ภูวินขับรถไปยังบริษัทของริสาด้วยความรู้สึกคุ้นเคย รถยนต์สีดำสวยเงาวับพาเขาเดินทางผ่านถนนที่คุ้นเคยและการจราจรที่มีชีวิตชีวา แต่ในใจเขากลับเต็มไปด้วยความรู้สึกกังวลที่ยากจะอธิบาย เขารู้ว่าต้องไปรับริสาที่ทำงาน แต่มันก็มีบางอย่างในอากาศที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร แต่เขาไม่สามารถหยุดคิดได้ เมื่อมาถึงบริษัท เขาจอดรถไว้และลงจากรถอย่างเงียบๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนอบอ้าวในวันนั้น ภูวินเดินไปที่ทางเข้าบริษัท ด้วยความตั้งใจที่จะรับริสาและออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่ทันทีที่เขาเดินเข้าไปในล็อบบี้ เขาก็เห็นภาพที่ทำให้หัวใจของเขาสะดุด ริสากำลังยืนอยู่ที่มุมหนึ่งของล็อบบี้ คุยอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน สายตาของภูวินจับจ้องไปที่ทั้งสองคน เขาสังเกตเห็นว่าริสายิ้มให้ผู้ชายคนนั้นด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นมาในอากาศ ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างในใจของเขากำลังแตกสลาย
“ทำไมเธอถึงยิ้มแบบนั้นกับคนอื่น?” ความรู้สึกหึงหวงและอิจฉาเริ่มก่อตัวในใจของเขา รู้สึกเหมือนมีหมอกหนาๆ ที่ทำให้เขามองไม่เห็นภาพความสัมพันธ์ที่เขามีกับริสา ความรู้สึกนี้มันคือตัวตนที่ซ่อนอยู่ภายในที่เขาไม่เคยต้องการเปิดเผย แต่ตอนนี้มันกลับเข้ามาอย่างรุนแรง
“หึ!” ภูวินต้องพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกอย่างนี้ เมื่อเขาเห็นริสากำลังสนุกสนานกับชายคนนี้ เขาไม่อยากให้เธอยิ้มแบบนั้นกับคนอื่น แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกเธอไม่ให้ยิ้มให้ใคร
ในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่น สายตาของเขายังไม่ละออกจากริสา เธอดูมีความสุขมากเกินไปแล้วหรือ? มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลายเป็นคนขี้อิจฉา ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ แล้วในขณะที่เขายืนอยู่ ริสาก็หันมาทางเขา
“พี่ภูวิน!” เสียงของเธอเรียกเขา รอยยิ้มที่เธอส่งมาเหมือนกับยาที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดับลงเพราะผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเธอ ริสารีบเดินเข้ามาหาเขา
“รอนานมั้ย?” เธอถามด้วยความกังวลเล็กน้อย ภูวินส่ายหัวเล็กน้อย ยิ่งเขามองหน้าริสา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าบรรยากาศมันตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ครับ” เสียงของเขาออกมาห้วนๆ ริสาเลยยิ้มกว้างขึ้นแล้วหันไปที่ผู้ชายที่ยังยืนอยู่ข้างๆ เธอ ริสามองไปที่ภูวินและอึกอักนิดหน่อย ก่อนจะพูดออกมา
“อ่อ… นี่คือวิลเลี่ยม เขาคือคนที่ทำโปรเจคด้วยกัน” ภูวินพยายามทำตัวให้เป็นกลาง แต่เมื่อได้ยินชื่อ ‘วิลเลี่ยม’ ก็เหมือนเขาจะสะดุดเล็กน้อย ความไม่พอใจผุดขึ้นมาในใจ เขาไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีสิทธิ์ในความสนใจของริสามากกว่าเขา?
“สวัสดีครับ” วิลเลี่ยมยิ้มและยื่นมือมาให้เขา ภูวินยิ้มแห้งๆ แล้วจับมือเขา “สวัสดีครับ” เสียงของเขาฟังดูเป็นทางการ แต่ในใจเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เมื่อริสามองไปที่ภูวินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “เป็นอะไรหรือเปล่า? ทำไมดูตึงเครียดจัง?” เธอถามอย่างจริงจัง เสียงของเธอเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่ภูวินไม่สามารถตอบกลับไปได้
“เปล่า… แค่รออยู่เฉยๆ” เขาพยายามทำเสียงให้ดูปกติที่สุด แต่รู้สึกเหมือนว่ามันไม่มีประโยชน์เลย การที่ริสาหันไปคุยกับวิลเลี่ยมอีกครั้งเหมือนยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกลืม เมื่อริสาจบการแนะนำแล้ว วิลเลี่ยมก็ยิ้มให้แล้วเดินไปหยิบเอกสารบางอย่างออกจากโต๊ะที่อยู่ใกล้ๆ ขณะนั้นภูวินรู้สึกเหมือนมีระยะห่างระหว่างเขากับริสามากขึ้น ภูวินมองไปที่ริสาที่กำลังคุยกับวิลเลี่ยมและทำให้เขารู้สึกห่างเหิน
“โอเค… ฉันไปนะ” วิลเลี่ยมบอกก่อนที่จะเดินออกไป เขาทำท่าทางที่สุภาพ แต่ในใจของภูวินกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ดี ในขณะที่ริสาหันมาทางเขาอีกครั้ง
“ไปกันเถอะ” ริสาเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ ก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นรถ ภูวินทำตัวเงียบๆ ไม่พูดอะไรระหว่างทาง ริสาเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ และเธอเองก็ไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไรดี
“พี่ภูวิน…” ริสาเรียกเสียงเบาๆ สายตาของเขายังมองไปข้างหน้า
“เกิดอะไรขึ้น?” เธอถามอย่างเป็นห่วง แต่ภูวินก็แค่ส่ายหัว เขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของเขาในขณะนั้นได้เลย
ในใจของเขากลับเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่มีคำตอบ ทำไมเขาถึงรู้สึกหึงหวงเมื่อเห็นริสากับผู้ชายคนนี้? ริสาไม่ใช่ของเขา เขาไม่มีสิทธิ์ในการควบคุมความรู้สึกของเธอ แต่ทำไมความรู้สึกนี้ถึงไม่หายไป? ในขณะที่รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า เขาก็พยายามตัดสินใจ ว่าจะพูดอะไรออกไปดี แต่แล้วในที่สุดเขาก็เลือกที่จะเงียบ ไม่อยากทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดไปมากกว่านี้
'เธอยิ้มให้คนอื่นเยอะเกินไป…' เสียงในใจเขากระซิบ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะรู้สึกหึงหวง แต่ตอนนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ และเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เมื่อถึงจุดหมายเขาจอดรถแล้วเงียบเสียงเอาไว้ในใจ บรรยากาศที่เกิดขึ้นในรถนั้นยังคงอึดอัดและไร้เสียงอย่างชัดเจน ริสาเปิดประตูออกไปก่อน โดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ภูวินเองก็รู้สึกผิดหวังกับตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
'ทำไมฉันต้องรู้สึกแบบนี้?' เขาตั้งคำถามกับตัวเองอย่างสงสัย แต่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน บรรยากาศของความหึงหวงยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา และเขารู้ว่าต้อ'ทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้ความรู้สึกนี้ครอบงำเขาอีกต่อไป