ผ่านมาสี่ชั่วโมง
เขมกรและพรรคพวกค่อย ๆ ย่องเข้ามาในบ้านของเขาอย่างเงียบเสียงที่สุดเพราะกลัวว่ายายมุกดาจะตื่น
จากนั้น แต่ละคนจึงผลัดกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เลอะเทอะเปื้อนเลือดก่อนจะเอาไปปั่นซัก
พวกเขาจำเป็นที่จะต้องเข้าไปนอนในห้องของเขมกรเพื่อหลบสายตายายมุกดาและในห้องนั้นก็ติดแอร์เย็นฉ่ำ จึงต้องมีการจับไม้สั้นไม้ยาวเพื่อที่จะเลือกว่าใครจะได้นอนบนเตียงกับใครที่จะต้องนอนที่พื้น
หมอกอาสาเป็นคนทำไม้สั้นไม้ยาว ในขณะที่ธาดาและมังกรกำลังเล็งว่าไม้ยาวที่สุดอยู่ตรงไหน เพราะการได้นอนที่นอนนุ่ม ๆ ก็ดีกว่าการนอนบนพื้นเป็นไหน ๆ
และแล้วสงครามประสาทก็เริ่มต้นขึ้น หมอกเป็นคนเดียวที่รู้ว่าไม้ยาวคือไม้ไหน กำลังจ้องตาอีกสองคนที่เหลืออยู่
“อันนี้ใช่ไหม” มังกรลองเชิงจับไม้หนึ่งทางซ้ายแล้วอ่านสีหน้าของหมอก แต่ไร้ผลเพราะหมอกไม่แสดงอาการใด ๆ
ฝ่ายธาดากำลังใช้ความคิดหลอกล่อให้หมอกตายใจแล้วแอบถามเขมกรที่นั่งอยู่ข้างหลังพลางส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
หมอกหันขวับไปหาเจ้าของห้อง มองหน้าเชิงห้ามปรามจนเจ้าตัวยิ้มกว้างไม่คิดว่าศึกชิงที่นอนจะดุเดือดขนาดนี้
สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็นำไม้ที่ได้มาเทียบกัน
“มังกรเขยิบไปอีก” ธาดาพูดพลางดันตัวเพื่อนไปข้าง ๆ เพราะพื้นที่ด้านล่างคับแคบแต่อีกฝ่ายนอนกางแขนกางขาอย่างไม่สบอารมณ์ที่จับได้ไม้ที่สั้นที่สุด
ด้านบนเตียง เขมกรขยับเข้าไปชิดผนังเพื่อให้หมอกได้นอนสบาย ๆ ก่อนจะบอกทุกคนว่า “พรุ่งนี้เช้าต้องรีบออกไปก่อนที่ยายจะตื่น เข้าใจไหม”
“อื้อ!” ทั้งสามคนส่งเสียงเป็นสัญญาณ
ทันทีที่ไฟในห้องดับลง ทุกคนพากันหลับเป็นตายเพราะใช้พลังงานเยอะเกินไป
หมอกขยับตัวมาใกล้เขมกรแล้วพาดแขนโอบอีกฝ่ายเอาไว้
คนที่ถูกโอบกอดสะดุ้งตกใจ ค่อย ๆ หันมามองคนที่นอนข้าง ๆ ครั้นเห็นว่าเขาหลับลึกไปแล้วจึงปล่อยเลยตามเลย
หลังจากวันนั้น ห้องเล็ก ๆ ของเขมกรก็มีแขกประจำมานอนอยู่สองสามวันและทุกครั้งที่มีการจับไม้สั้นไม้ยาว ผู้ชนะยังคงเป็นหมอกอยู่เสมอ แม้มังกรจะรู้สึกแปลก ๆ แต่ไม่สามารถร้องเรียนไปที่ใดได้
วันหนึ่ง
เพื่อนร่วมชั้นเรียนของหมอกรู้ว่าเขาสนิทกับเขมกรจึงเข้าหาเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ซึ่งหมอกไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้
“นายมีเวลาว่างพอจะไปคุยกันข้างนอกไหม” เพิร์ลกระซิบถามเขาอย่างเขินอาย
“อื้ม” หมอกไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่เขมกรบอกให้มีเพื่อนในห้องเอาไว้บ้างจึงยอมตามน้ำ
ทุกวันที่เขาเอาแต่มารอเขมกรหน้าห้องเรียน ทำให้หมอกแทบจะไม่สนิทกับใครในห้องเลยแม้แต่คนที่นั่งโต๊ะข้างเขา และเขาไม่ได้ใส่ใจขนาดนั้น การอยู่คนเดียวเป็นอะไรที่สงบเงียบกว่ามาก
“คือว่า...” เพิร์ลอ้ำอึ้งไม่รู้จะเริ่มที่ตรงไหน
“...” เขายังคงรออยู่นิ่ง ๆ ไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เธอรู้สึกเอ่ยปากลำบาก
“พี่เขมมีแฟนหรือยัง” เธอถามหมอกออกไปด้วยความลังเลเพราะกลัวว่าคำตอบจะไม่เป็นอย่างที่หวัง
“ไม่มี” หมอกตอบออกไปสั้น ๆ พลางใช้ความคิด
“ถ้างั้น นายช่วยฉันได้ไหม ฉันชอบพี่เขม” เพิร์ลสารภาพความในใจ
หลังจากที่เห็นว่าเพื่อนคนนี้สนิทกับรุ่นพี่ที่แอบปลื้มอยู่ เพิร์ลสาวสวยประจำห้องจึงทำใจมาขอให้เพื่อนที่ไม่คบค้าสมาคมกับใครช่วยเหลือเพราะไม่กล้าเข้าหาเขมกร
“ฉันช่วยไม่ได้หรอก” หมอกปฏิเสธอย่างสุภาพ
“ทำไมล่ะ ฉันชอบพี่เขมจริง ๆ นะ ทั้งน่ารักแล้วก็ใจดี” เธอบรรยายความชอบให้หมอกฟังอย่างละเอียดเผื่อเขาจะเห็นใจ
แท้จริงแล้ว เขมกรเคยช่วยเธอจากพวกรุ่นพี่ที่ชอบมาตอแยทุกวันเพราะเห็นว่าเธอสวย ภาพที่เพิร์ลเห็นในวันนั้น เขมกรเท่มากเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาว
“ขอโทษนะ แต่พี่เขมมีคนที่ชอบแล้ว” หมอกบอกออกไปทั้งอย่างนั้นเพื่อให้เธอตัดใจ
“จริงเหรอ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” เธออยากรู้ว่าใครคือคนที่อยู่ในใจของเขมกร “บอกหน่อยได้ไหม”
“บอกไม่ได้ พี่เขมให้เก็บเป็นความลับ” หมอกส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “กลับห้องกันดีกว่า ใกล้ถึงคาบวิทย์แล้ว”
ขณะเดินกลับห้อง เขาคิดทบทวนสิ่งที่พูดออกไปเมื่อครู่ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้บอกเพิร์ลไปแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว เขมกรไม่ได้แอบชอบใครเสียหน่อย
หลังเลิกเรียน หมอกจึงไปรอเขาที่หน้าโรงเรียนอย่างเคย ภาพของเขมกรที่อยู่ไกล ๆ ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่เพิร์ลพูด มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เธอชอบรุ่นพี่คนนี้
จู่ ๆ หัวใจของเขาก็เต้นแรงมากขึ้นเมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย ใบหน้าร้อนผ่าวแดงจนถึงหูโดยไม่รู้ตัว
“เป็นอะไรไป ทำหน้าแปลก ๆ” เขมกรเอ่ยปากทักทันทีที่เดินมาถึงหน้าประตู
“เปล่า” หมอกส่ายหน้าแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ไปหาข้าวเย็นกินกัน ผมหิวแล้ว”
“วันนี้ไม่กลับบ้านตัวเองหรือไง” คนเป็นพี่ถามเพราะเห็นเขาบอกว่าวันนี้พ่อจะกลับบ้าน
“กลับ แต่ว่าไปกินข้าวกันก่อน” หมอกดึงดันจะลากเขาไปด้วยให้ได้จนต้องตามใจ
“ก็ได้ ๆ แต่มื้อนี้นายจ่าย เพราะว่าเงินเดือนฉันยังไม่ออก หรือว่าจะรอกินพรุ่งนี้” เขาลองแกล้งถามเพื่อเปลี่ยนวัน
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” สายตาของเขาเหลือบเห็นมังกรและธาดาอยู่ไกลลิบจึงรีบจูงมือเขมกรไปอีกทางก่อนที่จะมีใครเห็น หูของพวกเขาได้ยินแต่เพียงเสียงโหวกเหวกของมังกรไล่ตามหลังว่าให้รอด้วย
ครั้นนั่งกินก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นกันอยู่ จู่ ๆ หมอกรู้สึกสงสัยบางอย่างจึงถามออกไป
“พี่มีสเปกคนที่ชอบไหม” เขาทำตัวสบาย ๆ รอฟังคำตอบ
แต่คนที่ถูกถามเกือบจะสำลักน้ำราวกับถูกจู่โจมกะทันหัน
“อืม คนที่ชอบเหรอ” สีหน้าครุ่นคิดของเขาทำให้หมอกเริ่มอยากรู้ จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความจริงจัง
“อื้อ” คนรอคำตอบพยักหน้า
“ไม่มีอ่ะ” เขมกรบอกไปตรง ๆ เพราะไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน “แบบว่า ถ้าชอบก็คือชอบ ไม่มีเหตุผลอะไร”
“แล้วถ้ามีคนมาสารภาพว่าชอบพี่ล่ะ”
“ทำไมเหรอ มีคนมาสารภาพกับนายเหรอ” เขมกรถามกลับบ้าง
“ไม่มี” เจ้าตัวส่ายหน้า “แล้วพี่มีคนที่ชอบไหม”
“...” เขมกรไม่ตอบ ได้แต่คีบลูกชิ้นเข้าปากคำใหญ่ไม่สนใจ
“มีแล้วเหรอ” หมอกเดาว่าที่เขาไม่พูดเพราะคงจะมีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้ว สีหน้าเศร้าสลดลงทันตาเห็น
“ไม่มีหรอก จะมีได้ไง เรียนทั้งวัน เรียนเสร็จทำงาน เลิกงานกลับบ้าน แล้วก็ทำการบ้านนอน วันหยุดไม่ค่อยมี คนที่ไม่มีเวลาแบบนี้ใคร
เค้าจะมาคบล่ะ มีแต่นายนี่แหละตามติดเป็นเงา” เขมกรหยุดพูดไปชั่วครู่แล้วก็เห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง
ไม่ได้รู้เลยว่ามีใครบางคนนั่งอมยิ้มอยู่