ตอนที่9 คะนึงหา
“แจ๋วกับจอยไปหาดูตรงนั้น ส่วนลุงสันต์ลองเอาเสียมขุดใต้ต้นไม้นี่ด้วยนะเผื่อมีอะไรฝังอยู่”
“พวกเรากำลังหาอะไรกันอยู่คะคุณน้ำหวาน”
สาวรับใช้คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าฉงน หลังจากเจ้านายสาวเกณฑ์คนรับใช้ให้ออกมาช่วยหาสิ่งของบางอย่างกันตั้งแต่เช้า
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
น้ำหวานกอดอกสีหน้าเครียดขรึม
“อ้าว งั้นถ้าหากหาเจอพวกเราจะรู้ไหมคะคุณน้ำหวานว่าเป็นของที่คุณน้ำหวานกำลังหาอยู่” สาวรับใช้ขี้สงสัยยกมือเกาหัวแกรกๆ
“บร๊ะ! มึงก็ช่างสอดรู้ถามซอกแซกซะจริง เจ้านายบอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะวะนังแจ๋ว”
ลุงสันต์ที่ทราบเรื่องราวทั้งหมดอยู่เพียงคนเดียวพูดสวนขึ้นหวังแก้ต่างแทนเจ้านาย
“ฉันก็แค่อยากรู้เฉยๆ น่ะลุงสันต์ว่าพวกเราหาอะไรกันอยู่ หนูไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้สอดเห็นนะคะคุณน้ำหวาน”
สาวใช้ชื่อแจ๋วทำหน้าเจื่อน
“ช่างเถอะแจ๋ว หาต่อไปเหอะหากเจอฉันจะรู้เองลองช่วยกันหาดูให้ละเอียดหน่อยนะ ฉันจะเข้าไปนั่งพักเหนื่อยสักหน่อย ถ้าหากเจอสิ่งของแปลกปลอมที่คิดว่าไม่ควรอยู่ภายในบ้านก็ให้รีบไปบอกฉันด้วย เข้าใจไหม”
“ค่ะคุณน้ำหวาน”
น้ำหวานสั่งงานเสร็จก็เดินมานั่งพักในห้องรับแขก สองวันล่วงเลยมาแล้วหลังจากเธอไปหาพ่อหมอ กลับมาบ้านก็พยายามค้นหาสิ่งของที่ทางฝั่งเมญ่าทำใส่คุณสรยุทธ์สามีเธอแล้วเอามาซ่อนไว้ภายในบ้าน แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังหาสิ่งของที่ว่าไม่พบ อีกทั้งท่าทีของสามีเธอก็ยิ่งดูแย่ลงไปกว่าเดิมอีก ขนาดแม่แท้ๆ ของเขาป่วยแทนที่มีกะจิตกะใจแวะมาเยี่ยมเยียนท่านสักห้านาทีสิบนาทียังไม่มี
“พ่อหมอคะหากหาของนั่นไม่เจอฉันจะทำยังไง”
ใบหน้าของพ่อหมอหนุ่มแทบไม่ห่างหายไปจากมโนภาพในหัวของเธอตั้งแต่กลับมา ไม่ว่าจะเป็นตอนนั่ง นอน ยืน เดิน หรือทำอะไรพอหัวว่างจากความคิดเกี่ยวกับการงานใบหน้าของเขาก็จะผุดเข้ามาในหัวของเธอทันที ลักษณะอาการดังกล่าวมันราวกับรักแรกของผู้หญิงตอนอยู่ในช่วงวัยแรกรุ่นไม่มีผิด อยากเห็นหน้า อยากเจอตัว อยากได้ยินเสียงของเขาอยู่ตลอดเวลาทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ถูกไม่ควร
“คุณน้ำหวานครับ พวกผมช่วยกันดูทั่วแล้วครับคุณน้ำหวานแต่ไม่พบอะไรเลย”
ผ่านไปครู่ใหญ่ลุงสันต์ก็เข้ามารายงาน ใบหน้าของชายสูงวัยชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ไม่เป็นไรบอกคนอื่นให้ไปพักผ่อนกันเถอะ”
“ครับคุณน้ำหวาน”
“จริงสิลุงสันต์ ข้าวของที่ฉันให้จัดเตรียมเอาไว้ทำพิธีครบหมดทุกอย่างแล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยครับ ผมให้ช่วยกันขนไปใส่ท้ายรถเอาไว้พร้อมแล้ว”
“อืม มีอะไรก็ไปทำเถอะ”
“ว่าแต่คุณน้ำหวานจะไปที่นั่นคนเดียวจริงเหรอครับ”
คนรับใช้เก่าแก่มองนายหญิงของเขาด้วยสายตาเป็นห่วง
“ใช่ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ ชีวิตนี้ของฉันคงไม่มีอะไรต้องเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
ลุงสันต์พยักหน้าช้าๆ ความวิตกกังวลรวมไปถึงความห่วงใยแฝงเอาไว้บนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยครบถ้วน เขาค่อยๆ เดินจากไปช้าๆ ปล่อยให้นายหญิงนั่งทอดอาลัยอยู่ในห้องรับแขกเพียงลำพัง
บ้านพ่อหมอพรหมเมศ
“พ่อหมออยู่ไหมวะอีเดือน”
“อยู่ ว่าแต่มึงมาทำไมอีแนท”
เดือนแรมยกมือเท้าเอวมองหน้าแขกสาวของพ่อหมออย่างไม่สบอารมณ์
“ถามได้ กูก็มาลงของเพิ่มกับพ่อหมอน่ะสิ”
หญิงสาวที่ชื่อแนทเชิดหน้ายักคิ้วส่งกลับไป ท่าทางยียวนกวนประสาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“เชอะ มาลงของเพิ่ม ช่วงนี้ขาดของเหรอมึง”
เดือนแรมตั้งใจพูดประชดประชันแนวสองแง่สองง่าม เนื่องจากเดือนแรมรู้ดีว่าวิธีการลงของที่ว่านั้นพ่อหมอต้องทำอย่างไรกับหญิงสาวที่ต้องการมาลงเสน่ห์เมตตา แต่คนฟังกลับไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด เดือนแรมและแนทเคยเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่สมัยวัยละอ่อน พอโตขึ้นด้วยนิสัยใจคอที่ละม้ายคล้ายกันนั่นก็คือปากเสียและนิสัยไม่ยอมคน ทำให้ทั้งสองมีอันต้องเลิกคบกันไป เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนรักกลายมาเป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อ
“กูจะของขาดของเหลือก็ไม่เกี่ยวกับมึงหรอกโว้ยอีเดือนดับ ยังไงซะก็ยังดีกว่าของแห้งเป็นปลาร้าค้างปีไม่มีใครแลอย่างมึงแหละวะ”
“อีแนท”
คนโดนพูดแทงใจดำยกมือเงื้อขึ้น
“ทำไมๆ มึงจะตบกูตรงนี้เหรอวะอีเดือน ใจๆ หน่อย กูจะคอยดูว่าพ่อหมอจะไล่มึงอย่างหมูอย่างหมาไหม หลีกไปกูจะขึ้นไปหาพ่อหมอ”
“ฝากไว้ก่อนเหอะมึง”
“เออ แล้วรีบมาเอาไวไวล่ะอย่าฝากไว้นาน”
สาวแนทเดินเบียดเดือนแรมผ่านประตูเข้าไปในบ้าน ท่ามกลางสายตาชิงชังด่าทอที่มองตามหลังหล่อนไปติดๆ
“อีร่าน”
“เมื่อกี้มึงว่าอะไรนะอีเดือน กูจะขึ้นไปฟ้องพ่อหมอ”
“เปล่านี่ กูไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย หูมึงหาเรื่องเอง”
สองสาวฟาดฟันกันด้วยสายตาพิฆาตชนิดที่ไม่มีใครยอมหลบสายตา กระทั่งเสียงหนึ่งดังมาจากด้านบนเรือน
“มีธุระก็รีบขึ้นมาฉันมีเวลาให้ไม่มากนะ”
“จ้ะพ่อหมอแนทกำลังขึ้นไปจ้า มึงจะออกไปรอนอกบ้านเหรอว่าจะรอฟังเสียงร้องครางของกูอยู่ข้างล่างนี่ก็ได้นะอีเดือน คริ คริ”
สาวแนทหัวเราะคิกคัก ก่อนจะเบ้ปากใส่อดีตเพื่อนสาว พร้อมกับสะบัดหน้าหมุนตัวเดินขึ้นบันไดจากไปปล่อยให้เดือนแรมยืนกำมือแน่นขบฟันกรอดด้วยความแค้น