‘สามวัน! อีกสามวัน! อีกแค่สามวันเท่านั้น!’
ชายหนุ่มเดินเข้าบ้านพร้อมกับท่องงึมงำไปตลอดทาง จวบจนถึงหน้าห้อง ใจที่นิ่งอยู่ดี ๆ ก็พากันกระโจนจนรู้สึกได้ถึงผนังด้านนอกอกของเขาแล้วเนี่ย
มึงจะตื่นเต้นอะไรนักหนา ไม่ใช่ว่าไม่เคยสักหน่อย
เขาบ่นตัวเองเสร็จ ก็ยกมือแตะลูกบิดประตู เอื้อมเปิดอย่างเบามือ แต่พอเห็นสภาพเตียงนอน ใจที่เต้นเมื่อครู่ก็เปลี่ยนจังหวะในทันที
“โถ กลัวโดนปล้ำขนาดไม่กล้านอนห้องนี้เลยอย่างนั้นหรือ”
เขาคำรามอย่างหมายมาด พร้อมปลดเสื้อผ้าโยนทิ้งไปทางนั้นชิ้น ทางนี้ชิ้น “สามวันนะยัยหนูดีตัวหอมผิวนุ่มหน้าใส แค่สามวันเท่านั้นนะ”
เช้าวันรุ่งขึ้น อาหารที่ถูกจัดเตรียมเพื่อบำรุงน้องชายและน้องสะใภ้ วางยาวเหยียดบนโต๊ะ มีทั้งปลาเค็ม ปลาแห้ง ปลากรอบ ของจุติมีน้ำมะเขือเทศคั้นสดแก้วใหญ่ตรงหน้าด้วย
“ต้องกินหมดนี่เลยหรือครับพี่”
“ต้องอย่างนั้นสิ” จิลลาบอกหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์แบบเดิม
“หูย...พี่จิลลา ผมไม่ใช่พ่อพันธ์นะ”
“นายก็ไปคุยกับพ่อเอาเองสิ พี่รับคำสั่งมาจากพ่ออีกทีเหมือนกัน”
จุติมองอาหารบนโต๊ะแล้วมองหน้าภรรยาตัวน้อยที่นั่งเงียบอยู่ฝั่งตรงข้าม
อรนลินเองก็มองอาหารด้วยสายตาชนิดที่เรียกว่ากลืนไม่ลง เช่นเดียวกันกับเขานั่นเอง แล้วจุติก็ตัดสินใจยกน้ำมะเขือเทศขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะลุกหนีไปก่อน
“ผมไปดีกว่า”
“เดี๋ยวสิติ เรายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ” จิลลาบอกเสียงเรียบไล่หลังน้องชายไป แต่ดูเหมือนจุติจะไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
เธอมองตามฝุ่นที่ตลบไล่หลังรถของจุติไปแล้ว ค่อยก้มหน้ากินอาหารต่อจนหมด จึงออกไปเดินเล่นนอกบ้าน เก็บกิ่งไม้ ดอกไม้แห้งต่อ เพราะจิลลาไม่ยอมให้เธอช่วยงานใด ๆ ทั้งนั้น ก่อนจะละมือ เพื่อมารับสายเรียกเข้าในกระเป๋ากางเกง
“เป็นยังไงบ้างคะพี่สะใภ้” ข้าวฟ่างทักยิ้ม ๆ อรนลินลอบกรอกตา ไม่ชอบสถานะนี้เลยสักนิด ตอบกลับไปว่า
“สบายดี”
วันที่เธอตกลงแต่งงานกับจุติ แล้วโทร. ไปบอกข้าวฟ่าง จำได้ว่าข้าวฟ่างเอาแต่ร้องกรี้ด บอกว่าดีใจมาก แล้วก็หลอกถามอยู่หลายทีว่าเรื่องของเธอกับจุติเป็นอย่างไรกัน ทำไมเปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวไปเสียได้
เธอบอกแค่ว่าเรื่องของหัวใจน่ะ
เท่านั้นข้าวฟ่างก็ร้องออกมาอีก แซวเธอไม่หยุดว่ารักแรกพบกับญาติผู้พี่ของตนเอง ไม่เสียแรงที่ชวนไปงานวันนั้น หารู้ไม่ก็เพราะว่างานวันนั้นนั่นแหละ ชีวิตของเธอถึงได้เป็นแบบนี้
ปลายสายร้องถามด้วยน้ำเสียงสดใส “เมื่อวานฟ่างเห็นงานที่หนูดีโพสต์ไว้ สวยมากเลยนะ มีคนฝากถามว่าหนูดีรับทำหรือเปล่า”
อรนลินเงียบไปครู่ ก่อนบอก “ก็ดีนะ หาอะไรทำ จะได้ไม่เครียด”
ปลายสายถามกลับอย่างร้อนรน แฝงความเป็นห่วงมาด้วย “หนูดี หนูดีเครียดอะไร เล่าให้ฟ่างฟังเดี๋ยวนี้เลย”
แล้วอึกอักครู่เดียว ก็ตัดสินใจโยนความผิดให้จุติไปว่า “คืนวันแต่งงานน่ะ ผู้หญิงของพี่ฟ่างส่งข้อความมาป่วน หนูดีก็เลยเครียด ๆ อยากหย่าวันนี้แล้วเนี่ย แล้วไหนคุณพ่อของเขายังมากดดันเรื่องให้มีลูกชายอีกนะ หนูดีเลยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่ตกลงแต่งงานแบบนี้น่ะ”
เมื่อเช้าเจอหน้ากัน เขาชูสองนิ้วส่ายไปมาให้เธอ ไม่ได้หมายความว่าให้เธอสู้ ๆ หรอกนะ แต่เขามากระซิบบอกเธอว่าเหลืออีกสองวันแล้วนะ ทุเรศชะมัด!
ข้าวฟ่างได้ฟังเรื่องราวจากปากเพื่อนก็อดห่วงไม่ได้ แม้ฝ่ายชายจะเป็นญาติตัวเอง แต่ก็ห่วงเพื่อนที่ต้องไปอยู่ไกลบ้าน แถมยังถูกผู้หญิงคนเก่า ๆ ของจุติก่อกวน แล้วยังจะให้มีลูกชายอีก แบบนี้มันมากไปแล้ว
จึงออกความเห็นช่วยเพื่อนไปว่า “เอางี้สิ หนูดีก็บอกพี่ติว่าหนูดีมีวันนั้นของเดือนไง ดีไหม”
“เออ ใช่ ดี ดีมากเลยฟ่าง” อรนลินตอบรับตาวาว เมื่อคำตอบของเพื่อนเหมือนกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่แล้วแสงนั่นก็ดับวูบลง เมื่อนึกขึ้นได้ “แล้วหลังจากนั้นล่ะ ทำไงต่อ ถ้าพี่ติของฟ่างบอกว่าขอเริ่มหลังวันนั้นของเดือนหมดน่ะ”
“เอาไว้ให้พ้นวันนั้นก่อนเถอะน่า แล้วตอนนี้หนูดีโอเคนะ”
“อือ” ตอบข้าวฟ่างไปอย่างแกน ๆ
“ไม่ได้เสียใจใช่ไหมที่ไม่ได้แต่งงานกับพี่ดินน่ะ”
“ไม่หรอก หนูดีไม่ได้รักพี่ดินนี่นา จะเสียใจทำไม ถ้าจะเสียใจก็ตรงที่ต้องมาแต่งงานกับพี่ติของฟ่างนี่แหล่ะ”
หลังวางสายจากข้าวฟ่าง อรนลินก็วางแผนตามที่เพื่อนรักแนะนำทันที ก่อนจะเข้าครัวเพื่อไปขอแบ่งเบางาน เธอจะได้มีอะไรทำบ้าง ไม่ฟุ้งซ่านจนเกินไป
“มีอะไรให้หนูดีช่วยไหมคะ”
จิลลาหน้านิ่ง ไม่มีคำตอบ แล้วพูดเสียงเรียบขึ้นว่า “ออกไปข้างนอกหน่อย พี่มีเรื่องจะคุยกับเรา”
“ค่ะ” อรนลินรับคำแล้วเดินตามหลังจิลลาไปจนถึงห้องรับแขกที่กลางบ้าน เพิ่งหย่อนก้นนั่ง จิลลาก็ถามเธอทันที
“ปกติเธอมีประจำเดือนวันไหน”
อรนลินนิ่งไปหลายนาทีกว่าจะตอบได้ “เอ่อ ก็จะ จะประมาณวันที่ 20 ค่ะ”
“ตรงแบบนี้ทุกเดือนหรือเปล่า”
“ค่ะ ส่วนใหญ่จะตรง”
จิลลาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเลื่อนหน้าจออยู่ครู่ ถามต่อ “กี่วัน”
“อะ...อะไรคะกี่วัน”
จิลลาแสดงสีหน้าเอือมนิด ๆ ขยายความของคำถามไปว่า “ประจำเดือนของเธอน่ะ กี่วัน”
“อ้อ ห้าวันค่ะ”
“นี่ก็ใกล้แล้วสิ” จิลลาถามจบ เธอพยักหน้าเบา ๆ พี่สาวของเขาถามต่ออีก “ปกติออกกำลังกายหรือเปล่า”
“ไม่ค่อยได้ออกค่ะ”
“แล้วจะมีลูกชายได้ยังไง”
“อ้อ ออกค่ะออก”
“แบบไหน”
“อะไรคะ”
“ออกกำลังกายน่ะ เธอออกแบบไหน คาดิโอ โยคะ หรืออะไร”
“อ้อ ก็ ก็แบบ แบบโยคะค่ะ” อรนลินตอบส่ง ๆ ไป แล้วนึกถึงท่าศพ ที่เธอทำบ่อย ๆ แอบแลบลิ้นน้อย ๆ ออกมาไม่ได้ หากจิลลารู้ต้องเอ็ดเธอแน่
“ชอบอาหารแบบไหน”
“กินได้หมดค่ะ”