก็ลุกพราดพราดขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว
“ข้านึกออกแล้วว่าจะให้เย่หลิงไม่ต้องอยู่ร่วมจวนเดียวกันกับอิ๋งชวนโหวได้อย่างไง วิธีนี้แนบเนียนที่สุดไม่มีผู้ใดสงสัยและไม่เกิดข้อพิรุธ มิหนำซ้ำจอมอำมหิตก็ไม่กล้าต่อกรด้วยอย่างแน่นอน มันต้องอย่างนี่สิ! เยี่ยนเยี่ยน ทั้งงามและฉลาดสมกับเป็นท่านหญิงอี้ฉางแห่งจวนอ๋องตงหยางเสียนี่กระไร”ท่านหญิงนั่งหัวเราะชอบอกชอบใจเป็นการใหญ่เมื่อนางสามารถหาหนทางที่จะช่วยเหลือหวางเย่หลิงได้อย่างแน่นอน