“ติดต่อไปสิบสามครั้งแล้วครับ แต่...เอ่อ..แต่...แต่ทางนั้นไม่ยอมเจรจาด้วยเลยครับ อะ เอา แตะ แต่ไล่ออกมา”
เสียงรายงานของ ‘คมเดช’ ทนายความส่วนตัวของศศิร์ธาทำให้คิ้วเข้มที่พาดเฉียงกระตุกขึ้นเล็กน้อย ทนายความของเขาคนนี้ค่อนข้างจะมั่นหน้ามั่นโหนก ทำไมถึงได้เสียงสั่นไปได้ ทั้งยังมีอาการหวาดระแวงอีกด้วย ขณะรายงานเรื่องติดต่อซื้อขายที่แปลงเล็ก ๆ แปลงหนึ่งให้เขารู้ความคืบหน้าว่าไปได้ถึงไหนแล้ว
ไล่ก็ส่วนไล่สิ จะต้องออกอาการหวาดระแวงแบบนี้ทำไม
ชายหนุ่มเจ้าของวงหน้าเสี้ยวไทยเสี้ยวยุโรปนิ่งขึงไปพักเดียว
เขาอยู่ในท่าก้มหน้าเล็กน้อย เพื่ออ่านรายงานในแฟ้มลับ สายตาคมเข้มสีดำมองจับอยู่ที่เอกสารแบบนั้นเกือบนาที แต่ไม่ได้อ่านเนื้อหาที่ในหน้านั้นเลย เพราะต้องแบ่งสมองส่วนหนึ่งไปคิดเรื่องที่กำลังได้ยินเมื่อครู่นี้
ศศิร์ธาหมุนหน้าเพียงเล็กน้อย เพื่อหันไปมองทนายความส่วนตัว ก่อนจะส่งเสียงถามออกไป “ทำไมถึงไม่ยอม”
คมเดชยังคงมีสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อต้องรายงานเรื่องเมื่อครู่นี้อีกครั้ง ทั้งเจ้านาย ทั้งเจ้าของที่ ต่างกดดันเขาพอกันทั้งคู่เลยนี่นา น่ากลัวชะมัด
“พอผมบอกว่ามาติดต่อขอซื้อที่เท่านั้นแหละครับคุณศิธ เจ้าของที่ก็สั่งให้คนถือไม้มาไล่ตีผม ตะโกนด่าทอผม บอกแต่ว่าไม่ขาย ไม่ขาย ยังไงก็ไม่ขาย แล้วก็ไม่ยอมรับฟัง ไม่ยอมคุยอะไรด้วยทั้งนั้น แล้วยัง...ยังจะ” คมเดชเล่าไปนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นไปแล้วก็หน้าซีด พร้อมมีท่าทีผะอืดผะอมเหมือนจะอาเจียนออกมา
ศศิร์ธาขมวดคิ้วคมเข้มเข้าหากันจนเป็นร่องเล็ก ๆ ร่องรอยประสบการณ์ชีวิตผุดขึ้นตรงหัวคิ้วจาง ๆ ของชายหนุ่ม แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ร่องรอยพวกนั้นไม่ได้ทำให้ผู้ชายวัยเฉียดสี่สิบปีคนนี้ดูแก่ลงเลย กลับเสริมเสน่ห์ให้เขาดูดีมากกว่าลูกคนอื่น ๆ ที่ร่วมบิดาเดียวกันเสียด้วยซ้ำไป
“คุณคมเดชถามเจ้าของที่ไปตรง ๆ แบบนั้นเลยหรือ”
ศศิร์ธาถามกลับ ชายหนุ่มเจ้าของชื่อศศิร์ธามักสุภาพแบบนี้เสมอกับทุกคนที่ไม่เคยคุ้นกันดี และที่ทำให้ศศิร์ธาดูน่าเกรงขาม น่าจะตรงน้ำเสียงสุภาพของเขานี่เอง เมื่อบวกรวมกับแววตาที่เขาใช้มองขณะสนทนาด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คู่สนทนารู้สึกหวั่นเกรง และมันทำให้ศศิร์ธาต่างจากเจ้านายคนอื่นในตระกูลนี้อย่างชนิดที่เรียกได้ว่าไม่ทิ้งฝุ่น
“ก็ เอ่อ ก็…ใช่ครับคุณศิธ”
อะไรกันที่ทำให้ทนายความมือหนึ่งของเขาถึงกับเสียอาการได้ขนาดนี้ ทนายของเขาเอาแต่อึก ๆ อัก ๆ ไร้ความเป็นมืออาชีพไปเลย
ศศิร์ธาพยักหน้าทำนองว่ารับรู้แล้ว เบือนสายตาดำคมลึกมองออกไปยังวิวนอกตัวรถ ด้วยท่าทางคล้ายครุ่นคิด เขาผ่านสงครามธุรกิจมาหลากหลาย เลยพอรู้สารพัดทริกที่ฝ่ายตรงข้ามหยิบยกขึ้นมาใช้ พูดไปก็ว่าโม้ แต่เขาเจอมาแทบจะทั้งนั้น ล้วนแล้วแต่ใช้วิธีการคล้ายคลึงกันทั้งหมด
ศศิร์ธารู้ข้อมูลมาว่าเจ้าของที่พักอยู่ตรงที่ดินแปลงนั้น พวกเขาปลูกพืชผักสวนครัว รวมถึงผลไม้ท้องถิ่น อยู่กินแบบพอเพียงตามค่านิยมที่ผู้คนบางกลุ่มใช้กันมาเนิ่นนาน หรือบางกลุ่มก็เพิ่งจะเริ่มนำมาใช้ดำเนินชีวิตกัน แต่นั่นไม่ใช่ค่านิยมสำหรับศศิร์ธา
มุมปากของศศิร์ธาขยับเป็นรูปโค้งขึ้นเพียงนิดเดียว พร้อมกับความคิดในหัวที่ว่า หากเงินไม่มากพอจะซื้อขาย และเจ้าของที่ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน มักไม่ยินยอมเจรจา นั่นต่างหากปัญหาที่แท้จริง
ศศิร์ธาไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เขานั่งเงียบเพื่อพิจารณาเรื่องงาน จนเห็นว่ารถเลี้ยวเข้าไปในถนนเส้นเล็ก ที่ไม่ได้ปูลาดด้วยยางมะตอยหรือคอนกรีตแบบที่คุ้นเคย แต่เป็นดินลูกรังตลอดเส้นทาง ก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นอีกเล็กน้อย ปล่อยลำตัวให้เอนตามแรงกระทำของยานพาหนะ ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง จนถึงจุดหมาย