น้องเมียแต่งงานกับเด็กเก่าพี่ ไม่มีใครบอกพี่สักคน”
‘เด็กเก่า?’ จุติหูผึ่งทันที
แล้วอย่างนี้พี่จิลลาจะยอมคุยดีด้วยอยู่หรอก
‘เด็กเก่า’ ‘เด็กใหม่’ ‘กิ๊กเก่า’ ‘กิ๊กใหม่’ โอย...เยอะไปหมด
“เด็กเก่าอะไรละคะ” อรนลินท้วงพร้อมอมยิ้มเขิน ๆ หัสนัยชอบอำไปทั่วเรื่องเด็กเก่า เธอล่ะอายนัก
“นั่นบัวลอยมาแล้ว ใส่เผือกไหมนิด”
“ใส่ค่ะคุณเทน”
“ดีดี ยัยนี่ชอบเผือกนักล่ะ”
ไม่รู้ว่าหลอกว่าเธอหรือเปล่า อรนลินคิดเคืองอยู่ในใจ ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอก็ชอบอยู่หรอก ‘เผือก’ น่ะ
หัสนัยรับถ้วยบัวลอยมาวางลงตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอาของตัวเองมาควานหาชิ้นเผือกแล้วตักใส่ชามให้
“พี่เทนน่ะ…” อรนลินมองอย่างอาย ๆ ที่หัสนัยชอบทำราวกับเธอเป็นเด็กเห็นแก่กิน อย่างน้อยต่อหน้าจุติ ก็น่าจะรักษาหน้าเธอบ้างสิ
“กิน ๆ ไปเถอะน่า ไม่ต้องมาทำอาย อ้าว ลืมไอ้ติเลย ติกินไหม”
“ไม่ล่ะครับ”
“โทษทีเว้ย ลืมถาม อยากกินอะไร บอกหนูนิดเอานะ บ้านนายนี่หว่า”
จุติกดมุมปากลง แค่นหัวเราะอย่างเอือม ๆ ปนด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองสองคนตรงหน้า แล้วทำไมแม่นั่นจะต้องทำท่าเขินพี่เขยเขาด้วยวะ ยิ่งมองยิ่งหมั่นไส้
กินขนมจนหมดถ้วย หัสนัยก็ไม่กลับเสียที ลากอรนลินย้ายไปที่ห้องดูทีวี แล้วนั่งลงคุยกัน “นี่เรามาถึงตั้งแต่วันไหนนะ”
“สองวันแล้วค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ ดีเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่แวะมากินข้าวบ้านนี้อีก จะได้ไม่เหงาไง”
“จะกลับแล้วหรือพี่” จุติร้องถามมาจากทางเข้าห้องดูทีวีขัดขึ้น
“เฮ้ย ยังสิครับติก็” หัสนัยปฏิเสธกลั้วหัวเราะ เดินไปหยิบรีโมตโทรทัศน์มากดเปิดช่องที่ตนสนใจ ปากก็บอกจุติไปว่า “ง่วงก็ไปนอนเลยติ หนูดีง่วงหรือยัง”
เธอหยิบหมอนอิงมาวางทับหน้าตัก ตอบไปว่า “ยังค่ะ”
“งั้นนั่งเป็นเพื่อนพี่ก่อน”
“ผมก็ยังไม่ง่วง” จุติกอดอกบอก หน้านิ่งจนแทบจะเหมือนจิลลาเข้าไปทุกทีแล้ว หัสนัยชำเลืองมองแล้วอดยิ้มไม่ได้
“ไม่ง่วง? หรือว่าต้องให้เมียพาเข้านอนวะ ไม่ต้องหวงยัยนี่หรอกน่า ตัวเล็กแค่นี้ พี่ไม่เอาทำเมียหรอก นึกว่านอนกับเด็ก”
“พี่เทน!” อรนลินปาหมอนใส่อย่างเคือง ๆ
หัสนัยรับหมอนได้ ก็ยื้อกันอยู่แบบนั้น กล่าวอย่างมันเขี้ยวใส่เธอว่า “เดี๋ยวเหอะ ทำร้ายพี่ พี่จะเผาเรื่องนั้นให้ไอ้ติฟังเลยดีไหม”
“อย่านะพี่เทน” อรนลินพุ่งไปปิดปากอย่างไว
เสียงหัวเราะหยอกล้อระหว่างพี่เขยกับภรรยา ทำใบหน้าของจุติเคร่งเครียดขรึมลงทุกที ๆ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจเขาเลยสักคน
เมื่อปัดป้องการประทุษร้ายจากอรนลินจนพอใจแล้ว หัสนัยจึงลุกขึ้นยืน มือกางออกไม่ให้อีกฝ่ายปาหมอนใส่ “พี่ไปดีกว่า พวกแกจะได้นอน ไปละยัยหนูดีตัวจ้อย”
“จะไปแล้วหรือพี่เทน” อรนลินเรียกเสียงอ่อย หอบเล็กน้อยด้วยความเหนื่อย เพราะเมื่อครู่ยังหัวเราะติดพันเรื่องเล่าของอีกฝ่ายอยู่เลย หัสนัยโบกมือลา พร้อมทำหน้าทะเล้นใส่เธอ ก่อนจะเดินออกไป แต่จุตินี่สิ เขายังไม่ไปไหน ยังคงกอดอกมองเธอนิ่งอยู่ แล้วค่อยเดินไปหยิบรีโมตแล้วกดปิดมันเสีย
“ปิดทำไมคะ ฉันดูอยู่”
“โทษที มือไปโดน” เขาว่าด้วยท่าทางมึน ๆ ใส่เธอ
“เอามานี่” อรนลินพยายามยื้อแย่งรีโมต แต่จุติยืดออกจนสุดแขน ก่อนจะอมยิ้มถูกใจ แล้วกระแอมออกมาทีหนึ่ง บอกเสียงดุ “ไม่ต้องดู กลับไปนอนได้แล้ว”
“ฉันยังไม่ง่วง”
“แต่ผมง่วง”
“คุณง่วงก็ไปนอนสิ”
จุติถือโอกาสคว้าแขนเล็ก ๆ ดึงให้ลุกขึ้นยืน แล้วฉุดให้ตามกันไป
“นี่คุณ ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
“ผมไม่ได้จับมือ จับแขน”
“นั่นแหละ ปล่อยค่ะ”
“คืนนี้เตรียมตัวผลิตลูก”
“อะ อะไรนะคะ”
“ผมบอกให้คุณเตรียมผลิตลูก”
“ก็ไหนคุณบอกว่า…”
“ไม่ต้องรอแล้ว ยังไงก็ต้องทำ ทำ ๆ มันวันนี้เลย”
“ไม่ได้นะคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ยังกับไม่เคย”
“ก็คุณบอกว่าให้เวลาฉันสามวัน นี่มันแค่สองวันเองนะคะ”
“บอกอยู่นี่ไงว่าไม่ต้องรอแล้ว ทำมันวันนี้เลย”
เมื่อจนต่อความดุดันดื้อด้านหัวชนฝาจะเอา ๆ ของอีกฝ่าย อรนลินก็รู้ว่าสู้เขาไม่ได้ เลยออกอาการโกรธจะน้ำตาคลอ “ฮึก...ฮึก ฮือ”
จุติเห็นแล้วก็ตกใจ ร้องว่า “เฮ้ย อย่าร้องไห้นะยายหนูดี”
“คุณมันคนใจร้าย ไหนบอกว่าจะให้เวลาฉันไง”
“ก็ยังไงมันต้องทำอยู่ดี จะรอทำไม อีกตั้งสองวัน”
“แต่ฉันยังไม่พร้อมนี่คะ”
“อ้าว”
“ฮือ”
“เออ ได้ก็ได้วะ ไม่พร้อมก็ไม่พร้อม หยุดร้องไห้เลย”
อรนลินหันหลังกลับเข้าห้องทันทีตอนจุติเผลอ
“เดี๋ยวก่อน!” จุติตะโกนบอก “ยังมีอีกเรื่อง”
“อะไรคะ”
“ออกจากห้องนั้น แล้วย้ายข้าวของมานอนด้วยกันในนี้”
อรนลินเงียบ ไม่ยอมตอบ แล้วแวบเข้าห้องไปในทันทีจนจุติต้องตบประตูเรียก “ว่าไงคุณ”
“ฉันไม่ไป”
“อย่าเรื่องมาก ไม่อย่างนั้นผมจะพังประตูเข้าไปทำลูกวันนี้เลย”
“ก็ได้ ๆ ย้ายก็ย้ายค่ะ”
“พรุ่งนี้นะ ย้ายมาเลย”
“ให้ครบวันก่อน ฉันจะย้าย”
“โธ่เว้ย!” จุติทำท่าจะเตะประตู แต่แล้วก็นึกได้ว่ามันจะเจ็บที่ขาเขาเอง ก็ชกลม เตะลมไปเรื่อย คำรามว่า ‘สองวันนะยายหนูดีตัวแสบ’
เช้าวันรุ่งขึ้น อรนลินพยายามตื่นนอนให้สายที่สุด เพราะตื่นเช้าไป ก็ไม่ได้ช่วยอะไรใคร แถมยังต้องลงไปเจอหน้าสามีที่เอาแต่นับนิ้วรอวันจะผลิตลูกกับเธออีกด้วย
อีกแค่วันเดียวนี่นา
อี๊ นึกแล้วสยอง
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นจนคนที่คิดอะไรอยู่เพลิน ๆ สะดุ้งขึ้นเบา ๆ ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดจนถึงลำคอ ร้องตอบไปว่า “ค่ะ”
“คุณหนูดีตื่นหรือยังคะ”
เสียงเรียกขานแผ่วเบาที่หน้าห้อง เป็นของนิดแน่ ๆ ทำให้เธอคลายความวิตกลงไปได้กว่าครึ่ง แล้วตวัดผ้าห่มออก ลุกไปเปิดประตูให้ “ว่าไงนิด”