...หลายวันแล้วที่คนป่วยนอนติดเตียงพักฟื้น สภาพร่างกายภายนอกเริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่สภาพจิตใจนั้นบอบช้ำย่ำแย่ลงทุกที
"อาการของเธอพอจะกลับไปพักที่บ้านได้หรือยังหมอ" เสียงเข้มของอานัสเอ่ยถาม เมื่อยามเช้าที่หมอเข้ามาดูอาการตามหน้าที่รับผิดชอบ
"ตอนนี้ร่างกายภายนอกดีขึ้นแล้วนะคะท่าน อุณหภูมิในร่างกายก็ลดลงปกติแล้ว...แต่ว่า เอ่อ...." หมอหญิงเจ้าของไข้เว้นคำพูดในประโยคสุดท้าย
"อะไร" อานัสย้อนถามเสียงเรียบตึง แต่แววตานั้นแอบซ่อนความกังวลเมื่อเห็นสีหน้าของหมอ
"ภายในของคุณผู้หญิงยังบอบช้ำนะคะ หมอว่าให้เธอนอนพักรักษาตัวอีกสักวันสองวัน...จะได้เช็คร่างกายภายในให้ละเอียด หากมั่นใจแล้วว่าไม่น่าทีห่วงก็อนุญาตให้พักที่บ้านได้ค่ะ" หมอหญิงอธิบายอาการของคนป่วย
...คนไข้ที่ไม่ได้นอนหลับได้แต่นอนนิ่งดังคนตาย เธอได้ยินทุกคำจากการสนทนา แต่ว่าไม่อยากจะปริปากพูดกับใคร ทำเสมือนเธอนั้นเป็นใบ้ อยากห่างไกลอสูรร้ายที่นั่งข้างเตียง
'ไหนบอกเกลียดชัง ไหนบอกขยะแขยง รังเกียจเดียดฉันท์...แล้วทำไมกันถึงยังไม่ขยับตัวไปไหน ตั้งแต่เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล...เพื่ออะไร? อยู่ทำไม?'
...คนป่วยได้แต่สงสัยและรำพึงในใจเพียงลำพัง เพ่งพิศสายตามองไปยังเขาและหมอที่กำลังสนทนากันอย่างตั้งใจ
"อืม...จัดการตามที่หมอเห็นสมควรเถอะ" เสียงเรียบนิ่งเย็นชาเอื้อนเอ่ย
"ไม่มีอะไรแล้วหมอขอตัวนะคะ" หมอหญิงว่าจบจึงกล่าวลา และพาตัวเองออกจากห้องพักฟื้นวีไอพีนั้นในบัดดล
"อืม" คนเย็นชาเค้นเสียงตอบรับ
...สายตาคมดุที่มองเห็นคนป่วยแน่นิ่ง เธอจ้องมองหน้าเขาดั่งคนไม่คิดกลัว แววตาเธอดูเศร้าหมอง เหม่อมองหน้าคมอย่างเลื่อนลอย ดั่งสติที่เธอมีน้อยนิดไร้จิตวิญญาณ...บางคราดูตึงเฉยแต่ฉไนเลยใครจะหยั่งรู้ว่าเธอนั้นกำลังคิดอะไร?
"เป็นอะไร...มีอะไรจะพูดก็พูดมา เราจะยอมฟัง เพราะเห็นว่าป่วยหรอกนะจึงไม่อยากมีปากเสียง" อานัสที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามขึ้นก่อนด้วยความอยากรู้ เมื่อเห็นฟาตินเอาแต่จ้องมอง
"ถ้าฟาตินจะขอร้อง ท่านจะให้ได้หรือเปล่าคะ?" น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยขึ้น แววตาเศร้ามองหน้าเขาอย่างสื่อความหมาย
"ขออะไร?"
"ให้ได้ใช่ไหมคะ?" เธอไม่บอกในสิ่งที่ต้องการ แต่เลือกที่จะเอ่ยย้ำในความต้องการที่มุ่งคิดในหัว
"ถ้าไม่มากไปก็จะให้...เราไม่อยากทำร้ายคนป่วยไปมากกว่านี้ เดี๋ยวหาว่าเราใจร้ายเกินไป" อานัสโต้ตอบแม้จะสงสัยต่อคำพูดของเธอก็ตามที ว่าจบก็เบือนหน้าหนีก่อนจะลุกเดินไปนังระเบียงทอดมองสายตาเชยชมทัศนีภาพอันกว้างไกล
...ร่างบอบบางที่ดูอ่อนเพลียค่อย ๆ ลงจากเตียงนอนคนป่วยพร้อมเสาน้ำเกลือ เดินตรงไปยังโต๊ะตัวเล็กที่ถาดอาหารรับรองวางอยู่มากมายเอื้อมจับสิ่งของแหลมมั่นแน่นมือ
เธอค่อย ๆ เดินไปหยุดข้างชายหนุ่มตัวสูง เอื้อมจับมือเขา ยัดของแหลมใส่และกำแน่น
"จะทำอะไรฟา..."
จึก!!
"ฟะ ฟาติน!"
คนที่เผลอเลอไม่ทันตั้งตัวต้องตกใจเมื่อมือหนาที่ถูกกำแน่นด้วยมือเรียวของฟาติน คมมีดแหลมที่ทิ่มแทงเข้าในร่างกายหญิงสาว เขาพยายามยั้งมือจับด้ามมีดให้ออกห่าง แต่กลับถูกฟาตินยั้งและกดให้ลึกลงกว่าเดิม
เลือดสีแดงสดไหลเปื้อนเต็มมือ พร้อมกับไหลเป็นทางอาบรดซึมเสื้อผ้า อานัสเบิกตากว้างอย่างตกใจ ไม่คิดว่าฟาตินจะใจกล้าอาจหาญกระทำเช่นนี้
อึก!
"ท่านจงกดลึกคมมีดแหลม ให้ทิ่มแทงลงร่างกายของฟาตินเสียเถิด โปรดอย่าได้ยั้งแรงมือเลย...คำขอสุดท้ายที่จะเอ่ยปากกับท่านได้โปรด อึก ฮึก ได้โปรดสนองความตายให้หลุดพ้นจากความทรมานนี้ที"
"ฟาติน! ฟาติน! ทำบ้าอะไรของเธอ...ฟาติน!"
ร่างกายของฟาตินอ่อนแรงล้ายืนทรงตัวไม่ไหว เลือดที่ไหลออกจากช่องท้องต่อเนื่อง อานัสรีบคว้าร่างของเธอประคองไว้แนบอกให้เธอนอนนิ่งบนตัก
"ไม่อยากอยู่ อึก!"
เสียงสะอื้นร่ำไห้พร้อมม่านน้ำตาสีใส กล่าววิงวอนขอความตาย เธอจ้องมองหน้าเขาและยกยิ้มเหมือนดั่งคนดีใจอย่างหลุดพ้นต่อความทรมานก่อนที่จะคอพับแน่นิ่งในอ้อมแขนแกร่งอย่างไร้สติ
...สภาพร่างกายและจิตใจไม่อาจทนมีชีวิตอยู่ต่อบนโลกที่โหดร้ายได้ไหว เธอเจ็บปวดจนสุดขั้วหัวใจ อยู่ไปก็ไร้ความหมาย
"ฟาติน! ฟาติน!"
เสียงเข้มเรียกขานดังลั่นอย่างร้อนรนใจเมื่อร่างกายของเธอแน่นิ่งนอนหลับตา ตบหน้าเธอถี่หวังให้รู้สึกตัวแต่ก็ไร้วี่แวว...
เลือดสีแดงสดไหลซึมไม่หยุดยั้ง เสียงเข้มตะโกนดังเรียกขานด้วยความสั่นกลัว ร่างกายบอบบางของฟาตินเริ่มซีดเซียวเพราะเสียเลือดมาก คนที่ต้องใจกับภาพตรงหน้าที่เห็น ผู้หญิงที่นอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในอ้อมแขนทำให้คนกระด้างอย่างเชคฮอานัสกลัวว่าเธอจะไม่มีลมหายใจอยู่ต่อ
"หมอ! อัมกาส! ตามหมอให้เราที ตอนนี้!" เสียงเข้มตะโกนลั่นสั่งการ ไม่ยอมออกห่างร่างเสลาไปไหน
"ฟาติน ได้ยินเราไหม? ฟาติน ลืมตาสิ ฟาติน!" มือที่สั่นเทาไม่แม้แต่จะกล้าจับร่างกายของเธอแรง เสียงเข้มสั่นพยายามเรียกขานให้เธอได้มีสติ แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นสัญญาณให้เขาได้ดีใจสักนิดเดียว เธอยังคงแน่นิ่งหลับตาพร้อมกับลมหายใจที่เริ่มแผ่วเบา
"อัมกาส! หูแตกหรือไงวะ...บอกให้ตามหมอฟาตินจะไม่ไหว!" คนที่กังวลเริ่มโวยวายเมื่อเหล่าลูกน้องเริ่มไม่ได้ดั่งใจ
"มีอะไรครับท่าน" อัมกาสที่ได้ยินเสียงเรียกขานผู้เป็นนายวิ่งเข้ามายังห้องพักอย่างร้อนรนใจ "ท่านครับ ทำเป็นคุณฟาตินถึง..."
"อย่าเพิ่งถามเรียกหมอเร็ว" อานัสออกคำสั่งเมื่อดูแล้วสภาพของฟาตินกำลังย่ำแย่
"ครับท่าน" อัมกาสรีบร้อนวิ่งจากห้องไป เมื่อสิ้นคำสั่งการของนายเหนือหัว
...คนที่เย็นชาเริ่มอยู่ไม่นิ่งภายในอกเริ่มกระวนกระวายร้อนใจ ยิ่งเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกจากร่างกายของฟาตินยิ่งทำให้เขานั้นใจเสีย ดวงตาดำขลับคมเข้มดุดันเริ่มสั่นระริก มือหนาที่เปื้อนเลือดเอื้อมจับกรอบหน้าสวยคมให้นอนตรง เขามองหน้าเธออย่างคนห่วงใยแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะรับรู้ความรู้สึกของเขาตอนนี้ได้ เมื่อแรงหายใจของเธอนั้นยังแผ่วเบา ใบหน้าเสลาที่สวยสดเริ่มซีดเผือดกว่าเดิม
"ฟาตินได้ยินเราไหม...ฟาติน ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย" เขาพูดพร่ำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา อ้อมแขนที่ไม่ยอมปล่อยห่างให้เธอหนุนนอนแต่ไร้ความรู้สึก เมื่อคนที่นอนนั้นไม่ได้ต้องการอ้อมแขนของเขาแม้แต่น้อย เธอเพียงต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์ระทมที่พบเจอเท่านั้น
แกร๊ก เสียงลูกบิดประตูดังขึ้นพร้อมกับเหล่าหมอและบุรุษพยาบาลกรูเข้ามา ภาพตรงหน้าที่เห็นทำให้เกิดความตกใจแต่ด้วยสติที่ต้องประคองไว้เพื่อช่วยเหลือคนเจ็บจึงต้องเก็บกลั้นอารมณ์ความรู้สึก
"ให้ไวนะหมอ...แล้วต้องช่วยเธอให้ได้!" อานัสออกคำสั่งเหี้ยมแววตาเข้มจ้องมองลึกอย่างขมขู่ แม้จะเป็นหมอหญิงเขาก็ไม่ได้สนใจ เมื่อตอนนี้หัวใจของเขาวูบไหวตั้งแต่เห็นเลือดของฟาตินที่ไหลไม่ยอมหยุด
"ค่ะหมอจะพยายามช่วยเธอ" หมอหญิงเอ่ยบอกเมื่อเห็นเชคฮอานัสผู้ดุดันสั่งการ
"ไม่ใช่พยายาม แต่ต้องช่วยเธอให้รอด เข้าใจไหม!? และต้องช่วยให้ได้!" คนที่อารมณ์ร้อนประชิดตัวหมอหญิง จับมั่นตรงคอเสื้อกาวน์สีขาว จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหมออย่างดุดัน
"ค่ะ" หมอหญิงที่กลัวนักกับแววตาของอานัส เธอตอบรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ร่างของหมอถูกสบัดแรงจนเซถลาเมื่ออานัสมอบอิสระแก่เธอ
...รถเข็นพยาบาลมุ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉิน อานัสไม่รีรอรีบตามอย่างร้อนรนยิ่งเห็นคนตัวเล็กไม่ไหวติง ยิ่งทำให้เขานั้นใจไม่อยู่นิ่งกับตัว กลัวไปหมดเสียทุกอย่าง กลัวว่าคนร่างบางจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้ ด้ามมีดที่จมลึกเข้าสู่กายสาวเห็นดังนั้นยิ่งทำให้เขานั้นใจเสีย...
*****(8)