CHAPTER 4 “อีกมุมของหนุ่มเซน”

1888 Words
แผนกออกแบบ บริษัท อัครพงศ์ คอนสทรัคชั่น เซนเดินล้วงกระเป๋ากางเกงสองข้าง เข้ามาในแผนกเพื่อมาพบกับ น้องดิว รุ่นน้องตัวแสบ หัวหน้าทีมออกแบบในแผนกนี้ (นางเอกจากเรื่องสร้างรัก) เดินผ่านโต๊ะใครก็ยกมือทักทาย เหมือนมาเดินหาเสียงยังไงยังงั้น เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องก็เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไปทันที โดยไม่ได้รอคนในห้องเอ่ยอนุญาตเลย “ไง ยัยตัวแสบ พี่มาขอแบบดีเทลงานตกแต่ง รีสอร์ทบางพลี ที่แจ้งมาเมื่อวันก่อน ได้ยัง พี่จะสั่งคนงานลงงานวันนี้แล้ว” เซนทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะดิว “แปปนะคะพี่เซน มาเองเลย ไม่บอกจะได้ให้ต่ายเอาไปให้” ดิวตอบ พลางเดินไปรื้อแบบที่เตรียมไว้บนโต๊ะประชุมภายในห้องทำงาน “นี่ค่ะ” “แต้งกิ้ว ไปและ วันนี้เข้าไซท์บางพลี ไกลมาก ถ้ามีอะไรจะโทรมาถามใหม่” เซนบอกลาดิว แล้วเดินออกจากห้องทำงานน้อง กลับไปที่แผนกตัวเอง “ไอ้บอย ได้แบบมาแล้ว วันนี้มึงไปกับกูป่ะเนี่ย” เซนตะโกนถามเพื่อนที่ยืนคุยกับน้องในแผนกอยู่ “ไปดิ แปปกูจะเอาน้องฝึกงานไปด้วยวันนี้ จะพาไปดูบรรยากาศหน่อย 3 คนนะมึง อัดไหวป่ะ รถกระบะข้างใน” บอยตะโกนตอบเพื่อน แล้วหันมาถามน้องฝึกงาน “ได้พี่ พวกผมนั่งท้ายกระบะก็ได้” น้องฝึกงานคนนึงตอบ “ไม่ได้เว้ย วันนี้หน้างานไกล กูขึ้นทางด่วน นั่งท้ายไม่ได้ ถ้าอัดไม่ได้ก็ไปแค่ 2 คน สลับกัน ไปเร็วมึง กว่าจะถึงอีก” เซนตะโกนมาเร่งเพื่อนและน้อง ๆ “ไปครับ ๆ พวกผมอัดได้ครับ พี่เซนสุดหล่อ ไม่กริ้วน้อง ๆ นะครับ” น้อง ๆ ฝึกงานรีบวิ่งมาล้อมหน้าล้อมหลัง กลัวไม่ได้ออกไปด้วย เพราะหน้างานคงสนุกกว่านั่งทำงานในออฟฟิตแน่ ๆ ทั้ง 5 คนขับรถออกจากบริษัท ใช้เวลาไปชั่วโมงครึ่ง กว่าจะฝ่าการจราจรกรุงเทพออกมารอบนอกได้ ขนาดว่าขึ้นทางด่วนแล้ว ยังใช้เวลาขนาดนี้ เมื่อมาถึงหน้างาน ทุกคนก็เดินลงมา ยืดเส้นยืดสาย บิดขี้เกียจกันอยู่นอกตัวรถ “โหพี่ ไซท์ใหญ่มาก เดินยังไงให้ทั่วเนี่ย” น้องคนนึงหันไปถามบอย “รถสิครับ ใครจะเดิน ตั้ง 5 ไร่ เดินไปขาลากพอดี ไอ้บอยมึงเอารถพาน้องไปดูงานข้างในไป กูจะคุยกับหัวหน้าคนงานที่นี่ก่อน แล้วค่อยเข้าไป เดี๋ยวกูไปกับพี่เค้าเอง” เซนโยนกุญแจรถให้เพื่อน แล้วเดินแยกไปคุยงานในออฟฟิตชั่วคราวที่ตั้งอยู่ในไซท์งาน “โห พี่เซนเวลาทำงานที่โคตรเท่เลยเนอะพี่ แต่เวลาอยู่ออฟฟิต ทำไมถึงอย่างกับคนละคน” น้อง ๆ มองตามหลังเซนไปแล้วหันไปถามบอย “เวลาปกติเนี่ย มันกวนตีนที่หนึ่งเลยแหละ ยิ่งเวลากินเหล้านะ พูดมาก แต่พอทำงานมันจะจริงจังเหมือนคนละคนแบบนี้แหละ มันค่อนข้างซีเรียส เวลาทำงานกับมัน ห้ามพลาด ไม่งั้นมันด่ามึงสามวันแปดวัน ไม่จบอ่ะ” บอยกวักมือเรียกน้องขึ้นรถแล้วเผาเพื่อนให้น้องฟัง “โห ไม่น่าเชื่อ ว่าเวลาทำงานจะจริงจังกับเค้าเป็นด้วย ถ้าไม่มาเห็นด้วยตานี่ ไม่เชื่อนะพี่” บอยหัวเราะ “มันเคยมีเรื่องไง เกิดกับน้องในบริษัทนี่แหละ ตอนนั้นไม่ใช่ความผิดมันหรอก มันไปดูงานกับกูที่ปทุม แต่หน้างานอีกที่ดันมีปัญหา รุ่นน้องที่แผนกออกแบบเข้าไปดูงานที่ไซท์คนเดียว เกือบโดนคนงานข่มขืน ตอนนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างใหญ่เลยนะ เพราะลูกค้าเจ้าของบ้าน ดันเป็นแฟนกับน้องคนนั้น แถมยังเป็นเพื่อนพวกกูอีก คือง่าย ๆ คนใกล้ตัวอ่ะมึง มันโทษว่าเป็นเพราะมันดูแลหน้างานไม่ดี ควบคุมคนงานไม่ได้ ทิ้งหน้างาน ทำให้น้องต้องเข้ามาดูแทน แล้วเกิดเรื่อง ตอนนั้นพวกกูปลอบมันนานมาก กว่าจะหายเครียดเกือบเดือนนะ” บอยเล่าให้รุ่นน้องฟัง “อ่าวพี่ มันเลวที่ไอ้เวรนั่นไม่ใช่หรอ มันเกี่ยวอะไรกับพี่เซนอ่ะ ทำไมต้องโทษตัวเอง” น้องถามกลับ “ก็ถ้ามันบริหารหน้างานได้ดี เคลียร์ปัญหาให้ช่างได้ ไม่ต้องหาคนเข้าไปแก้ไขด่วน ควบคุมคนงานอยู่ เรื่องก็ไม่เกิดขึ้น นี่คือในความคิดของมัน แต่เราทุกคนก็รู้แหละว่า มันไม่ได้ผิดอะไร กว่ามันจะทำใจได้ก็นาน หลังจากนั้นมันจะค่อนข้างจริงจังกับงานมากขึ้นอีก ทั้งที่เดิมทีก็มากอยู่แล้ว” บอยอธิบายน้องต่อ “โห พี่เซนนี่ ไอดอลว่ะ เฉพาะเรื่องงานนะ 555 นอกเวลางาน พี่แม่งกวนตีน” แล้วทั้งรถก็หัวเราะลั่น บอยพาน้องไปดูงานก่อสร้างตามจุดต่าง ๆ จนเซนและหัวหน้าคนงานประจำไซท์นี้ตามเข้ามา เซนไม่ได้เข้าไปหาบอยกับน้อง ๆ แต่พากันเดินไปด้านในไซท์งานเพื่ออธิบายดีเทลงานที่ได้มาจากดิวให้คนงานเข้าใจ และเห็นภาพ จนเวลาพักเที่ยง เซนและบอยพาน้อง ๆ ผู้ติดตามออกไปกินข้าวใกล้ ๆ กับไซท์งาน ร้านอาหารตามสั่งง่าย ๆ คือร้านที่พวกเค้าเลือกพากันไปฝากท้องในวันนี้ “โห...พี่เซน ผมนึกว่าจะพามาเลี้ยง ไม่รักน้องเลย” น้องคนนึง โอดโอยจะให้รุ่นพี่เลี้ยงข้าว “แดก ๆ ไป อย่าเรื่องเยอะ ถ้าอยากให้เลี้ยง เย็นวันศุกร์ค่อยว่ากัน เค๊!” เซนตอบน้องไป และได้เป็นเสียงเฮลั่นกลับมาแทนคำตอบ “พี่ แล้วพวกผมมานี่ทุกวันเลยไม่ได้หรอ อยู่นี่งานมันลุยกว่า ดีกว่านั่งออฟฟิตตั้งเยอะ” น้องอีกคนถาม “ไม่ได้เว้ย ปีนี้พวกมึงมีกันตั้ง 10 คน ยังไงก็ต้องผลัดกันมา พวกกูไม่ได้ให้มาทำงานที่นี่เป็นหลัก ตอนฝึกยังไงก็ต้องฝึกที่ออฟฟิต มันเป็นพื้นฐาน มานี่พวกมึงไม่ได้งานหรอก ได้แต่เล่น อย่าคิดว่ากูไม่รู้” เซนดักทางน้อง ส่งผลให้นั่งหน้าหงอยไปตาม ๆ กัน ส่วนบอยก็ได้แต่หัวเราะ “ตอนพวกกูฝึกงาน กูก็ทำแต่งานออฟฟิตเนี่ยแหละ ถ้ามึงไม่เป๊ะงานโครงสร้าง ออกมาคุมงานไม่ได้หรอก เข้าใจมั้ย” บอยสอนน้องไปด้วย เมื่อทุกคนกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย ก็พากันกลับไปทำงานต่อที่ไซท์งาน จนกระทั่งใกล้เลิกงาน พวกเค้าก็พาน้อง ๆ กลับไปส่งที่ออฟฟิต ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไป Line CE Friends เซน : พวกมึง ๆ ทั้งหลาย : วันศุกร์กูจะพาน้องฝึกงานไปเลี้ยง ใครจะไปด้วยบ้าง บอย : กูไง เซน : กูรู้แล้ว กูถามคนอื่นเว้ย ปราบ : กูไม่ไป พ่อแม่จีนกลับมา ต้องพาจีนกลับบ้าน ฟาน : กูไปไม่ได้ มีนัดสาว หมอก : กูไป กี่โมง บอย : ทุ่มนึงมึง น้องมัน want มาก หมอก : เชี่ย แดกแต่หัววัน กูตามไปทีหลัง สามทุ่ม เซน : เออ เท่านี้ หมดวาระ : เชิญไปไหนก็ไป ฟาน : เอ้า มันงอนกูป่ะเนี่ย ที่กูไม่ไปอ่ะ บอย : มันเป็นเมียมึงไง๊ ถึงต้องงอนมึงอ่ะ : แยกครับ เจอกันวันศุกร์ ทางด้านสมาย หลังจากเมื่อวานที่กลับมาจากไปดินเนอร์ตามใจแม่มาแล้ว ก็ยังคงอยู่ในภาวะเครียด เธอทำเพียงส่งข้อความทิ้งไว้ให้เพื่อน ๆ ว่ากลับมาถึงอย่างปลอดภัย แล้วจะเล่ารายละเอียดให้ฟังอีกที จนวันนี้เมื่อกลับมาจากโรงแรม จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย ก็กดวีดีโอคอล เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เพื่อน ๆ ฟังทันที แบบละเอียดยิบ ‘แม่แกนี่ก็แรงเนอะ เอาลูกใส่พานให้ผู้ชายเพื่อธุรกิจเนี่ย’ โบว์เปรยออกมาเมื่อฟังเพื่อนเล่าจบ ‘ไอ้คุณนาย นั่นแม่เพื่อน’ จีนเตือน ‘อุ่ย! แหะ ๆ เค้าขอโทษคับ’ โบว์รีบเอ่ยขอโทษสมายเมื่อรู้สึกตัว “ไม่เป็นไร มันก็ไม่ได้พูดผิดนะจีน ดูแม่จะชอบทางนั้นมาก ถึงขนาดปล่อยชั้นกลับมากับพี่มันสองคน ไม่กลัวมันทำอะไรลูกสาวเลยไง๊” สมายบ่นน้อยใจแม่ให้เพื่อนฟัง ‘แต่วันนี้อีพี่คินก็ไม่ได้โทรหรือมาหาแกใช่มั้ย พูดไปแรงอยู่นา เมื่อวานอ่ะ’ จีนถาม “ไม่มี มีส่งดอกไม้มาตอนบ่าย ช่อนึงพร้อมการ์ด ‘เปิดใจให้พี่เถอะครับ ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกัน’ ชั้นโยนทิ้งไปแล้วเรียบร้อย” สมายเล่าให้เพื่อนทั้งสองคนฟัง ‘แรงมากค่ะแม่ ทำไมลูกสาวคนโตแม่แรงขนาดนี้คะ’ โบว์พูด ที่พวกเธอเรียกจีนว่าแม่ เพราะจีนค่อนข้างขี้บ่น ถือเป็นอันดับต้น ๆ ของคณะเลย ไม่มีใครที่ไม่รู้ โดยเฉพาะพวกหนุ่ม ๆ นี่เข็ดขยาดไม่กล้าหืออือกับจีนเด็ดขาด บอกอะไรก็คือต้องทำ ไม่งั้นนางจะบ่นจนหูดับกันไปข้างนึง ‘ลูกสาวคนเล็ก อย่าแรงแบบนี้ก็พอค่ะ คุณแม่จะไม่ไหวเอานะคะ ส่วนสมายแกไม่กลัวพี่เค้าทำร้ายแกหรอ พูดไปขนาดนั้น ชั้นยิ่งห่วงแกนะ’ จีนถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “ชั้นดูแลตัวเองได้ในระดับนึงนะแก ยังไงก็จะพยายามระวังตัว” สมายยิ้มให้เพื่อนทั้งสองสบายใจ ‘แล้วหลังจากนี้จะเอายังไงต่อ จะปล่อยแบบนี้ไปเรื่อย ๆ หรอ’ โบว์ตั้งคำถามกลับมา “คงคุยกับแม่อ่ะ คงต้องพูดกันตรง ๆ จริง ๆ แล้วก็อยากรู้เหตุผลแม่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงอยากให้แต่งกับคนนี้นัก มันน่าสงสัย ที่ต้องมาบีบบังคับกันขนาดนี้” สมายระบายความรู้สึกกับเพื่อน ‘เดี๋ยวมันจะดีขึ้น ลองคุยกับแม่ดู ใช้เหตุผลนะ อย่าใช้อารมณ์’ จีนปลอบเพื่อน ทั้งสามคนก็นั่งคุยกันเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ จนสมายนึกขึ้นได้ว่าอยากชวนจีนไปนั่งดื่มเป็นเพื่อน จึงเอ่ยถามชวนจีนไป “จีน วันศุกร์อยากเมา ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ” สมายส่งสายตาอ้อนวอนไปให้จีนผ่านหน้าจอ ‘ไม่ได้อ่ะดิ วันศุกร์พ่อกับแม่มา ปราบกับจีนต้องไปหาแม่อ่ะ แต่ห้ามแกไปคนเดียวนะ อันตราย ยิ่งอยากไปเมา ถ้าเมาไม่ได้สติแล้วจะทำยังไง ห้ามไป’ จีนปฏิเสธเพื่อนแล้วเตือนไม่ให้ไปคนเดียว “ค่ะแม่ ไม่ไปก็ไม่ไป” สมายตอบจีนให้เพื่อนสบายใจ ทั้งสามคุยกันอีกซักพัก ก็แยกย้ายกันไปนอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD