ภูวินนั่งอยู่ในห้องทำงาน สายตาเหลือบไปมองเอกสารบนโต๊ะ แต่สมองกลับลอยไปไกลถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา รู้สึกเหมือนมีดอกไม้ผลิบานอยู่ในใจ เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักริสา แต่ก็ยังไม่กล้ายอมรับความรู้สึกนี้
เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านลองชุดแต่งงาน ริสาสวมชุดเดรสสีขาวที่สวยงาม เธอหมุนตัวให้กระโปรงพลิ้วไหว และหัวเราะเมื่อเห็นตัวเองในกระจก ดวงตาของเธอสว่างไสวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ถ้าฉันได้แต่งงานในชุดนี้ คงรู้สึกเหมือนมีความฝันเป็นจริงเลยนะ” ริสาพูดด้วยเสียงหวาน ขณะที่ภูวินยืนอยู่ข้าง ๆ เขารู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่งเมื่อมองเธอ รอยยิ้มที่สดใสของเธอทำให้หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“เฮ้อ... ทำไมต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยนะ” เขาพูดกับตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ในขณะที่ภูวินกำลังอยู่ในห้วงความคิดนั้น ไอ้โซจูเพื่อนรักก็เดินเข้ามา
“เฮ้ย! มึงจะแต่งงานหรอ?” มันถามเสียงดัง แทบทำให้ภูวินสะดุ้ง
“เออ... ก็แค่ส่วนนึงของแผน” เขารีบตอบไปแบบไม่คิดอะไร
“แผนอะไร?” โซจูทำหน้างงอย่างชัดเจน
“แผนการยึดครองตระกูลริสาไง” เขาอธิบายไป ยิ้มอย่างมั่นใจ
“ริสาก็แค่ต้องการหนีการแต่งงานพอดี”
“โอ้โห มึงวางแผนใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?” โซจูหัวเราะ
“แล้วมึงไม่รู้สึกอะไรกับเธอเหรอ?”
“ไม่... หรืออาจจะ... ก็แค่แผน!” ภูวินปฏิเสธทันที แม้ในใจจะมีเสียงแว่วว่ามันอาจไม่ใช่แค่แผน ไม่นานหลังจากนั้น ไอ้นิวก็เปิดประตูเข้ามา “เฮ้ย! มึงจะแต่งงานจริงหรอ?” มันถามเสียงตื่นเต้น
“ก็แค่ส่วนนึงของแผน” เขาตอบเหมือนเดิม จนเริ่มรู้สึกว่ามันแปลก ไม่นานหลังจากนั้น ไอ้ธันวาก็ยืนอยู่ที่ประตู มันยืนนิ่ง ๆ หน้าตาเหมือนคนมีเรื่องในใจ
“เฮ้ย! ธันวา มึงมาถามเหมือนสองคนก่อนหน้านี้ใช่ไหม?” ภูวินชิงพูดขึ้นก่อน ธันวาเงียบ พยักหน้าอย่างช้า ๆ
“ก็แค่แผนการน่ะ” ภูวินยิ้มให้ เขารู้สึกตลกดีที่ทุกคนคิดแบบเดียวกัน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ขัดแย้งกัน
“มึงทำเหมือนกำลังหลบหลีกความจริงอยู่นะ” ธันวาถามด้วยรอยยิ้มขบขัน ภูวินหัวเราะเบา ๆ
“ไม่หรอก แค่แผน” เขายืนยันอย่างจริงจัง แม้ในใจจะรู้ดีว่าเขากำลังหนีความรู้สึกที่เพิ่มขึ้นทุกที
.
ในขณะเดียวกัน ริสาก็นั่งอยู่ในห้องทำงานของเธอ สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ใจกลับคิดถึงภูวิน เธอนึกถึงช่วงเวลาที่พวกเขาไปลองชุดแต่งงานด้วยกันที่ร้าน ริสามองตัวเองในกระจก ขณะที่ภูวินยืนอยู่ข้าง ๆ มองเธอด้วยสายตาที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง
“เฮ้อ... ทำไมต้องคิดถึงเขาขนาดนี้นะ” ริสาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะส่ายหัวและถอนหายใจ
“มันก็แค่การแต่งงานหลอก ๆ เพื่อให้พ่อยกเลิกการคุ้มถุงชนกับฉันก็เท่านั้น” ขณะที่เธอนั่งอยู่ในห้วงความคิด เลขาที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ก็เริ่มเอ่ยปากแซว
“คุณริสาคิดถึงใครอยู่หรือเปล่าคะ? ดูเหมือนคุณจะจมอยู่กับความคิดนานเลย”
“ไม่มีหรอก!” ริสาตอบกลับทันที แม้ในใจจะรู้ดีว่าเธอคิดถึงภูวินมากขนาดไหน แต่ก็ไม่อยากให้ใครรู้ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่
“มันแค่การแต่งงานหลอก ๆ นี่นา” เลขามองมาที่เธออย่างเข้าใจ แต่ก็ยังแอบยิ้ม
“อืม... ฮ่า!” ริสาหัวเราะเบา ๆ พยายามทำให้ตัวเองรู้สึกสบายใจขึ้น
“ใช่ค่ะ แค่แผนการที่จะยุติการแต่งงานที่พ่อวางไว้เท่านั้นเอง” แต่อยู่ดี ๆ ความคิดถึงภูวินก็กลับมาท่วมท้นใจเธออีกครั้ง ริสาหมายถึงการได้อยู่กับเขาในวันสำคัญนั้น ริสามองชุดที่ตัดเย็บอย่างประณีต ก่อนจะนึกถึงความอบอุ่นในน้ำเสียงของภูวินที่เคยพูดว่า “เธอสวยที่สุดในชุดนี้”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้นะ? มันไม่ใช่ความรักนี่นา...” เธอพูดกับตัวเองในใจ พลางนึกถึงการได้อยู่เคียงข้างเขาในวันสำคัญนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นการแต่งงานหลอก ๆ แต่ทำไมใจของเธอถึงรู้สึกหวั่นไหวอย่างนี้นะ ในขณะนั้น พ่อของริสาก็เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“ริสา! ไอ้ภูวินนี่มันใคร? แกจะแต่งงานกับมันตอนไหน? ทำไมไม่บอกพ่อก่อน?” ริสาอึ้งไปชั่วขณะ พยายามหาคำพูดที่จะตอบ
“ก็แค่…”
“ถ้าจะแต่งงานกันก็ควรบอกพ่อก่อน! พรุ่งนี้พาเขามาหาพ่อ ไม่งั้นพ่อไม่ให้แต่ง!”
“พ่อ! ทำไมต้องบังคับขนาดนี้?” ริสาเถียงกลับ น้ำเสียงของเธอแสดงถึงความดื้อดึง
“มันเป็นเรื่องของฉันนะ!”
“เรื่องของลูก แต่พ่อมีสิทธิ์รู้เรื่องนี้! การแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่น!” พ่อของเธอยืนกรานด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ก็แค่ให้ฉันจัดการของฉันเองได้ไหม! พ่อไม่ต้องมายุ่งก็ได้!” ริสายังคงไม่ยอมแพ้
“ไม่ใช่แบบนั้น ริสา! ถ้าแกจะแต่งงาน พ่ออยากให้รู้จักกันก่อน!” พ่อเธอพูดเสียงหนักแน่น
“พ่อก็ไม่รู้ว่าเราจริงจังแค่ไหน!”
“ทำไมต้องให้ฉันอธิบายทุกอย่างให้พ่อฟัง?” ริสาเถียงกลับ ในใจของริสาคิดหนักว่า จะทำอย่างไรให้พ่อเชื่อว่า นี่คือการแต่งงานจริง ๆ ไม่ใช่แค่การแต่งงานบังหน้า เธอรู้ว่าถ้าพ่อรู้ว่ามันเป็นแค่การหลอกลวง พ่อจะต้องไม่ยอมแน่ “ถ้าฉันบอกพ่อไปว่าเราไม่ได้จริงจัง พ่อจะไม่ให้ฉันแต่งงานแน่ ๆ” ริสานึกในใจ
“เพราะมันสำคัญ!” พ่อของเธอยืนยัน
“พรุ่งนี้พาเขามาเถอะ ถ้าไม่อย่างนั้น...”
“ถ้าไม่อย่างนั้นอะไร?” ริสาเริ่มรู้สึกโกรธ
“พ่อจะทำให้ฉันต้องหยุดทุกอย่างอย่างนั้นเหรอ?” พ่อของริสาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงนุ่มลง
“พ่อแค่ไม่อยากให้ลูกเสียใจในอนาคต อีกอย่างตระกูลของเราก็ต้องมีสมาชิกคนใหม่เข้ามา เขาคนนั้นเป็นยังไงพ่อยังไม่รู้เลย จะกล้าให้เข้ามาได้ยังไง” ริสารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในมุมที่ไม่มีทางออก เธอไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี
“ฉันไม่เข้าใจเลย! ทำไมต้องบังคับขนาดนี้?” น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่น
“เพราะพ่อรักลูก!” พ่อเธอพูดด้วยความจริงจัง
“พ่ออยากให้ลูกมีความสุขจริง ๆ”