โทรออก | NAMWAN
“ฮัลโหลว มายเฟรนด์” ฉันแทบจะกรี๊ดออกมาจริง ๆ เมื่อ น้ำหวาน โทรมา นางเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของฉันที่ สวยแซ่บปากจัดไม่สมชื่อนางเลย
(แกอยู่ไหนเพื่อนเลิฟ ฉันกลับมาแล้วนะ ไปกินเหล้ากัน)
การกินเหล้าไปผับเป็นเรื่องปกติของกลุ่มเราจริง ๆ ก็เหมือนแต่ก่อนเวลาออกไปเที่ยวกับเพื่อนเหมือนได้ปลดปล่อยพูดคุย บางทีฉันก็ได้ระบายเรื่องหนักใจในบ้านให้เพื่อนฟังด้วย แน่นอนพวกนางอยากไปถล่มบ้านฉันใจจะขาด
“ดี ๆ ตอนเย็นเจอกันนะ แตงโมล่ะวะ นางกลับมายัง”
แตงโมเป็นสาวลูกครึ่งเกาหลี ตาชั้นเดียว หมวยมาก นางเป็นสาว
แก่นลุย ๆ
(เนี่ย มาแล้ว สแตนด์บายรอแก คราวนี้ไปนั่งกินเหล้าคุยกันร้านหลัง
มอ.ก็พอนะแก ฉันแจตแลคว่ะ)
ก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่มีแรงเต้นแน่นอนวันนี้ ระบมช่วงล่างไปหมด
“ดี ๆ ฉันมีอะไรเล่าแกเยอะแยะ เจอกันนะ”
พอวางสายฉันก็พลันนึกได้ ว่าต้องขออนุญาตคุณหน้าเมื่อยก่อนหรือไม่ แต่ก็นะ แป๊บเดียว อีกอย่างฉันไม่มีเบอร์เขานี่
“พี่นพ ๆ ส่งหนูเสร็จก็กลับเลยนะคะ พอดีมีธุระยาว”
“ผมรอได้ครับ ตามสบายเลยครับ” ฉันได้แต่นั่งนิ่งไม่ตอบ หน้าลิ่วคิ้วขมวด คิดแผนหลายแผนว่าจะสลัดพี่นพนี่ออกไปยังไง
ไม่นานก็มาถึงมหาลัยฉัน ดีที่คนน้อยไม่งั้นฉันคงได้เป็นขี้ปาก
ชาวบ้านแน่ ๆ
“ผมจอดรอ ตรงนี้นะครับ” พี่นพผู้น่าสงสาร ส่งยิ้มให้ฉันและเดินไปขึ้นรถทันที ฉันหันหลังขึ้นอาคารนำเอกสารให้อาจารย์เซ็นก็สี่โมงเย็นแล้ว เมื่อแอบดูก็ยังเห็นรถคันนั้นจอดอยู่เหมือนเดิม
ฉันแอบเดินอ้อมไปหลังอาคารบริหารธุรกิจ และลัดเลาะผ่านประตูห้า
จนมาถึงหลังมหาลัย ก็เห็นว่าในร้านประจำมีสองสาวหน้าหมวย กับสาวปากแดงแซงทางโค้งนั่งรออยู่
“เพื่อน ร้านยังไม่เปิดว่ะ ฉันไปอ้อนวอนมา ขอแค่ไวน์มาจิบ ๆ ก่อน” น้ำหวานทำหน้าซังกะตายบ่นอุบอิบ
“นี่ ๆ อยู่ที่เมกา อดอยากเหรอจ๊ะพวกหล่อน”
“เออดิ โฮสห้าม แล้วนี่แกแต่งตัวอะไรของแก จัดเต็มจัง” แตงโมมองฉันหัวจรดเท้า
“อยากแต่ง แรดบ้างอะไรบ้าง แกฉันมีปัญหาหนักอึ้งมาปรึกษา” น้ำหวานส่ายหัวให้กริยาท่าทางฉันที่ ทำหน้าอยากจะร้องไห้ออกมาเต็มที
“อะไรอีก เจอกันทีไร มีแต่ปัญหา”
เจ้าหล่อนกลอกตามองบน เท้าสะเอวล้อเลียนฉัน ฉันก็เล่าทุกอย่างที่เจอมาวันนี้ เล่าถึงตาหน้าเมื่อยเซ็นให้น้ำหวานและแตงโมฟัง
พอเล่าจบสองคนนั้นได้แต่ทำหน้าเหวอหันมองหน้ากัน ไม่พูดไม่จาสักคำ เกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้กันแน่ทำไมพวกนางไม่พูดอะไรเลย! ปกติแล้วพวกนางจะรีบปลอบ รีบช่วยฉันแก้ปัญหา เพื่อนฉันเปลี่ยนไป!
“พวกแก ทำไมพวกแกไม่พูดอะไรเลย” สองคนนั้นยังคงนั่งนิ่ง และกระดกไวน์หมดแก้วตาม ๆ กัน
“แกทำอะไรไม่ได้หรอก แกก็เป็นเหมือนเดิม สมัครเมล สมัครโปรอะไรแกก็กด ๆ ผ่าน ๆ ตลอด” น้ำหวานถอนหายใจ เหมือนรู้สึกอึดอัดอะไรบางอย่าง
“แกหมายความว่าไง ทำอะไรไม่ได้น้ำหวาน” น้ำหวานนั่งเงียบ แตงโมเลยเอื้อมมือมาจับมือฉันไว้
“ฟังนะณีเวีย เขาทำธุรกิจสีเทา ห้าง โรงแรม อะไรเนี่ยบังหน้าเท่านั้นล่ะ เขาไม่ได้ทำร้ายแกก็ดีแล้ว แต่แกระวังไว้ก็ดีเดี๋ยวจะโดนหางเลขไปด้วย”
ไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่มั้ย แตงโมกุมมือฉันแน่นไปอีก สีหน้า สายตาแตงโมแสดงออกมานั้น คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ ๆ ธุรกิจสีเทา คือธุรกิจผิดกฎหมาย แน่นอนถ้าฉันอยู่ใกล้เขา ฉันอาจจะเสี่ยงติดคุกติดตารางไปตาม ๆ กัน มือสองข้างฉันสั่นเทาไปหมดใจก็กลัวเขา อีกใจก็กลัวติดคุก หมดอนาคต
“แกหนีออกมาก็เสี่ยงกับชีวิตแกอีก เขาตามฆ่าได้นะ” น้ำหวานเน้นย้ำ
จนฉันร้อนรนนั่งไม่ติดเก้าอี้
“แกอย่าคิดมากไปเลย” น้ำหวานลุกขึ้นมาโอบฉันไว้ พอถูกกอดแบบนี้น้ำตาฉันก็ไหลออกมาซะดื้อ ๆ วันนี้ฉันถูกเรื่องมากมายถาโถมเข้าใส่ทั้งวัน
“แกไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง วันนี้ฉันเพิ่งเสียซิงให้ผู้ชายที่เพิ่งเจอวันแรก แถมต้องอยู่กินเป็นเพื่อนเขา ไหนจะเพิ่งมารู้ว่าเขาทำเรื่องผิดกฎหมาย คุกตารางจ่อหัวฉันอยู่นะเว้ย! ฮือ ๆ”
“แก...” แตงโมลุกขึ้นมากอดฉันอีกคน
“ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้วแก” ฉันรินไวน์ใส่แก้ว กระดกพรวดเดียว วนเวียนอยู่อย่างนั้น เมามันซะจะได้ลืม ๆ
“แก เดี๋ยวก็เมาหรอก” น้ำหวานรีบเอามือมาปราม เมื่อฉันจะรินไวน์ใส่แก้วอีกรอบ
“แก...” แตงโมก็เริ่มขยับมาห้ามอีกคน
“อะไรนักหนาวะ ไหนพูดมาสิ เขาทำธุรกิจอะไร ค้ายาเหรอ ฉันจะได้
ทำตัวถูก!”
“โถ่แก...” น้ำหวานยังคงกอดฉัน อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนดี ๆ เท่านี้ก็พอแล้ว
“ฉันล้อเล่น!” เสียงแตงโมแทรกเข้ามาทำให้ฉันแทบหยุดหายใจ เพื่อนเลว ทำยังไงฉันก็ไม่ชินกับการแกล้งของสองคนนี้สักครั้ง
“เออ กูเกลียดพวกมึง อันนี้กูพูดจริง” ฉันรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก น้ำหวานเพื่อนเลวผลักหัวฉันเซ
“อยากเห็นแกอารมณ์ดีนี่หว่า” สมองน้อยนิดของน้ำหวานยังกล้าคิดนะแกล้งแบบนี้แล้วจะอารมณ์ฉันจะดี
“พอเลย เบื่อพวกแกจริง ๆ ตกลงจะช่วยได้ไหมเนี่ยเรื่องนี้” ฉันรีบเปิดประเด็นอีกรอบ ก่อนที่ตัวเองจะเมาหัวราน้ำคุยไม่รู้เรื่อง
“แกไม่ต้องคิดมาก ผู้หญิงอกหักครึ่งประเทศแล้วล่ะ รวมฉันคนนึง”
นี่แตงโมมันจะแกล้งฉันอีกใช่ไหมเนี่ย ฉันจ้องหน้าเพื่อนสาวพยายามจับผิดหล่อนให้ได้ ถ้ามีอีกรอบคงได้ตีกันสักฉาก
“แตงโมมันพูดจริง แกไปอยู่ซอกไหนมา ถ้าเป็นฉันนะพลีกายถวายชีวิตแล้ว” น้ำหวานรีบเสริมแตงโมทันที ด้วยท่าทางสะดิ้ง ไม่อยากจะเชื่อว่าสองคนนี้ก็รู้จักเขาด้วย
“เวอร์จริง ฉันแค่ไม่ชอบดูทีวี ฉันควรทำยังไงดีแก เขาไม่ใช่คนรุนแรง
ใช่ไหม”
“แกควรท้อง จะได้จับเขาให้อยู่หมัด ฮ่า ๆ” ฉันละอึ้งกับคำพูดยายน้ำหวานจริง ๆ ไม่คิดว่าการแนะนำอะไรแนว ๆ นี้จะมาจากปากของนางได้
“แกจะบ้าเหรอ พ่อของลูกในอนาคตฉันล่ะ ฉันต้องเรียนจบทำงาน สร้างครอบครัวหรือเปล่า แกนี่พูดอะไรไม่คิด”
คราวนี้เป็นแตงโมวิ่งมากดบ่า ก่อนจะจ้องมาในตาฉัน
“ก็นี่ไง เขาเนี่ย โคตรมหาหล่อ โคตรรวย นิสัยดีอีก แถมแกยังได้ใกล้เขา ซึ่งใคร ๆ ก็อยากไปยืนอยู่ที่แกยืนทั้งนั้นล่ะ” แตงโมเยินยอเขาอย่างกับเขาเป็นเทพบุตรมาจุติยังไงยังงั้น ฉันนี่อยากจะค้านหัวชนฝา จริง ๆ
“นี่! เลิกมโน พวกแกรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นคนดี เคยคบรึไง”
“ฉันอ่านหนังสือไง ไม่ได้เป็นคนขี้เกียจอ่านเหมือนแก อีกอย่างเขาชอบบริจาคเงินให้มูลนิธิ ที่แม่ฉันก่อตั้งประจำ” ไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายบ้ากามที่ ประกาศหาผู้หญิงมาเป็นคู่นอนคนนั้นจะเป็นคนเดียวกันที่แตงโมพูดถึง
“เอาหละ จบเรื่องนี้ แกเป็นคนไม่น่าเป็นห่วง แต่แกเป็นคนน่าอิจฉา หมั่นไส้จริง ๆ ว่าแต่เป็นยังไงบ้าง แซ่บมั้ย” น้ำหวานยื่นหน้าเข้าใกล้ฉัน พลางทำสายตาเป็นประกายรอคำตอบของฉันแบบใจจดใจจ่อ
“ก็ เออ เลิกถามฉันอาย ดูเป็นผู้หญิงใจง่ายชะมัด”
ฉันรับผลักน้ำหวานไปไกล ๆ เพราะเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า
“ง่ายตรงไหน เป็นฉัน ยอมตั้งแต่หน้าประตู ฮ่า ๆ”
น้ำหวานยังแกล้งเย้าแหย่ฉันไม่เลิก ฉันทั้งเขินทั้งอายอยากจะวิ่งหนีพวกมันสองคนไปไกล ๆ จริง พอร้านเปิด สุรามา เราสามคนก็คุยกันเรื่องสัพเพเหระ น้ำหวาน เล่าเรื่องที่ไป Work and Travel ที่เมกาให้ฉันฟัง
ว่าเธอต้องไปทำงานพาสไทม์ เหนื่อยสายตัวแทบขาด ฉันหัวเราะกับคำพูดติดตลกของเพื่อนทั้งสองที่ทั้งเล่าทั้งบ่นไปด้วย จนฉันเริ่มเองมึนจับใจความเรื่องที่เพื่อนพูดไม่ได้แล้ว
“กี่โมงแล้วแก ฉันง่วงแล้วว่ะ”
“อีกห้านาที สี่ทุ่มแก เออแกเมาแล้วล่ะ กลับกันเถอะฉันเอารถมาเองไม่อยากเมาไปกว่านี้ละ”
น้ำหวานลุกขึ้นเรียกพนักงานเก็บเงิน เมื่อฉันลุกตาม กลับรู้สึกเวียนหัว โลกมันเอียงไปหมด ฉันเซไปมาพยายามตั้งสติยืนให้ตรง แต่ชักจะไม่ไหวล้มตึงไปข้างซะดื้อ ๆ’ปึก’
“อุ้ย ขอโทษค่ะ ขอโทษ…” ฉันรีบยกมือไหว้อลม่าน ก้มหน้าคอตกมันเวียนหัวไปหมด โชคดีที่ไม่ลงไปนอนกองที่พื้น
“กะ แก ๆ สติ ๆ” แตงโมรีบมาเขย่าตัวฉัน อย่างบ้าคลั่ง
“หึ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหูฉัน เรียกสติฉันคืนมาชั่วพริบตา เมื่อสบตาเจ้าของเสียง ใจฉันหล่นวูบไปกองที่พื้น อยากจะแกล้งสลบมันตรงนั้น...
“คะคุณ เซ็น”
สายตานิ่งมองฉันเรียบ ๆ เขาไม่พูดอะไรสักคำ ฉันรู้สึกได้แต่มือน้ำหวาน ที่ยุกยิกสะกิดหลังฉันไม่หยุด
“คุณมาได้ยังไง” ฉันเปิดประเด็นทำลายความเงียบ ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่อก แข็ง ๆ ของเขา เมื่อฉันขยับตัวน้อยนิด การทรงตัวของฉันกลับยิ่งแย่ขึ้นไปอีก
ฉันยืนต่อไม่ไหวแล้ว
‘ฟึบ’ ร่างเล็กหมดสติพับลงมาที่อกใหญ่ของชายหนุ่ม เจ้าของอกได้
แต่ถอนหายใจ มือใหญ่รีบประคองร่างบางเอาไว้แนบชิดตัว ชิดจนสัมผัสได้ถึงหน้าอกใหญ่นั้น
“เฮ้ย ณีเวีย” เพื่อนสาวของเธอวิ่งมาช่วยเขาประคองด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเอง” ชายหนุ่มรีบประคองเธอ ก่อนจะรีบอุ้มร่างบางไว้แนบอก
“เอ่อ ค่ะ ฝากดูแลณีเวียด้วยนะคะคุณเซ็น” ทั้งสองรู้สึกอุ่นใจ เมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเป็นคนดูแลเพื่อนของพวกเธอ
“ขอบคุณนะครับ ที่รับฟังเธอ” เขาทิ้งท้ายและรีบอุ้มเธอไปขึ้นรถ ใบหน้านิ่งมองเธอไม่ละสายตา คิดแปลกใจเธอสู้กับปัญหาต่าง ๆ มาคนเดียวได้ยังไง ชุดนักศึกษาที่เข้ารูปนั้นทำให้ใจเขาสั่น อยากจะกัดกินเธอเสียตรงนี้ เขารีบหยิบโทรศัพท์มือถือราคาแพงขึ้นมาก่อนจะกดโทรหาใครสักคน
“สวัสดีครับคุณอา ขอโทษที่ผมโทรมารบกวนตอนดึก ๆ ครับ”
หน้านิ่งของเซ็นลังเลอย่างบอกไม่ถูก ไม่แน่ใจว่าควรบอกเรื่องนี้กับ
คนในสายหรือไม่
(อ่าวว่าไงครับ คุณเซ็น ไม่มีปัญหาครับ มีเรื่องอะไรสำคัญไหมครับ)
ชายปลายสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงถ่อมตนทำให้เขาหายกังวล และตัดสินใจจะบอกเรื่องนี้
“ลูกสาวคุณอา ณีเวียอยู่กับผม” ปลายสายเงียบไปชั่วครู่
(เจอกันแล้วเหรอครับ ผมยังไม่บอกณีเวียเรื่องคุณ)
“ผมกับณีเวีย มีสัญญาที่ทำด้วยกัน เธอมาทำงานกับผม ไม่ต้องเป็นห่วงครับผมจะดูแลเธออย่างดี” หน้านิ่งให้คำมั่นกับชายปลายสายด้วยสายตาที่แน่วแน่ แต่ในใจเขายังกังวล ไม่รู้ว่าพ่อของเธอจะว่าอย่างไรกับเรื่องนี้
(ผมต้องรบกวนคุณด้วย เธอค่อนข้างดื้อ หากคุณปรับเธอได้บางที
คุณอาจจะเข้ากับเธอได้ง่ายกว่านี้)
คนเป็นพ่อรู้สึกกังวลใจเล็กน้อยที่ลูกสาวต้องออกไปอยู่นอกบ้านกับผู้ชายที่ยังไม่ตบแต่ง แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยินยอมเพราะชายคนนั้นคือคนที่
ทั้งสองครอบครัวเพื่อนสนิทเขาหมั้นหมายไว้ให้แต่งงานกัน จะช้าจะเร็วต้องแต่งงานกันอยู่ดี
เรื่องธุรกิจของบ้านศิทธิศาสตร์โสภณ เริ่มไม่สู้ดีนักตั้งแต่แม่ของเธอจากไป หากไม่ได้ครอบครัวเซ็นที่ยื่นมือมาช่วยเหลือ พ่อของเธออาจจะเป็นบุคคลถูกฟ้องล้มละลาย
“ไม่ต้องห่วงครับ”
ชายหนุ่มรีบตอบรับก่อนวางสาย เขาได้ยินชื่อของเธอมาหลายครั้งจากปากผู้เป็นแม่ เขาไม่อยากหมั้นหมายกับเธอตั้งแต่ต้น เพราะเขาชอบอิสระ ไม่อยากผูกมัดกับใคร สาว ๆ ในเครือเขาก็มากพอที่จะเลือกมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้า
เขาจึงไม่สนใจเรื่องแต่งงานและไม่อยากนึกถึงคู่หมั้นแปลกหน้าที่มาจากลมปากของผู้ใหญ่สองครอบครัว เขารู้สึกแปลกใจตั้งแต่อ่านใบสมัคร
และก็พลันนึกได้ทีนที ว่าใช่เธอ คือเธอจริง ๆ ไม่คิดเลยสักนิดว่าเธอจะสวย และน่าสัมผัสได้ขนาดนี้
เพนท์เฮาส์
“อื้ม...” ฉันรู้สึกมีอะไรยุกยิกใต้ผ้าห่มหนา จนเสียววูบไปทั้งตัว พอลืมตาขึ้นมาก็ต้องตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“คุณ ทำอะไร ปล่อยฉานน” เขาซุกอยู่ระหว่างขาฉัน นิ้วโป้งบี้เม็ดสวาท
สีชมพูเป็นวงกลม จนฉันกระสับกระส่าย ร่อนเอวตอบ ฉันห้ามตัวเองไม่ไหว
ใจอยากต่อต้าน อยากจะสั่งห้ามนิ้วซนนั้น แต่มือตัวเองกลับไม่รักดีเอื้อมไปขยี้ผมดกดำของเขาแทน
“ทำโทษ”
“อ๊ะ~” ฉันต้องสะดุ้ง เมื่อริมผีปากนุ่ม ขบลงที่เม็ดสวาทบวมเป่ง ครั้งแรกของฉันเพิ่งผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง ความเจ็บปวดยังคงหลงเหลือเอาไว้อยู่ แต่ลิ้นนุ่มนี้ทำฉันผ่อนคลาย ความเจ็บปวดเหล่านั้นหายไปเป็นปลิดทิ้ง มีแต่ความเสียวสะบั้นที่ทรมานฉันแทน ลิ้นเก่งยังตะหวัดไม่หยุด ริมฝีปากชมพูมีเสน่ห์นั้นก็เม้มขบยอดชูชันเม็ดสวาทสลับไปมา คุณพระ ฉันทรมาน เขาดูดกลืนน้ำรักฉันไปแทบจะ
หมดตัวแล้ว
“อ๊ะ ๆ คุณ ฉัน...” ใจฉันจะขาดเสียตรงนี้ ได้แต่ครางเสียงกระเส่า
นอนเชิดหน้าบีบผ้าอย่างทรมาน
“ชอบสินะแต่งตัวโป๊” เขาบ่นพึมพำในร่องสาวฉัน และไม่หยุดที่จะใช้นิ้วกลางสอดแทรกเข้ามาในร่องอุ่นเดิม
“ละ ละแล้วไง ฉันจะทำไรก็ได้ มะ มะ ไม่เกี่ยวกับคุณ อ๊ะ~”
เมื่อฉันปริปากพูดเขาก็เร่งนิ้วถี่ยิบ พร้อมก้มลงดูดยอดแดงดังจ๊วบ
“อ๊าย~ อ๊ะ อ๊ะ พะ พอแล้ว ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว อ่า” ไม่รู้เสียงฉันมัน
ดังกี่ร้อยแปดเดซิเบล แล้วแอลกอฮอล์ในร่างกายฉันมันยิ่งทำให้เลือดสูบฉีดหนักขึ้นไปกว่าเดิม
“เถียงเก่ง หนีเที่ยว!” เขาละจากน้องสาวแฉะเยิ้มไปด้วยน้ำรัก ก่อนที่จะ
‘ปึก’
ฉันตั้งตัวไม่ทัน สะดุ้งกับแท่งใหญ่ที่สอดแทรกเข้ามาในกาย
“อ๊ะ~ จะ เจ็บ!” เขาไม่พูดอะไรโน้มตัวลงมาประทับจูบทันที มือใหญ่นั้นไม่รอช้าซุกซนไปคลึงหน้าอกใหญ่ที่หวงแหนของฉัน และไม่ลืมจะสะกิดยอดเม็ดชูชัน ที่รอให้คนตรงหน้า ดูดกลืนมัน...
“เจ็บจะได้จำ” ฮึก ฉันเริ่มจุก เพราะเขาเริ่มขยับตัวดันแก่นชายเข้ามา
อีกรอบ มันลึกกว่าเดิม...
ร่างหนาไม่รอช้าโน้มตัวเร่งเอวเข้าจังหวะ ‘ปึก ปึก ปึก’ ฉันเม้มปาก ครางกระเสร่า เสียวทุกรสสัมผัสที่ส่งมากับแรงกระแทก
“อ๊ะ คะ คุณ อ๊า ๆ อ๊ะ ๆ อ๊าาส์” ความเสียวเล่นงานทุกครั้งที่ถูกแก่นกายนั้นกระแทกเข้ามา มือหนาไม่วายทรมานฉัน ก้มลงเขี่ยติ่งเสียวจนเอวตัวดีแอ่นรับอัตโนมัติ
‘ปึก ปึก ปึก’ เสียงเนื้อกระทบเนื้อ การเข้าออก มันแทบจะกระชากวิญญาณฉันหลุดไปจากร่าง
ฉันไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้วจริง ๆ
“อ๊ะ ๆ อ๊ะ อ๊ะ อื้ออ~!” ความเสียวเร่งสูงลิ่ว เหมือนอยู่กลางอากาศ ไม่นานนักช่องสวาทฉันก็กระตุกสามที ก่อนที่ตัวจะเบาหวิวหมดแรง หายใจเหนื่อยหอบอยู่บนเตียง
“ลุกขึ้น” แต่เขาไม่พอแค่นั้น
มือหนาอุ้มฉันขึ้น ทั้งที่เรายังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่ เขาจะทำอะไรของเขาอีก ฉันไม่มีแรงเหลือแล้ว…
เขาตรงไปที่ประตูและเปิดมันออก
“ไปไหน! ไม่ไปนะ ปล่อย ๆ วันแรกเดี๋ยวฉันก็ตายก่อนเสียหรอก”
ฉันตีขาไปมาอยากจะหลุดลงจากเอวหนา ๆ นี่ เขาเลยกระชับขาสองข้างฉันไว้แน่นกว่าเดิมไปอีก
“อุ้มแตง” อื้อ ๆ เขาจับก้นฉันยกขึ้นลงด้วยแขนอันทรงพลัง ฉันรีบกอดคอเขาทันที กลัวจะพลัดตกไปนอนกองที่พื้น แม้จะเป็นห้องโถงกว้างไร้ที่จับ เอวหนายังทำงานดีมาก
‘ปึก ปึก ปึก ปึก’ กระแทกเข้าจังหวะรัว ๆ จนฉันกอดคอหนาไว้แน่นกว่าเดิมเสียวซ่านจนขาสั่นระริก
“อื้อ อื้อ ฉันจะไม่ไหวอีกแล้ว” ฉันได้แต่พยายามครางให้เบาที่สุด เสียวก็เสียวกลัวใครเปิดประตูเข้ามาด้วย
“ร้องดัง ๆ” เขาเปลี่ยนอุ้มฉันมานั่งบนโต๊ะกินข้าว ไม่ผิดหรอก โต๊ะกินข้าว!จริง ๆ จากนั้นถูกยกขาขึ้นเป็นรูปตัว M เขาไม่รอช้าจัดท่าได้แล้ว กระแทกกระทั้นมันเข้ามาอีกระรอก
“อ๊ะ อ๊ะ” เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง สลับกับเสียงครางกระสันของฉัน
“นี่คือบทลงโทษ” เขาเอาแขนมาช้อนขาสองข้างฉันขึ้น จากนั้นยกตรงดิ่งไปที่โซฟา ขาข้างนึงของฉันถูกยกขึ้น ร่างเขาเหยียดตรงดันมังกรใหญ่เข้ามาร่อนเข้าออกในถ้ำมืดถี่ยิบ จนฉันต้านทานมังกรดุตัวนั้นจะไม่ไหว
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ” เขาทรมานฉันเห็น ๆ ฉันเสียวสุดพลัง จนใช้มือขยี้หัวตัวเองบ้าคลั่ง หลับตาปี๋ไม่อยากมองหุ่นเขา ซึ่งมันดีเกินไป กล้ามเป็นมัด
ซิกแพคยังเป็นชั้นเรียงสวยอีก
“หันหลัง” เขาลดขาฉันลงแล้วจับเอวไร้เรี่ยวแรงของฉันพลิกคว่ำ ดึงมันเข้าหาตัวเอง ฉันพยายามใช้แขนสองข้างดันตัวขึ้นแต่แขนขาอ่อนระทวยไปหมด
‘ปึก’ อื้อ มันลึกจนชนผนังมดลูก ฉันรู้สึกจุกและหน่วงอย่างบอกไม่ถูก
‘ปึก ปึก ปึก’
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ”
เอวบางถูกมือใหญ่จับกระแทกใส่ไม่ยั้ง ความเสียวถี่ ๆ กระแทกเข้ามาจนมดลูกของฉันสั่งกระตุกน้ำรักไหลออกมาเป็นทางระหว่างขา
“รัด อะไรแบบนี้~ อ่า” เขาส่งเสียงครางแผ่วเบาพร้อมก้มลงมาคลึงหน้าอกสองข้างที่สั่นไปมาตามแรงกระแทก เอวหนาเริ่มร่อนถี่ ๆ จนแก่นกายกระตุก ปล่อยน้ำขาวอุ่นไหลล้นออกมาตาม ๆ กัน
ฉันหมดแรง ฟุบลงบนโซฟาง่วงจนปรือตาไม่ขึ้น ระบมช่วงล่างไปหมดอยากจะหลับมันตรงนี้แต่ดันถูกอุ้มเข้าไปนอนบนเตียงในห้องนอนแทน