บทที่ 2.1 มารดาผู้นี้ของข้างดงามที่สุด
“ขอบคุณขอรับ... ท่านแม่”
แม้เป็นเพียงเสียงเล็กๆ ที่แผ่วเบา อีกทั้งยังแฝงความหวาดหวั่น ทว่าเซี่ยอวี้ฉีกลับได้ยินชัดเจน ดวงตาเรียวมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลอีกทั้งริมฝีปากน้อยยังเม้มเข้าหากันจนแนบสนิทแล้วนึกสะท้านในอก
ในอดีตเด็กน้อยผู้นี้ต้องพบเจอเรื่องราวยากลำบากเพียงใดกัน จึงได้กังวลในทุกการกระทำความคิด แม้แต่การเอ่ย ขอบคุณ เพียงเท่านี้ก็ยังไม่ละเว้น
แม้รู้ดีว่ากำแพงใจของเด็กน้อยนั้นคงมิอาจทลายลงได้ง่ายๆ แต่น้ำหยดลงหินทุกวันหินยังกร่อน นางเชื่อว่าความจริงใจของตนจะต้องทลายกำแพงอันมืดมิดนี้ของอีกฝ่ายลงได้แน่นอน
นิ้วเรียวกระชับตะเกียบในมือ คีบผักคะน้าผัดน้ำมันวางบนชามข้าวของเด็กน้อยอีกหนึ่งชิ้น แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“เสียงของเจ้าเพราะมาก ครั้งหน้าพูดให้มากหน่อย”
มือเล็กที่สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวของเซี่ยอวี้เฉินหยุดนิ่งในทันที ใจที่หวาดหวั่นเหน็บหนาวพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ท่านแม่คนใหม่ของเขานางไม่เพียงไม่รำคาญเสียงของเขา แต่ยังบอกให้เขาพูดให้มากหน่อย ดวงตาเล็กพลันแสบร้อนเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ทว่าในแววตาเล็กกลับเปล่งประกายไปด้วยความยินดี ขยับริมฝีปากเอ่ยเสียงหนักแน่นดังขึ้นอีกหนึ่งคำ
“ขอรับ”
เซี่ยอวี้ฉีช้อนดวงตาขึ้นสบแววตาเปล่งประกายของเด็กน้อย คลี่ยิ้มอ่อนโยนแล้วเอื้อมมือไปวางบนศีรษะเล็กของอีกฝ่าย
ทว่าทันทีที่หางตาเล็กเห็นบางสิ่งยื่นมาหาตน ร่างกายของเซี่ยอวี้เฉินก็เกร็งสะท้าน เอียงหลบหนีด้วยความตื่นตระหนก แต่เมื่อตระหนักได้ว่ามือข้างนี้ไม่ได้ยื่นมาเพื่อทุบตีทำร้ายตนเองเช่นคนใจร้ายในอดีตเหล่านั้น เขาก็ค่อยๆ ขยับศีรษะของตนกลับมาหามือเรียวของนาง ในตายังคงจดจ้องมองท่าทางของนางด้วยความไม่มั่นคงนัก
“อาเฉินเจ้าหายป่วยแล้ว วันนี้ข้าจะสระผมให้”
สระผม นานเพียงใดแล้วที่เขาไม่ได้สระผม เส้นผมของเขาตอนนี้ต้องสกปรกมากแน่ๆ เมื่อคิดถึงตรงนี้เซี่ยอวี้เฉินก็เอนศีรษะออกจากมือเรียวในทันที พรางช้อนสายตามองผู้เป็นมารดาแล้วเอ่ยบอกด้วยกลัวนางจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาดื้อรั้น รังเกียจนาง
“ข้าสกปรก”
เซี่ยอวี้ฉีเดิมทีคิดว่าเป็นนางที่รุกเข้าหาอีกฝ่ายหนักเกินไปจนเขาตื่นกลัว ทว่ายามได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ก็คลี่ยิ้มกว้างขยับมือไปวางบนเส้นผมของเด็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง
“เช่นนั้นวันนี้ก็ไปอาบน้ำที่ลำธารกัน”
เมื่อเห็นเซี่ยอวี้ฉีวางตะเกียบลง เซี่ยอวี้เฉินก็เร่งลุกขึ้นเก็บถ้วยชามบนโต๊ะเล็กไปล้างทำความสะอาดโดยที่ไม่ต้องรอให้ผู้เป็นมารดาเอ่ยปาก ในดวงตาของผู้อาวุโสกว่าจึงมีความชื่นชมมากขึ้นกว่าเดิม
หลังจากจัดการล้างถ้วยชามแล้ว ยามกลับมาที่ห้องโถงเล็กเซี่ยอวี้เฉินก็เห็นตะกร้าสานใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ด้านในตะกร้ามีชุดใหม่ของเขาวางอยู่และมีขวดกระเบื้องเคลือบอีกขวดหนึ่ง
“ถือตะกร้าผ้าของเจ้าตามข้ามา”
เซี่ยอวี้ฉีเอ่ยบอกก่อนจะถือตะกร้าใบใหญ่เดินนำออกไป เซี่ยอวี้เฉินหยิบตะกร้าเล็กเดินตามออกมานอกเรือน ดวงตาเล็กกวาดมองทุกสิ่งรอบตัว แม้เขาจะมาอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว แต่ก็ไม่เคยสังเกตรอบๆ บ้านของนางอย่างละเอียดเลยสักครั้ง
การสังเกตเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่บุรุษควรมี
เซี่ยอวี้เฉินยังจดจำคำสั่งสอนของบิดาได้ดี เพียงแต่ยามคิดถึงบิดาดวงตาก็พลันแสบร้อน ในใจคะนึงหาอีกฝ่ายยิ่งนัก ทว่าในยามที่จิตใจกำลังถูกความมืดเข้ากลืนกิน มือเล็กอีกข้างก็ถูกกอบกุมเอาไว้โดยไร้คำพูดใดๆ ดวงตาแดงก่ำมองมือเรียวที่ยื่นมากุมมือของตนแล้วช้อนตามองผู้เป็นเจ้าของมือ
“แดดเริ่มแรงแล้วเร่งเดินหน่อย”
แม้ไม่มีคำปลอบโยนใดๆ แต่การกระทำของนางกลับอบอุ่นยิ่งนัก เด็กน้อยมองใบหน้าที่ราบเรียบของเซี่ยอวี้ฉี แล้วขยับมือเล็กกระชับตอบกลับมือเรียว ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางขานรับคำด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ขอรับท่านแม่”
สองเท้าเล็กก้าวเดินตามผู้เป็นมารดา ทุกอย่างก้าวล้วนมั่นคง ทุกสัมผัสล้วนอบอุ่น หัวใจที่มืดมิดคล้ายมีแสงตะวันนำทาง เด็กน้อยลอบช้อนดวงตาเล็กมองใบหน้าของผู้เป็นมารดา ยามที่ใบหน้าของนางสะท้อนกับแสงตะวันยามเช้าช่างงดงามนัก ริมฝีปากของเขายิ้มกว้างมากขึ้น ดวงตาเปล่งประกายไปด้วยความสุข
มารดาผู้นี้ของข้างดงามที่สุด
..............................................
เซี่ยอวี้เฉินถูกผู้เป็นมารดาพาเดินอ้อมมาทางด้านหลังบ้าน ดวงตาเล็กมองวิธีการใช้สอยพื้นที่ของผู้เป็นมารดาแล้วรู้สึกชื่นชมในใจ พื้นที่เล็กๆ ด้านหลังที่บ้านอื่นนิยมใช้ทำสวนดอกไม้และศาลาพักผ่อน มารดาของเขากลับนำมาใช้ปลูกผักหลากชนิด ด้านข้างยังมีเล้าไก่ รอบๆ รั้วยังมีต้นผลไม้อีกหลายชนิดปลูกสลับกันไปมา ยามที่เดินออกจากรั้วบ้านมาได้ราวครึ่งลี้ก็พบลำธารเล็ก
“อยากเล่นน้ำไหม”
เล่นน้ำ มารดาของเขาหมายถึงให้เขาลงไปว่ายน้ำเล่นน่ะหรือ... เพียงแต่เซี่ยอวี้เฉินอย่างไรในอดีตก็เคยเป็นคุณชายน้อยที่คนทั้งตระกูลคอยประคบประหงมดูแลดุจไข่ในหิน เรื่องเล่นน้ำหรือทำสิ่งที่เป็นอันตรายต่อชีวิตล้วนไม่เคยได้สัมผัส จวบจนกระทั่ง... ยามที่เผลอหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีต ในใจของเด็กน้อยก็กลับมาปวดร้าวมืดมน เขาช่างเป็นคนไม่เอาไหน
อาซิน... ผู้ใดล้วนต้องเผชิญความผิดพลาดและยากลำบาก หากภายหน้าเจ้าทำเรื่องที่ผิดพลาดหรือพบเจอเรื่องยากลำบาก จงเรียนรู้และก้าวไปข้างหน้า อย่าได้จมอยู่กับอดีต เข้าใจหรือไม่
คำสอนของบิดาในวันวานดังขึ้นมาในความคิด เพียงแต่การเข้าใจนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ที่ยากคือการยอมรับและทำตาม
เซี่ยอวี้ฉีมองใบหน้าที่สลดลงของเด็กน้อยแล้วถอนหายใจเบาๆ อย่างเห็นใจ ก่อนวางตะกร้าผ้าในมือลง กระชับมือเล็กพร้อมกับดึงเขาลงลำธาร
“ท่านแม่! ขะ.. ข้าว่ายน้ำไม่เป็น”
เซี่ยอวี้เฉินเอ่ยบอกเสียงตื่นตระหนก ทว่าแม้ในใจหวาดกลัวเพียงใด แต่กลับไม่คิดต่อต้านแรงจับจูงของอีกฝ่าย เซี่ยอวี้ฉีส่งยิ้มอ่อนโยนให้เขาแล้วเอ่ยเสียงหนักแน่น
“วางตะกร้าลง แล้วเชื่อใจข้า”
เชื่อใจ เขาย่อมเชื่อใจนาง เซี่ยอวี้เฉินวางตะกร้าเล็กของตนลง สองเท้าเล็กก้าวเดินลงในแม่น้ำอย่างไม่มั่นคงนัก ยามที่ระดับน้ำสูงมาถึงลำคอสองขาก็พลันอ่อนแรงทรุดลงไปในสายน้ำ
ในยามที่รอบตัวถูกสายน้ำล้อมรอบภาพที่เขาถูกท่านย่าจับศีรษะกดลงในอ่างล้างหน้าผุดขึ้นมาในความคิด ความหวาดกลัวรุนแรงพลันเข้าครอบงำจิตใจ มือเล็กเผลอสลัดออกจากมือเรียว ยืนหยัดแหวกว่ายดิ้นรน ทว่ายิ่งเขาพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายขึ้นเหนือผิวน้ำ ก็คล้ายเผลอก้าวเดินไปกลางสายน้ำที่ลึกขึ้น หากแต่ไม่ถึงสามลมหายใจเอวเล็กก็ถูกวงแขนหนึ่งโอบกอดดึงรั้งขึ้นมาเหนือผิวน้ำ
“ท่านแม่! ข้ากลัว!”
.......................................