บทที่ 6

1082 Words
“เอาน่าจัสมิน ผู้หญิงคนนั้นเกิดแถมยังโตที่นี่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ อย่างยัยนั่นน่ะไม่ตายง่ายๆ หรอก” ถึงต่อให้ตายก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เขาต้องมานั่งให้ความสนใจเลยสักนิด เขาเตือนหล่อนแล้วว่าให้รีบไสหัวออกไปจากไร่เมื่อยังมีโอกาส เมื่อหล่อนยังจะหน้าด้านอยู่ก็ต้องโดนแบบนี้            อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะทนไปได้สักกี่น้ำ!            “ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ จัสมินเริ่มไม่สนุกกับคุณด้วยแล้วนะชาญ เราสองคนจะต้องแกล้งเป็นคนรักกันไปแบบนี้อีกนานแค่ไหนกันคะ คุณรู้ไหมว่าจัสมินรู้สึกผิดแค่ไหนที่ต้องโกหกทุกคนโดยเฉพาะกับคุณย่าคุณ” เรื่องราวมันคงไม่วุ่นวายแบบนี้แน่ถ้าหากเขาไม่ขอร้องให้เธอช่วยแกล้งเป็นแฟนหลอกๆ เพื่อตบตาผู้เป็นย่าของตัวเอง ความจริงแล้วเธอกับเขาเป็นได้แค่เพื่อนสนิทกันเท่านั้น แม้จะเคยพยายามสานความสัมพันธ์ให้มากขึ้นกว่าคำว่าเพื่อน สุดท้ายก็เหมือนสถานะเพื่อนจะเหมาะสมกับเธอและเขาที่สุด       และมันน่าจะยืนยาวกว่าสถานะไหนๆ            “ผมขอเวลาอีกหน่อยนะครับจัสมิน ขืนลองสารภาพกับคุณย่าไปตอนนี้ท่านคงได้จับผมแต่งงานกับลูกหลานนายอำเภอแถวนี้แน่ๆ คุณก็รู้ว่าผมหวงความโสดของตัวเองแค่ไหน นะครับจัสมิน ช่วยผมต่อไปอีกนิดนะครับ” เขามันก็เป็นเสียแบบนี้ อย่างนี้จะให้เธอปฏิเสธไปได้อย่างไรกัน            หญิงสาวคิดก่อนจะหันกลับไปมองทางเดิมที่รถของทั้งสองเพิ่งจะแล่นผ่านมา ความกังวลยังคงชัดเจนในแววตา เป็นห่วงคนถูกทิ้ง ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ที่เปลี่ยวออกขนาดนั้นจะหาทางกลับบ้านได้ยังไง            ชาญพาคนรักกำมะลอเข้าเมืองเพื่อซื้อของใช้ส่วนตัวตลอดทั้งวันก่อนที่ทั้งสองจะพากันกลับเข้าบ้านในช่วงเย็น สถานที่แรกที่จัสมินตรงดิ่งไปทันทีที่เดินลงจากรถคันหรูคือห้องครัวที่กำลังอัดแน่นไปด้วยสาวใช้ไม่ต่ำกว่าสี่คนซึ่งกำลังจัดเตรียมอาหารเย็นให้ผู้เป็นนายกันอย่างวุ่นวาย            “พุดกรองกลับมารึยัง” หญิงสาวตัดสินใจเดินไปตามหนึ่งในสาวใช้เพราะอดห่วงคนที่ถูกทิ้งไว้กลางทางอย่างพุดกรองไม่ไหว ใจจริงเธออยากฟ้องคุณย่าของคนรักด้วยซ้ำถึงสิ่งที่เขาทำลงไป แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าเขาจะโกรธกัน            “ยังไม่เห็นเลยค่ะคุณจัสมิน คุณจัสมินมีอะไรจะใช้นังพุดมันรึเปล่าคะ  ถ้ามันกลับมาหนูบอกให้”    หนึ่งในนั้นตอบกลับตามความจริง            “ไม่มีหรอกอะไรจ๊ะ ขอบใจนะ ทำงานต่อเถอะฉันไม่กวนแล้ว” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณก่อนจะเดินกลับมาหาชาญที่กำลังนั่งทำตัวเป็นปกติ ทั้งๆ ที่เธอกำลังเครียดจนจะบ้าตายอยู่แล้ว เพราะจนป่านนี้แล้วพุดกรองยังไม่กลับมาซะที ไม่รู้ว่าหายไปไหน   ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไหร่            “คุณจะไปเป็นห่วงผู้หญิงร้ายกาจอย่างนั้นทำไมครับจัสมิน” ชาญเอ่ยถามเมื่อเพื่อนสนิททิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กัน แม่ตัวดีนั่นโตที่นี่ อีกหน่อยเธอก็หาทางกลับมาบ้านได้เองนั่นแหละ เขาคิดเข้าข้างตัวเอง ไม่กล้าพอที่จะยอมรับ ถึงความรู้สึกต้องห้ามบางอย่างที่มันกำลังก่อตัวขึ้น            “แต่เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้นเองนะคะชาญ แถมที่ที่คุณจอดทิ้งเธอเอาไว้ก็เปลี่ยวมากด้วย ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ ป่านนี้ก็น่าจะกลับมาได้แล้วสิคะ” อีกคนไม่เห็นด้วยเลยที่จะทำตัวเป็นปกติ คนหายไปทั้งคนเธอคงอยู่เฉยไม่ได้แน่ หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเองว่าพุดกรองกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย  “หล่อนอาจจะหนีเที่ยวต่อก็ได้ใครจะไปรู้ ผู้หญิงคนนั้นน่ะร้ายกายจะตายไป ทางที่ดีคุณควรอยู่ห่างจากเธอจะดีกว่า ไปทานข้าวกันเถอะครับคุณย่ารออยู่” ชาญตอบเสียงแข็ง ชักไม่ชอบใจที่คนของเขาแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจคนที่ตนไม่ชอบ ไม่รู้ว่าจัสมินกับย่าเขามองเห็นอะไรในตัวของแม่ตัวดีนั่นทั้งสองคนถึงได้ชอบออกโรงปกป้องเธอเหลือเกิน            ทั้งสองคนพากันมานั่งรับประทานอาหารพร้อมผู้เป็นย่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปสักพักเสียงร้องโวยวายของใครบางคนก็ดังขึ้นที่บริเวณหน้าบ้าน  ทำให้ทั้งหมดต้องรีบพากันเดินออกมา            “เอะอะโวยวายอะไรกัน” คุณพิศเพลาร้องถามเมื่อได้เห็นว่าเจ้าของเสียงร้องโวยวายเมื่อสักครู่   เป็นของวศินหัวหน้าคนงานคนใหม่            “ตำรวจครับคุณท่าน ตำรวจโทรแจ้งมาว่าพบผู้หญิงถูกฆ่าข่มขืนแถวๆ ที่ดินของคุณชาญครับ” หัวใจเจ้าของที่ดินได้ฟังก็กระตุกวูบ จำได้ว่าบริเวณที่เขาจอดรถแล้วทิ้งแม่ตัวดีก็เป็นบริเวณนั้น มันทำให้รู้สึกร้อนรนในอกอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้รู้ว่าหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายอายุไล่เลี่ยกับพุดกรองก็ยิ่งตกใจ ภาวนาให้ไม่ใช่แต่ก็เหมือนความหวังนั้นจะเลือนรางเต็มที   เพราะหลายๆ  สิ่งมันตรงกันหมด มันจึงยากที่จะปฏิเสธว่าไม่ใช่            “พุดกรอง!”  เสียงร้องของจัสมินที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนต้องหันไปมองเธอเป็นจุดเดียว หญิงสาวในตอนนี้คล้ายคนไร้สติกับสิ่งที่เพิ่งจะได้รับรู้พร้อมทุกคน            “พุดกรองทำไมหนูจัสมิน แล้วนี่แม่พุดอยู่ไหน กลับมารึยัง!” คุณพิศเพลาตวาดถามเสียงแข็ง ก่อนหันไปถามหาคนที่ไม่เห็นหน้ามาทั้งวัน            “ยังเลยค่ะคุณท่าน”            “ไม่! ต้องไม่ใช่แม่พุด...” เอ่ยขึ้นเพียงเท่านั้นหญิงชราก็หมดสติไปท่ามกลางเสียงร้องตกใจของใครหลายๆ คน เฉพาะคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดอย่างชาญ ที่กำลังตกใจเสียจนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD