ในระหว่างทางกลับคอนโด ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนรอบตัว ความรู้สึกหึงหวงที่ครอบงำอยู่ในใจไม่สามารถปล่อยวางได้เลย ริสาเงียบและไม่พูดอะไรระหว่างทาง บรรยากาศที่ตึงเครียดทำให้รู้สึกเหมือนทุกอย่างกำลังบีบอัดอยู่ในใจ ฉันตั้งใจจะถามภูวินว่าทำไมถึงสนิทสนมกับวิลเลี่ยม แต่เมื่อมองดูเขาแล้ว กลับรู้สึกว่าคำถามนั้นอาจทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง
“พี่ภูวิน เป็นอะไร?” ฉันถามเสียงเบา เมื่อเห็นว่าเขายังคงไม่พูดอะไร ฉันรู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่ตึงเครียดนี้ ปกติแล้วภูวินไม่ใช่คนที่เงียบขนาดนี้ แต่ตอนนี้เขากลับดูห่างเหิน ราวกับว่าเขาอยู่ในโลกของตัวเอง
“ไม่มีอะไร แค่เหนื่อย” เขาตอบอย่างห้วน ๆ มองไปข้างหน้า ไม่คิดจะอธิบายความรู้สึกของตัวเองให้ฉันฟัง ฉันรู้สึกผิดหวังและไม่เข้าใจในท่าทีของภูวิน เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของฉันเสมอ แต่ตอนนี้กลับเหมือนเขาต้องการห่างเหิน
เมื่อมาถึงคอนโด ภูวินจอดรถและเดินเข้าไปภายในอย่างเงียบ ๆ ฉันเดินตามไป
แต่เขากลับบอกว่า “นอนก่อนเลยนะ ขอต้องทำงานก่อน” เสียงของเขาฟังดูอ่อนแรง ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเขาไม่ต้องการให้ฉันอยู่ใกล้ ๆ ในค่ำคืนนี้
“พี่ภูวิน… ทำไมไม่พักบ้าง?” ฉันถามอย่างกังวล แต่เขาเพียงแค่ส่ายหัวและเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้ฉันยืนอยู่กลางทางรู้สึกอึดอัดและไม่เข้าใจ ในคืนที่เงียบสงัด ฉันนอนคนเดียว ในขณะที่ภูวินยังคงทำงานอยู่ในห้อง รู้สึกถึงความเหงาที่ค่อย ๆ ย่ำเยียบเข้ามาในใจของฉัน ฉันรู้สึกผิดปกติ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูวิน แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร พอตอนเช้า พี่ภูวินทำตัวเหมือนปกติ โดยพาไปส่งที่ทำงาน แต่บรรยากาศระหว่างเรายังคงตึงเครียด ฉันรู้สึกเครียดและกังวลมากขึ้น เพราะภูวินยังไม่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจเหมือนเดิม
“พี่ภูวิน…” ฉันเริ่มพูด แต่เขาก็แค่หันไปมองแล้วไม่พูดอะไร ฉันรู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในความไม่แน่นอน
“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?” วิลเลี่ยมสังเกตเห็นว่าฉันดูเงียบ ๆ และไม่ค่อยมีสมาธิ เขาจึงเข้ามาถาม
“ก็มีเรื่องนิดหน่อย...” ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงเบา ๆ ความรู้สึกที่ไม่สบายใจเริ่มโอบล้อมตัวฉันอีกครั้ง
ในขณะนั้น ภูวินหันไปเห็นกระเป๋าตังก็เลย รู้สึกว่า ริสาอาจจะลืมกระเป๋าตังไว้ เขาจึงตัดสินใจวนรถกลับมาเพื่อเอากระเป๋าตังมาให้ริสาด้วยความเป็นห่วงและอยากให้ริสามีทุกอย่างพร้อมในวันทำงาน แต่เมื่อเขาเห็นริสากำลังพูดคุยกับวิลเลี่ยม ความรู้สึกไม่สบายใจที่สะสมอยู่ในใจทำให้เขาวางกระเป๋าตังลงบนโต๊ะอย่างแรง
“เอามาให้ เห็นว่าลืม” เสียงของเขาแหบพร่า ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดที่อยู่ในอากาศ เขาพูดจบแล้วก็เดินออกไปทันที โดยไม่รอฟังคำตอบหรือคำพูดใด ๆ ของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนเขากำลังปิดกั้นตัวเองจากฉันอย่างสิ้นเชิง
“พี่ภูวิน!” ฉันตะโกนตามไป แต่เขาก็ไม่หันกลับมาและขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกแย่ ๆ ยิ่งทวีคูณขึ้นในใจของฉัน รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา ท่ามกลางความสงบเงียบ ฉันรู้สึกเคว้งคว้างและไม่เข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ภูวินเป็นแบบนี้ ฉันอยากให้เขาเปิดใจพูดคุยกับฉัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่อยากให้ฉันรู้ความจริงอะไรเลย
“ทำไมพี่ภูวินถึงไม่ยอมพูดอะไรกับฉัน…” ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ขณะนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ความรู้สึกผิดหวังและไม่มั่นใจเริ่มกัดกินจิตใจของฉัน แต่ในใจยังมีความหวังว่าเขาจะกลับมาเป็นคนเดิมที่ฉันรู้จัก
.
ในระหว่างที่นั่งอยู่ในรถ ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหมุนรอบตัว และหัวใจของผมก็สั่นคลอนเมื่อคิดถึงริสา เธออยู่ข้างๆ โดยมีวิลเลี่ยมอยู่ตรงนั้นด้วย มันทำให้ความรู้สึกหึงหวงและไม่สบายใจที่อยู่ในใจพลุ่งพล่านมากขึ้น ผมไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้เลย มันร้อนแรงดั่งไฟที่กำลังลุกไหม้ ผมมองไปที่ริสา และคิดว่าเธอคงจะรู้สึกถึงความไม่สบายใจของผม แต่กลับไม่อยากให้เธอได้รับรู้ถึงความรู้สึกนี้ เพราะกลัวว่าอารมณ์ร้อนที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจนี้มันจะพาลไปถึงเธอ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงพยายามออกห่างจากเธอให้มากที่สุด ไม่พูด ไม่สื่อสาร และไม่แสดงความรู้สึกออกมา การเผชิญหน้ากับเธอในสภาพจิตใจแบบนี้มันยากเกินไป ผมไม่อยากให้ความเครียดและอารมณ์ที่มีอยู่ กลายเป็นการทำร้ายเธอ ดังนั้น ผมจึงเลือกที่จะเงียบเพื่อปกป้องทั้งเธอและตัวเอง แต่ในใจกลับรู้สึกว่าการห่างเหินนี้มันยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ในห้องทำงานที่เงียบสงัด ผมนั่งอยู่กับความไม่สบายใจที่ถาโถมเข้ามา ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะไม่เป็นใจ ลูกน้องทำอะไรก็ไม่ถูกใจ เสียงที่ดังขึ้นจากการสนทนากันในสำนักงานทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ความคิดของผมก็วนเวียนอยู่แต่เรื่องริสาและวิลเลี่ยม ไอ้เดล ลูกน้องคนสนิทเห็นท่าทีที่ไม่ดีจึงไม่รอช้า เขาเดินเข้ามาหาแล้วเอ่ยปากถามด้วยความเป็นห่วง
“นาย เป็นอะไรครับ ทำไมดูเครียดจัง”
“ไม่มีอะไร” แต่คำตอบนั้นก็ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกที่รบกวนผมได้ จนในที่สุด ผมก็ตัดสินใจเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เดลฟัง ตั้งแต่เรื่องที่ริสานั่งอยู่กับวิลเลี่ยมและความรู้สึกหึงหวงที่กัดกินผมอยู่
“กูไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองตอนนี้เลย” ผมพูดออกไปอย่างระบายความอัดอั้น
“มันคืออาการคนหึงน่ะครับ” เดลยิ้มขำ
“ไม่น่าใช่” ผมเถียง แต่เดลกลับยิ้มและพยักหน้าอย่างเข้าใจ ในขณะเดียวกันผมกลับรู้สึกขัดแย้ง
“ลองคิดดูสิ ถ้าเห็นเขาอยู่กับคนอื่นแล้วไม่พอใจ อยากให้รอยยิ้มนั้นเป็นของเราเพียงคนเดียว มันคือเพราะเรารักเขาและไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเขา” เดลบอกด้วยน้ำเสียงชัดเจน แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง
“แค่รู้สึกอยากปกป้องเขาเท่านั้น” ผมตอบเสียงต่ำ แต่ภายในใจกลับก่อเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อน
ในใจของผมเผชิญกับคำถามว่า 'ทำไมจึงกลัวว่าเธอจะไปกับคนอื่น?' ผมนั่งอยู่ในความคิดนั้นยาวนาน และสุดท้ายก็รู้สึกถึงความจริงที่แผ่ซ่านอยู่ในใจ ผมไม่สามารถทนอยู่ในความรู้สึกแบบนี้ได้อีกต่อไป และสุดท้ายการเผชิญหน้ากับริสาก็เป็นสิ่งที่ผมต้องทำ