จวนตระกูลหวาง
“ว่าอย่างไรนะ! เย่หลิงตอนนี้พำนักอยู่ที่จวนอิ๋งชวนโหวแล้วอย่างนั้นเหรอท่านลุง”เสียงแหลมสูงของท่านหญิงอี้ฉางดังออกมาทันทีด้วยความตกใจ
ครั้นเมื่อนางเดินทางมาหาเพื่อนสนิทแต่กลับได้ยินเรื่องราวไม่คาดคิดที่กำลังเกิดขึ้นกับตระกูลหวาง
“เหตุใดท่านลุงไม่บอกเรื่องเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่สูญหายไปกับข้า อย่างน้อยแม้ว่าจะหาเงินจำนวนมหาศาลนี้ส่งมอบราชสำนักยากเกินกำลังก็ตามทีเถอะ แต่ข้าเชื่อว่าต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้สินะ”ท่านหญิงโวยวายเป็นการใหญ่ครั้นล่วงรู้เรื่องราวทั้งหมดออกจากปากของหวางเจี้ยนเฉิงจนหมดสิ้น
“ทุกชีวิตของผู้คนในตระกูลหวางนับหลายร้อย ทำให้ต้องตัดสินใจแก้ปัญหาเช่นนั้นท่านหญิง แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่าอิ๋งชวนโหวจะมีข้อแลกเปลี่ยนที่เหนือความคาดหมาย จึงจำต้องทำตามตามข้อเรียกร้องอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เลยเพราะหลิงเอ๋อตกเป็นผู้ต้องสงสัยกับเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย”หวางเจี้ยนเฉิงพูดพลางน้ำตาซึมเมื่อย้อนคิดถึงบุตรสาวเพียงคนเดียว
และถ้อยคำดังกล่าวทำให้ท่านหญิงอี้ฉางเกิดความกังวลไม่แพ้กัน ห่วงความปลอดภัยของเพื่อนรักและเกิดความสงสัยเคลือบแคลงกับเรื่องที่เกิดขึ้นยิ่งนัก
“จอมอำมหิตแห่งกู้กง ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมและเย็นชา แข็งกระด้างและไร้สิ้นความรู้สึกเป็นยิ่งนัก แต่ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเพราะเหตุใดจึงต้องการเย่หลิงไปเป็นสตรีของคนผู้นั้น หากต้องการนางเพื่อพิสูจน์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่สูญหายไปหรือไม่ โดยการกักขังนางเอาไว้ภายในจวนอิ๋งชวนโหวเช่นนั้นก็ได้ แต่เพราะเหตุใดจึงต้องการเย่หลิง ให้อยู่ในสถานะเช่นนั้นด้วยเล่า ภายภาคหน้านางจะออกเรือนไปกับบุรุษอื่นได้อีกเหรอท่านลุง”ท่านหญิงอี้ฉางกล่าวพร้อมหันกลับไปมองหน้าหวางเจี้ยนเฉิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความหม่นหมองอยู่ในเวลานี้
ครั้นเห็นชายชรามีอาการเช่นนั้นท่านหญิงจอมโวยวายอยากจะตบปากตัวเองเสียให้ได้ ที่กล่าวสิ่งใดออกมาโดยไม่รู้จักคิดเสียก่อน
“ช่างเถอะ! ช่างเถอะท่านลุง! เช่นนั้นข้าจะไปหาเย่หลิงที่จวนอิ๋งชวนโหว เผื่อบางทีจะได้คิดหาวิธีที่จะช่วยนางออกมาจากจวนของจอมอำมหิตผู้นั้นได้”นางรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
คำกล่าวของท่านหญิงอี้ฉางทำให้ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความหม่นหมองของหวางเจี้ยนเฉิงแปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้นพร้อมเอ่ยขึ้น
“หากท่านหญิงคิดหาวิธีช่วยหลิงเอ๋อออกมาจากจวนของอิ๋งชวนโหว ลุงขอเตือนเอาไว้เลยว่าจงรอบคอบให้จงหนักเพราะจอมอำมหิตแห่งกู้กง ขึ้นชื่อว่าฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก ลุงเกรงว่าท่านหญิงจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย อีกอย่างเรื่องเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่สูญหายไปอย่าได้แพร่งพรายออกไปอย่างเด็ดขาด เพราะอิ๋งชวนโหวกำลังส่งหน่วยองครักษ์เสื้อแพรตามสืบเรื่องนี้อยู่อย่างลับๆ”หวางเจี้ยนเฉิงกล่าวเตือนท่านหญิงอารมณ์ร้อน
“เรื่องนั้นท่านลุงไม่ต้องห่วง จอมอำหมิตแห่งกู้กงทำอะไรข้าไม่ได้หรอกอย่าลืมสิว่า ข้าเป็นเหลนคนโปรดของไทฮองไทเฮาเลยเชียวนะ คนผู้นั้นหาญกล้าคานอำนาจเสด็จทวดของข้าได้อย่างนั้นเหรอ แม้แต่ฝ่าบาทยังยำเกรงเลยนับประสาอะไรกับคนผู้นั้นด้วยเล่า”นางพูดพลางลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วก่อนจะนึกขึ้นได้
“ส่วนเรื่องเงินห้าหมื่นตำลึงทองที่สูญหายไปขอท่านลุงได้โปรดวางใจ เรื่องนี้จะเป็นความลับสุดยอดจนกว่าจะได้รับความกระจ่าง และข้าจะหาทางช่วยสืบอย่างลับๆ อีกแรงเพื่อพิสูจน์ว่าเย่หลิงเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าขอตัวก่อนท่านลุงจะไปเยือนจวนอิ๋งชวนโหวเสียหน่อย”ท่านหญิงอี้ฉางกล่าวพร้อมยกสองมือขึ้นคาราวะก่อนจะก้าวออกจากห้องหนังสือไปอย่างรวดเร็ว
ท่ามกลางสายตาของหวางเจี้ยนเฉิงมองตามร่างเล็กกะทัดรัดเหลนคนโปรดของไทฮองไทเฮาอย่างมีความหวังขึ้นมาในหัวใจ ว่าอย่างน้อยบุตรสาวจะได้รับการปกป้องจากสหายรักไม่มากก็น้อย
“หวังว่าท่านหญิงอี้ฉางจะมีวิธีช่วยหลิงเอ๋อได้บ้างไม่มากก็น้อย”หวางเจี้ยนเฉิงกล่าวอย่างมีความหวัง
ในเวลาต่อมา
จวนอิ๋งชวนโหว
“หลีกไปให้พ้น! หลีกไปให้หมดทุกคนเลยนะ บ่าวรับใช้ของอิ๋งชวนโหวไม่ล่วงรู้หรืออย่างไรว่าข้าคือท่านหญิงอี้ฉางจากจวนอ๋องตงหยาง ข้ามาเยือนจวนเพราะต้องการพบหวางเย่หลิงเพื่อนรักของข้า นางอยู่ที่ไหน!!!”ท่านหญิงจอมโวยวายส่งเสียงถามดังกึกก้องจนได้ยินไปทั่วทั้งจวน
บรรดาบ่าวรับใช้ภายในจวนอิ๋งชวนโหว ต่างหันกลับมามองหน้ากันเลิกลั่กครั้นได้ยินเช่นนั้น
“จะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะพ่อบ้านฉีท่านหญิงอี้ฉางมาเยือนจวนแบบนี้ ท่านโหวก็ไม่อยู่เสียด้วยหากให้ท่านหญิงเข้าไปถึงเรือนนอนบูรพา จะไม่พากันถูกลงโทษถึงตายเลยอย่างนั้นเหรอ เรือนบูรพาเป็นเรือนหลักและยังเป็นเรือนนอนของท่านโหวอีกด้วยนะ”บ่าวรับใช้หารือกับหัวหน้าบ่าวรับใช้ นามว่าฉีหยวนซึ่งมีตำแหน่งเป็นพ่อบ้านคอยดูแลจวนอิ๋งชวนโหว
“เจ้ารีบให้บ่าวไปส่งข่าวให้ท่านโหวทราบที่หน่วยองครักษ์เสื้อแพร รายงานเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นป้องกันความเดือดร้อนที่กำลังจะมาหาเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง แน่นอนว่าไม่สามารถทัดทานท่านหญิงได้หรอก หาไม่แล้วหากล่วงรู้ไปถึงไทฮองไทเฮาละก็จะพากันเดือนร้อนกันหมด เพราะท่านหญิงเป็นเหลนคนโปรดทั่วทั้งต้าหมิงต่างล่วงรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี”พ่อบ้านฉีบอกกลับไป
“เจ้าค่ะ...ข้าจะรีบให้บ่าวที่ทำหน้าที่ส่งข่าวไปรายงานให้ท่านโหวที่หน่วยองครักษ์เสื้อแพรเดี๋ยวนี้เลย”
ร่างเล็กของบ่าวรับใช้วัยกลางคนพูดพร้อมรีบเดินออกจากบริเวณห้องโถงรับรองดังกล่าวอย่างรวดเร็วเพื่อรีบส่งข่าวให้อิ๋งชวนโหวได้ล่วงรู้ พร้อมร่างของพ่อบ้านฉีก้าวเดินเข้าไปหาท่านหญิงอี้ฉางเพื่อให้การต้อนรับ
“ข้าน้อยฉีหยวน ทำหน้าที่เป็นพ่อบ้านคอยดูแลภายในจวนขอรับ ขอท่านหญิงอย่าได้ขุ่นเคืองและให้อภัยบ่าวคนอื่นๆ ด้วยเถิดที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้สถานะท่านหญิงจึงกระทำการเช่นนั้น ข้าน้อยจะเป็นผู้พาไปเรือนบูรพาด้วยตัวเองขอรับ นายหญิงเย่หลิงอยู่ที่เรือนดังกล่าว”สิ้นเสียงของพ่อบ้านฉี
ท่านหญิงอี้ฉางหยุดชะงักไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“นายหญิงอย่างนั้นเหรอ นะ..นี่...พวกเจ้าเรียกเพื่อนข้าเช่นนั้นเหรอ อีกทั้งเย่หลิงยังได้พำนักอยู่เรือนบูรพาด้วยหรือนี่ นั่นมันเรือนหลักเลยเชียวนะ และยังเป็นเรือนที่อิ๋งชวนโหวพำนักด้วยไม่ใช่เหรอ เพื่อนของข้าเหตุใดจึงพำนักอยู่ที่เรือนนั้นในเมื่อนางเป็น...”ท่านหญิงอี้ฉางกล่าวได้เพียงเท่านั้นก็เงียบเสียงลงไปทันทีพลางกรอกตากลับไปกลับมาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ท่านโหวแนะนำเพื่อนของข้ากับพวกเจ้าว่าอย่างไง”ท่านหญิงเลียบๆ เคียงๆ ถามหยั่งเชิง
“ท่านโหวไม่บอกอะไรขอรับ แต่ให้พวกข้าน้อยเรียกว่านายหญิง”พ่อบ้านฉีตอบกลับไปโดยไม่เสียเวลาคิดท่ามกลางความงุนงงของท่านหญิงอี้ฉางครั้นได้ยินเช่นนั้น
“จอมอำมหิตผู้นี้คิดอย่างไงกับเพื่อนของข้ากันแน่ ต้องการนำนางมาเป็นสตรีบำเรอ หรือต้องการนางนำมาเป็นนายหญิงของจวน ปกติสตรีบำเรอจะอยู่เรือนข้างหรือไม่ก็เรือนนอนอื่นที่จัดเตรียมเอาไว้ แต่นี่ให้นางอยู่เรือนหลักด้วยกัน แปลก! แปลกมากเลย”ท่านหญิงอี้ฉางครุ่นคิดในใจก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังชายวังกลางคนตรงหน้า
“นำทางข้าไปสิ! ข้าอยากพบเพื่อนของข้าโดยเร็วที่สุด”ท่านหญิงอี้ฉางออกคำสั่งเสียงห้วนตามนิสัยของสตรีชั้นสูงที่มีเชื้อสายราชวงศ์
“เชิญทางนี้เลยขอรับท่านหญิง”พ่อบ้านฉีกล่าวพร้อมผายมือไปยังทิศทางซึ่งนำไปสู่เรือนนอนบูรพาของจวนก่อนจะก้าวเดินนำหน้าไปก่อนเล็กน้อย โดยมีร่างของท่านหญิงอี้ฉางก้าวเดินตามหลังไปติดๆ