สามทุ่มคือเวลาศูนย์การค้าปิด แต่พุดมาลัยซึ่งมีหน้าที่เป็นแคชเชียร์ต้องนำเงินจากเครื่องมาส่งให้หัวหน้าซึ่งก็คือชาลิสาที่ฝ่ายการเงินเสียก่อน ดังนั้นเวลาเลิกงานจริงๆจึงเป็นสามทุ่มครึ่ง
พุดมาลัยหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเตรียมหยิบเหรียญไว้ให้พอดี จะรีบเดินออกไปขึ้นรถโดยสารประจำทางเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแต่ก็ต้องชะงักเมื่อดาริกาวิ่งกระหืดกระหอบมาดึงข้อศอก
“โบว์ วันนี้วันเกิดพี่ทศไปกินเลี้ยงกันที่ร้านลอฟท์นะ ไปด้วยกัน พี่ทศเป็นเจ้าภาพ เขาลงทุนอ้อนวอนให้ฉันมาชวนโบว์ไปให้ได้ ไปนะโบว์เห็นกับเป็นวันเกิดพี่ทศ”
ทศพลคือหัวหน้าแผนกคลังสินค้าที่ตามจีบพุดมาลัยมานานแต่พุดมาลัยไม่เคยตอบรับไมตรีอีกฝ่าย ให้ได้แค่ความเป็นเพื่อนเท่านั้น ซึ่งอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมรับ ยังพยายามตามตื๊อไม่เลิก ทศพลอยากให้เธอไปด้วยกระทั่งขอร้องให้ดาริกาช่วย เพราะก่อนหน้านี้ทศพลโทรมาชวนแล้วแต่เธอปฏิเสธ
พุดมาลัยส่ายหน้าอ่อนใจ “โบว์ไม่ไปหรอก ขี้เกียจกลับบ้านดึก ง่วงอยากนอน อีกอย่างโบว์เป็นห่วงแม่ด้วย แม่อยู่คนเดียว”
คนฟังได้ฟังอีกฝ่ายพูดถึงมารดาอย่างเป็นห่วงก็นิ่วหน้าอย่างคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางดี “แม่แกยังไม่กลับหรอกโบว์ ป่านนี้คงยังอยู่ที่บ่อน”
“ดา”
“เออ ฉันขอโทษแต่มันจริงนี่แกทำงานงกๆมาตลอดตั้งแต่เรียนไม่เคยได้เที่ยวเลย ไปเถอะนะ ไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันอยากแดนซ์กระจาย แต่ถ้าโบว์ไม่ไปฉันก็ไม่ไป ไม่มีเพื่อน”
“อ้าว ดาอยากไปก็ไปสิ อย่ามาดึงโบว์ไปเกี่ยว” ว่าแล้วก็เดินต่อแต่ดาริกายังไม่ยอมแพ้ ทำหน้าตาคลอหน่วย เกาะแขนเพื่อน จนพุดมาลัยต้องหันมามอง
สายตาของดาริกาส่องประกายขอร้องวิบวับ ทำเอาคนมองต้องนิ่วหน้า ดาริกาเป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน ตั้งแต่เข้าปีหนึ่งอีกฝ่ายคอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจพุดมาลัยมาโดยตลอดไม่ว่าเรื่องไหน ทำให้พุดมาลัยทำใจดำกับเพื่อนไม่ลง ตอนเธอมีปัญหาเรื่องมารดาก็ได้ดาริกาคอยอยู่เป็นเพื่อน แถมบางครั้งยังให้หยิบยืมเงินทองเนื่องจากมารดานำเงินไปถลุงในบ่อนจนหมด
“ก็ได้ๆ แต่ห้ามกลับดึกนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำงานไม่ไหว”
ดาริกาดีใจกระโดดตัวลอย “ขอบใจมากจ้ะโบว์ เธอนี่นอกจากสวยและยังใจดีอีก รีบไปกันเถอะ พี่ทศรอเราอยู่”
พุดมาลัยยิ้มเนือยๆ ไม่สบายใจที่ต้องไปกับทศพลทั้งที่อยากถอยหนีจากอีกฝ่าย แต่ก็บอกกับตัวเองว่าเธอจะไปครั้งนี้ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายเพื่อเห็นแก่ดาริกา ต่อไปเธอจะต้องพูดกับทศพลให้รู้เรื่อง ห้ามใช้ดาริกาเป็นแม่สื่ออีกเด็ดขาดเพราะไม่มีทางที่เธอจะเปลี่ยนใจ
“ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นนะดา ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว”
“จ้ะ ครั้งนี้ครั้งเดียวจริงๆ” ดาริกาตอบรับอย่างอารมณ์ดี ตอนนี้ขอให้ได้ไปแดนซ์ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ดาริการุนหลังเพื่อนให้ออกเดิน จนพุดมาลัยไม่ทันสังเกตว่าทำกระเป๋าสตางค์หล่นไว้ที่ทางเดินตอนปิดกระเป๋า
เฟอนันเดสเงยหน้าจากกองเอกสารมากมายที่เขาให้อิริคนำมาให้ การมาจับผิดคนคดโกงในครั้งนี้ไม่มีใครรู้นอกจากเขาและบอดี้การ์ดคนสนิท ถึงจะเดินทางมาไกลแต่เฟอนันเดสไม่รู้สึกเหนื่อย เขาลุกขึ้นยืนทอดมองวิวของกรุงเทพฯจากห้องทำงานหรูหรา ตัวเลขกำไรในรายงานกำไรขาดทุนเพิ่มขึ้นนั่นเป็นเรื่องที่เขาพอใจแต่ในทางกลับกันตัวเลขในเอกสารทางบัญชีเขาก็พบว่ามีพิรุธจุดหนึ่งและเจาะลึกลงไปก็พบกว่าเป็นที่แผนกสุรา
เขาตรวจสอบจึงรู้ว่ามีการยักยอกเกิดขึ้น เขาจึงเดินทางมาจับตัวคนผิดด้วยตัวเองไม่ใช่แค่ที่สาขาประเทศไทยแต่สาขาไหนก็ตามที่มีการยักยอกเกิดขึ้นเขาจะเป็นคนตรวจสอบเองจนไม่มีการยักยอกเกิดขึ้นดังนั้นที่สาขานี้ก็เช่นกันถ้าเขาจับคนผิดได้เขาก็จะได้วางแผนการบริหารได้อย่างรัดกุมขึ้น
เขาไม่เชื่อว่าคนยักยอกจะทำเพียงคนเดียว คนพวกนี้ต้องทำเป็นขบวนการ เวลาจับคนทำผิดจะได้จับได้ทั้งหมดเขาจะไม่ยอมให้พวกนั้นยักยอกได้อย่างสบายภายในศูนย์การค้าของเขา ใครกันที่กล้ายักยอกเงินบริษัทฯไปเป็นจำนวนมาก เงินจำนวนกว่าสิบล้านบาทหายไปอย่างไร้ร่องรอย
แผนกสุราเป็นแผนกที่มีรายรับสูงและต้นทุนก็สูงมากเช่นกันเพราะเป็นสุรานำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งไวน์ แชมเปญ วิสกี้ บรั่นดี รวมทั้งเขายังลงทุนสร้างห้องเก็บไวน์โดยเฉพาะอีกด้วย มันให้กำไรมหาศาลแต่ขณะเดียวกันก็ล่อตาล่อใจคนขี้ขโมยให้อยากได้ วันนี้เขาจึงลงทุนอยู่โยงเพื่อหาตัวคนผิดด้วยตัวเอง หากให้เป็นตามขั้นตอนก็คงช้าและเขาไม่อยากให้คนผิดไหวตัวทัน อีกอย่างเขาจะได้ถือโอกาสนี้ตรวจสอบทุกแผนกไปด้วยพร้อมกัน อย่างที่สุภาษิตไทยว่าไว้ เชือดไก่ให้ลิงดู เขาจำได้ตอนที่จะมาลงทุนที่กรุงเทพฯ ที่ปรึกษาชาวไทยของเขาเคยพูดให้ฟังตอนลงโทษผู้รับเหมาเรื่องการว่าจ้างก่อสร้าง ตอนนั้นก็มีผู้รับเหมาส่งมอบของไม่ตรงสเป็ค เขาสั่งให้ยกเลิกการสั่งซื้อในทันที และกระจายข่าวไปให้บริษัทฯ อื่นๆได้รู้ ทำให้บริษัทฯผู้รับเหมารายนั้นถึงกับไม่มีงาน และปิดกิจการไปในที่สุด
เฟอนันเดสหมุนตัวกลับมานั่งที่เก้าอี้ใหญ่ หลังจากพักผ่อนสายตาจนพอใจ คาร์เตอร์ซึ่งเป็นทั้งเลขาและบอดี้การ์ดเดินถือถาดที่มีกาแฟดำเหยาะบรั่นดีมาวางลงบนโต๊ะ
“เจ้านายทราบตัวคนยักยอกเงินหรือยังครับ แล้วเจ้านายจะทำยังไงต่อ”
เฟอนันเดสเงยหน้าเคร่งเครียดขึ้นมองพร้อมกับถอนใจ มีเขากับคาร์เตอร์สองคนที่รู้เหตุผลที่มาครั้งนี้จริงๆ
“ฉันยังไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่ฉันรู้ว่ามันมาจากแผนกสุรา ฉันจะพุ่งประเด็นไปที่นั่น นายอย่าทำอะไรเอะอะไป ฉันต้องการสืบหาเงียบๆ เพราะอยากรู้ว่ามีใครที่สมรู้ร่วมคิดด้วย ฉันจะได้ถอนรากถอนโคนให้หมดทีเดียว”
“ถ้าอย่างนั้นให้ผมจ้างนักสืบตามดูเส้นทางการเงินของคนที่เกี่ยวข้องในแผนกสุราทั้งหมดดีไหมครับ”
“เป็นความคิดที่ดี นายลงมือทำได้เลย” คาร์เตอร์โค้งศีรษะรับคำ ก่อนจะได้ยินเสียงเฟอนันเดสพูดต่อ “คาร์เตอร์นายไปสืบทีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร” เฟอนันเดสอดไม่ได้ที่จะถามถึงพุดมาลัย ใบหน้าสวยจัดของผู้หญิงคนนั้นตามก่อกวนเขาไม่หยุดตั้งแต่ที่เธอทำผ้าเช็ดหน้าหล่น เขานิ่งตะลึงงันไปชั่วขณะ ใบหน้าสวยหวาน ตากลมโต จมูกโด่งเชิดรั้น รับกับปากรูปกระจับทำให้หัวใจเขาสะดุด ถึงกับต้องเผลอมองอยู่นาน จนเสียงอิริคเรียกนั่นแหละเรียกไว้เขาถึงดึงสติกลับมาได้
เขาควงกับผู้หญิงชาติเดียวกันมามาก พอมาเจอกับพุดมาลัยที่สวยหวาน บอบบาง ดูน่าทนุถนอม ก็ทำให้เลือดในกายหนุ่มของเขาฉีดพลุ่งพล่านอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รูปร่างของเธอบอบบางอ้อนแอ้น ผมยาวดำขลับมัดหลวม มันชวนให้เขาสัมผัสว่าจะนุ่มลื่นละมุนมือแค่ไหน
คาร์เตอร์ชะงักไปนิด มองเจ้านายด้วยความแปลกใจ ปกติเจ้านายไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงที่เป็นพนักงานในบริษัทฯ อีกทั้งอีกฝ่ายก็ไม่เคยพูดถึงผู้หญิงคนไหนขึ้นมาก่อน สาวๆหลายคนของเจ้านายมักมานอนทอดกายรออยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องทำอะไร หรือถ้าเฟอนันเดสเบื่อ เขาก็จะรู้และโทรเรียกสาวๆให้มาบริการถึงเพ้นต์เฮ้าส์
เพราะความที่ทำงานกับเฟอนันเดสมานานจึงอดแปลกใจกับปฏิกิริยาที่แปลกไปครั้งนี้ไม่ได้ แต่โชคดีที่เขารู้ใจเจ้านาย
คาร์เตอร์ยิ้มกว้าง “ผู้หญิงคนไหนครับเจ้านาย” คาร์เตอร์แกล้งถามแล้วได้สายตาเขย่าขวัญกลับมา
“นายแกล้งถามหรือไม่รู้จริงๆ ว่าฉันหมายถึงคนที่ทำผ้าเช็ดหน้าหล่นตรงหน้าฉันไงล่ะ”