ประไพพรรณีเองก็รู้ว่าตัวเธอกำลังถูกเอาเปรียบจากพวกผู้ชายมักมาก เธอเสียเปรียบให้กับคนเจ้าเล่ห์เข้าแล้ว เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวอาศัยจังหวะที่เขามัวแต่หลงใหลไปกับรูปร่างและกลิ่นกายเฉพาะตัวของเธอ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วกางนิ้วชี้และนิ้วกลางออก จิ้มเข้าไปที่ในดวงตาของเขาแรง ๆ
“โอ๊ะ!” เสียงร้องอุทานดังออกมาจากปากของศศิร์ธา เขาทำทีเป็นเสียหลัก เดินเซไปทางด้านหลังสองก้าว แต่มือยังไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมกอด
ร่างกายของศศิร์ธาสูงใหญ่แบบพวกต่างชาติ เขาสละมือข้างหนึ่งขึ้นแตะที่เบ้าตาของตัวเอง ทำทีว่าเจ็บ เพื่อจะให้หญิงสาวตรงหน้ารู้สึกว่าตนนั้นเป็นต่อ แล้วก็ได้ผลเป็นไปตามคาดหมายจริง ๆ เมื่อประไพพรรณีเห็นชายตรงหน้ายกมือขึ้นปิดตาของเขาอยู่ เธอออกแรงดิ้นจนหลุดจากอ้อมกอดของเขา แล้วเข้าไปยกเท้าที่สวมบูทพื้นหนากดน้ำหนักลงบนหลังเท้าของเขาแรง ๆ แบบเน้น ๆ
“จำไว้ว่าผู้หญิงไม่ใช่ของเล่นของพวกผู้ชาย”
ประไพพรรณีบอกอย่างโมโห
“และที่ของฉันตรงนี้ก็จะไม่ขาย ไม่ว่าจะซื้อแพงแค่ไหน อยากได้ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่ขาย ไม่ต้องส่งคนมาถามอีก แล้วขอเตือนไว้เลยนะว่าตัวคุณเองก็อย่าได้เข้ามาในพื้นที่ของฉันอีก เพราะรอบหน้าคุณจะโดนหนักกว่านี้แน่”
เธอจงใจใช้เสียงเน้นหนักข่มขู่เขา สายตาหวานซึ้งของประไพพรรณีมองค้นเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า แต่แล้วกลับเห็นเพียงความว่างเปล่า เห็นเพียงความรู้สึกของคนที่ไม่เคยคุ้นต่อกัน
ศศิร์ธาทำได้อย่างไร ทำเหมือนไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน
ประไพพรรณีมองเขาด้วยสายตาเจ็บแค้นที่อัดแน่นอยู่ภายในใจ เธอหลุบเปลือกตาของตัวเองลง ถอยห่างแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น
ความทรงจำของเธอพากลับไปยังเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย นั่นเป็นครั้งแรกที่พบกับเขา อาจารย์ศศิร์ธา เขาที่อยู่ในฐานะของอาจารย์พิเศษประจำคณะของเธอ
ประไพพรรณีในช่วงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย กำลังก้มหน้าก้มตาจดจ่อกับเอกสารการสอนของชั่วโมงแรกที่เรียนก่อนหน้านี้ เธออาสารับทำรายงานให้เพื่อนร่วมชั้นปีร่วมสิบคนเพื่อแลกกับเงินที่พอจะจ่ายค่าอาหารสามมื้อ รวมไปถึงค่าถ่ายเอกสารและหนังสืออ่านนอกเวลาที่หมายตาไว้หลายเล่ม
และแม้จะทำงานวิชาอื่นอยู่ แต่นักศึกษาคนเก่งของคณะก็มั่นใจว่าหูของเธอฟังเนื้อหาของวิชาคาบนี้เข้าหัวและเข้าใจได้เป็นอย่างดี แต่แล้วก็พลาดเมื่อหญิงสาวชะล่าใจเกินไป เสี้ยวนาทีหนึ่งเธอเอาสมองทั้งหมดไปเค้นคิดวิเคราะห์ถึงหัวข้อที่อยู่ในใบงานตรงหน้า จนไม่ได้ยินเสียงเรียกของอาจารย์พิเศษที่หน้าชั้นเรียน
“นักศึกษาครับ”
เสียงเรียกนั้นดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เหมือนกับว่าทุกคนในห้องต่างพากันหันมามองที่เธอกันหมด ประไพพรรณีรู้สึกได้ว่าตัวเธอนั้นกำลังเป็นจุดสนใจของทุกคน จึงเงยหน้าขึ้นจากรายงานที่ตั้งใจเร่งทำให้เสร็จภายในเที่ยงวันนี้ จังหวะนั้นเองที่กระดาษที่ถูกขยำจนกลมอัดไส้ด้วยวัตถุแข็ง ๆ พุ่งตรงมาที่โต๊ะของเธอ ประไพพรรณีหลบไม่ทันจึงโดนเข้าเต็ม ๆ ใบหน้า
“โทษครับ” เพื่อนนักศึกษาชายคนหนึ่งทำทียกมือขอโทษขอโพย เพราะตนเป็นคนเขวี้ยงไปเอง ไอ้เรื่องเจ็บน่ะไม่เท่าไรหรอก แต่เรื่องน่าอายนี่สิ ทำให้ใบหน้าของประไพพรรณีแดงซ่านขึ้นทันที
พอเงยหน้ามองไปยังเจ้าของเสียงเรียก ประไพพรรณีค่อยพบว่าอาจารย์พิเศษกำลังจ้องเธอด้วยสายตาไม่ใคร่พอใจเท่าไรนัก เขาวางพอยเตอร์เลเซอร์ลงบนเคาน์เตอร์บรรยายแล้วย้ายตัวเองมาหยุดยืนที่ตรงหน้าโต๊ะของเธอ
“ผมเรียกตั้งนานแล้ว นักศึกษาทำอะไรอยู่ครับ”
เสียงถามดังมาจากชายคนนั้นอีกครั้ง ประไพพรรณียิ้มไม่ออก เธอรู้ตัวเองดีว่าผิดเต็ม ๆ เพราะกำลังทำงานของอีกวิชาอื่นในคาบเรียนของอาจารย์พิเศษท่านนี้
อาจารย์ศศิร์ธาเป็นรุ่นพี่ที่จบไปเพียงไม่กี่ปี แต่อาจารย์ที่คณะพากันชมว่าเขาเป็นนักศึกษาของคณะที่เก่งมาก เก่งแบบไหนเธอเองที่เป็นนักศึกษาก็ยังมองไม่ออก คงเพราะที่บ้านของเขารวย เขาเติบโตในครอบครัวที่ทำธุรกิจมาทั้งชีวิต จนได้ความรู้ติดเข้ามาใน DNA ละมั้ง เลยบอกว่าเขาเก่ง
“ผมถามว่านักศึกษากำลังทำอะไรอยู่ครับ”
ประไพพรรณีดึงเอาหนังสือเล่มบางยกขึ้นปิดเอกสารรายงาน แต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อสายตาสีดำดูดุของชายตรงหน้ามองจับเธออยู่ตลอดเวลาเลื่อนลงมามองยังเอกสาร
“ผมถามคุณสองครั้งแล้วนะ นักศึกษากำลังทำงานของวิชาอื่นอยู่ใช่ไหมครับ”
ประไพพรรณีไม่กล้าตอบคำถามของเขา นั่นเพราะว่าคำตอบอยู่ในตัวของมันอยู่แล้ว เขามองเธอนิ่งไม่กี่วินาที ค่อยลากสายตาจากเธอไป
“โอเคครับนักศึกษาทุกคน ฟังผมนะ” อาจารย์พิเศษท่านนั้นหมุนทั้งตัวไปสบตานักศึกษาคนอื่น ๆ ในชั้นเรียน “ผมอาจไม่ใช่คนเคร่งครัดในระเบียบอะไรมากมายนะ แต่อย่างน้อยคุณควรรักษามารยาทในการเข้าเรียนวิชาของผมด้วย” เขาพูดกับทุกคนแต่แล้วทำไมเหมือนกับหันปลายหอกด้านแหลมคมเข้ามาทิ่มแทงเธอ
หลังจากที่ถูกจับได้ว่าแอบนำวิชาอื่นขึ้นมาทำในช่วงการสอนของเขา ประไพพรรณีก็ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับอาจารย์พิเศษท่านนั้นอีกเลย
เธอเคยได้ยินรุ่นพี่บอกต่อ ๆ กันมาว่าเขาออกจะเป็นอาจารย์ที่แสนใจดี สอนอะไร ๆ ที่ยากให้เข้าใจได้แบบง่าย ๆ แต่การสอบเก็บคะแนนนั้นเคี่ยวยิ่งกว่าอาจารย์ที่คณะ อย่าพูดถึงเลยว่าใครทำคะแนนได้สูงสุด ให้พูดดีกว่าว่าใครผ่านวิชาของเขาได้บ้าง
ประไพพรรณีคิดอย่างเซ็ง ๆ ว่าอาจารย์พิเศษเห็นเธอนำเอกสารอื่นขึ้นมาทำในคาบเรียนของเขาแบบนี้แล้ว ต้องมีผลกับการพิจารณาคะแนนสอบของเธออย่างแน่นอน