บทที่ 2.3 มารดาผู้นี้ของข้างดงามที่สุด

1328 Words
บทที่ 2.3 มารดาผู้นี้ของข้างดงามที่สุด  ยามที่กลับมาถึงเรือน เซี่ยอวี้เฉินก็เร่งเอาน้ำไปตั้งตากแดด เขาเคยอ่านเจอในตำรากล่าวว่า ยามที่ตักน้ำจากลำธารมาเพื่อใช้สอย จะต้องเอาน้ำมาตั้งตากแดดทิ้งไว้ราวสองชั่วยามเพื่อให้ฝุ่นผงในน้ำตกตะกอน ตอนนี้สายมากแล้วหากเขายังชักช้าเกรงว่าคงไม่ทันให้ผู้เป็นมารดาได้ใช้สอยแน่นอน หากแต่เด็กน้อยยังไม่ทันปล่อยมือจากถังน้ำ เสียงของผู้เป็นมารดาก็ดังขึ้น “อาเฉินถือถังน้ำตามข้ามา” แม้จะสงสัยแต่เซี่ยอวี้เฉินก็ยกถังน้ำตามอีกฝ่ายไปยังข้างโรงเรือนเก็บของ เมื่อวางตะกร้าสานบนบ่าลง เซี่ยอวี้ฉีก็หันไปรับถังน้ำเล็กจากบุตรชายแล้วเทน้ำลงในถังไม้ใบใหญ่ตรงหน้า “ท่านแม่ ทำเช่นนี้เกรงว่า...” เซี่ยอวี้เฉินเม้มริมฝีปากเล็ก พยายามนึกถ้อยคำที่จะเอ่ยบอกแก่มารดาโดยที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขากำลังเอ่ยตำหนิ เซี่ยอวี้ฉียิ้มอ่อนโยนก่อนจะนั่งลงดึงจุกไม้ที่ก้นถังออก แล้วนำถังไม้สะอาดมารองรับน้ำ เซี่ยอวี้เฉินขมวดคิ้วมองน้ำที่ไหลออกมาจากก้นถังช้าๆ ด้วยความสงสัย แม้ก่อนหน้านี้เขาจะพักน้ำและค่อยๆ ตักน้ำใส่ถังอย่างระมัดระวัง แต่น้ำที่ถือมาก็ยังมีขุ่นตะกอนอยู่มาก เช่นนี้แล้วมารดาทำอย่างไรกันน้ำจึงได้ใสสะอาดในพริบตาเช่นนี้ “เรียกว่าการกรองน้ำ” เซี่ยอวี้ฉีมองแววตาที่ทวีความสงสัยของบุตรชายแล้วคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินไปหยิบไหก้นรั่วใบหนึ่งออกมาจากห้องเก็บของ ในมืออีกข้างยังมีตะกร้าใบเล็กอีกใบ “หยิบนุ่นใส่ลงไปในไห” เซี่ยอวี้เฉินมองนุ่นในตะกร้าสานแล้วหยิบใส่ลงไปในไหตามคำของมารดา “ตามด้วยถ่าน ทรายละเอียด ทรายหยาบ กรวดเล็ก กรวดใหญ่” เซี่ยอวี้เฉินค่อยๆ หยิบทุกสิ่งในตะกร้าใส่ลงไปในไหตามคำมารดา ยามที่เทกรวดเม็ดใหญ่ลงไปแล้ว ก็รับน้ำขุ่นขันหนึ่งมาจากมือเรียว “เทลงไป” ใช้เวลาไม่นานสายน้ำขุ่นที่ไหลผ่านชั้นต่างๆ ในไหใบเล็กก็ค่อยๆ หยดออกจากก้นไหรั่ว เซี่ยอวี้เฉินเบิกตากว้างเมื่อพบว่าสายน้ำที่หยดลงในถ้วย ทั้งใสทั้งสะอาดจนสะท้อนเห็นลายของก้นถ้วย “ท่านแม่ น้ำ! น้ำใสขอรับ” เซี่ยอวี้ฉีมองท่าทางเต้นของเด็กน้อยแล้วอดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้ นึกถึงยามเยาว์วัยของตน ทุกครั้งที่ได้ทำการทดสอบเชิงวิทยาศาสตร์ไม่ว่าเรื่องอันใดนางก็มักตื่นเต้นยินดีเช่นนี้ “ท่านแม่ ท่านทำได้อย่างไรขอรับ” “ล้วนเกิดจากการสังเกต” หากบอกว่านี่เป็นหนึ่งในหัวข้อที่นางเคยเล่าเรียนมา เด็กน้อยตรงหน้าคงมีคำถามมากมายตามมาอีกเป็นแน่ “เช่นนั้นข้าจะไปตักน้ำมาอีก” เซี่ยอวี้เฉินอยากลองใช้ถังกรองน้ำใบใหญ่ของมารดาอีกครั้ง ดังนั้นจึงวิ่งไปหยิบถังไม้หมายใจวิ่งกลับไปยังลำธารเพื่อตักน้ำมาลองเทใส่อย่างที่มารดาทำ หากแต่ยังไม่ทันก้าวเดินแขนเล็กก็ถูกผู้เป็นมารดาจับเอาไว้เสียก่อน “ต่อไปไม่ต้องไปตักน้ำอีก” “ท่านแม่ ข้าทำได้ขอรับ” เซี่ยอวี้เฉินเม้มปากแน่น เขารู้ว่าตนเองนั้นอ่อนแอและยังเยาว์วัย เพียงแต่งานตักน้ำไม่ใช่เรื่องยากลำบาก เขาจึงอยากช่วยแบ่งเบางานของผู้เป็นมารดา “ตามข้ามา” เซี่ยอวี้ฉีจับจูงแขนเล็กของบุตรชายไปที่ด้านหลังเรือนอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้นางไม่ได้พาเขาเดินออกไปทางรั้วด้านหลัง แต่ลัดเลาะผ่านแปลงผักไปยังกลางสวน เมื่อไปถึงก็พบสระน้ำกว้างและลึกราวครึ่งจั้ง เพียงแต่สระน้ำที่ลึกแค่ครึ่งจั้งจะมีน้ำได้อย่างไร ดวงตาเล็กกวาดมองรอบๆ สระเล็กก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับกระบอกไม้ไผ่ลำหนึ่งที่บริเวณขอบสระ แต่ที่ทำให้เด็กน้อยเบิกตากว้างก็คือบริเวณปลายกระบอกไม้ไผ่มีสายน้ำไหลออกมา “เหตุใดจึงมีน้ำไหลออกจากกระบอกไม้ไผ่ขอรับท่านแม่” “นั่นเรียกว่ากระบอกส่งน้ำ” เซี่ยอวี้ฉีเอ่ยบอกเสียงราบเรียบ “กระบอกส่งน้ำ คืออะไรของรับ” เซี่ยอวี้ฉียิ้มกว้าง ย่อตัวลงนั่งข้างบุตรชายแล้วเอ่ยบอกวิธีการทำท่อไม้ไผ่ เพื่อใช้ลำเลียงน้ำมาจากลำธารให้เด็กน้อยฟัง เซี่ยอวี้เฉินแม้อายุยังไม่ถึงสิบปี แต่ชีวิตที่ผ่านมาเขาก็อ่านตำรามาไม่น้อย ทว่านอกจากการทำบ่อพักน้ำ และนำน้ำมาตากแดดเพื่อให้น้ำขุ่นตกตะกอน วิธีการอื่นๆ ที่มารดาของเขาทำ เขาล้วนไม่เคยพบเจอในตำรา “ท่านแม่ ท่านศึกษาเรื่องพวกนี้จากตำราใดหรือขอรับ” “อาเฉิน เรื่องบางอย่างไม่จำเป็นต้องศึกษาจากตำรา เจ้าสามารถเรียนรู้ได้จากรอบๆ ตัว” สิ่งรอบๆ ตัวอย่างนั้นหรือ ดวงตากลมเล็กพลันเปล่งประกาย มองสายน้ำที่ไหลจากปลายกระบอกไม้ไผ่ช้าๆ ก่อนหันมาจดจ้องมารดาของตนด้วยความชื่นชม “ท่านแม่ ระยะทางจากลำธารมาถึงที่นี่ไม่ใช่ใกล้ๆ เหตุใดข้าไม่เห็นกระบอกส่งน้ำของท่านเลย” “เช่นนั้นตลอดทางจากบ้านไปลำธารเจ้าสังเกตเห็นสิ่งใดบ้าง” คิ้วเล็กขมวดมุ่นก่อนจะนึกทบทวนเส้นทางที่พึ่งเดินผ่านมา แม้มองผ่านๆ จะไม่พบความผิดปกติอะไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาสังเกตเห็นตลอดเส้นทางนั่นก็คือ “เหมยกุ้ยฮวา มีต้นเหมยกุ้ยฮวาอยู่เป็นแนวทางเดินขอรับ” แม้ต้นเหมยกุ้ยฮวาจะไม่ได้ขึ้นแนบชิดจนเห็นเป็นเส้นทางที่เด่นชัด ทว่าหากมองดูดีๆ แล้วกลับเห็นเป็นแนวทาง ตามเส้นทางเดินไปยังลำธาร “หรือว่าท่านฝังลำไม้ไผ่ไว้ที่ใต้ดินตามแนวเดินนั่นขอรับ” เซี่ยอวี้เฉินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อคล้ายจะวิเคราะห์คาดเดาการกระทำของมารดาได้ “อาเฉินของข้าช่างสังเกตได้ดี” ยามที่ได้รับคำชมของมารดาริมฝีปากของเด็กน้อยก็คลี่ยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายด้วยความยินดีและภาคภูมิใจ “เช่นนั้นข้าตักน้ำตรงนี้ไปใส่ถังกรองน้ำได้หรือไม่ขอรับ” “อย่าตักให้มากเกินไป จะปวดแขนในภายหลังได้” “ทราบแล้วขอรับ” สิ้นคำอนุญาตของเซี่ยอวี้ฉี เด็กน้อยก็ตักน้ำในบ่อเล็กใส่ถังแล้วกึ่งวิ่งกึ่งเดินนำไปเทใส่ถังกรองใบใหญ่ เซี่ยอวี้ฉีมองดูความกระตือรือร้นตักน้ำมาใส่ถังกรอง แล้วนั่งรอสายน้ำสะอาดไหลออกมาจากก้นถังด้วยความตื่นเต้นแล้วก็อดที่จะขบขันไม่ได้ ช่างเป็นเด็กที่ชื่นชอบการเรียนรู้เสียจริงๆ เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยกำลังสนุกกับการกรองน้ำ เซี่ยอวี้ฉีก็กลับไปหยิบตะกร้าเนื้อหมู เดินเข้าห้องครัวเพื่อทำหมูตากแห้ง อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าหน้าหนาว ตอนนี้นางมีอีกหนึ่งชีวิตมาร่วมเรือน ดังนั้นเสบียงต่างๆ จึงจำเป็นต้องเตรียมเพิ่มขึ้น .............................................................
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD