นักร้องกลางคืน

1507 Words
"สวัสดีค่ะน้าซันนี่" ยี่โถยกมือพุ่มขึ้นไหว้น้องสาวต่างพ่อของผู้เป็นแม่อย่างเคารพนับถือ "แม่เราเป็นยังไงบ้าง" ศันสนีย์เอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองค้างคาใจในทันที เพราะช่วงนี้เธอต้องเดินทางไปเลี้ยงหลานสาวกับหลานชายที่จังหวัดน่านอยู่บ่อยครั้งจึงไม่ค่อยมีเวลาได้ดูข่าวสารบ้านเมือง พอบทจะดูสักทีก็ดันมาเจอกับข่าวที่ชวนให้ตกใจว่าครอบครัวของพี่สาวต่างพ่อถูกฟ้องจนกลายเป็นบุคคลล้มละลาย ซ้ำร้ายกว่านั้นในตอนนี้ทั้งพี่เขยและพี่สาวก็ต่างกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงด้วยกันทั้งคู่ "ไม่ดีขึ้นเลยค่ะ" อันที่จริงมันแทบจะไม่มีเปอร์เซ็นว่าแม่ของเธอจะฟื้นคืนกลับมาใช่ชีวิตได้อย่างปกติเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงรอว่าสักวันว่าคำว่าปาฏิหารย์จะเกิดขึ้นกับแม่หรือพ่อของตัวเองสักครั้ง "แล้วเขารักษาตัวอยู่ที่ไหน" ศันสนีย์จี้ถามอย่างเริ่มร้อนใจที่ดูเหมือนหลานสาวกำลังทำท่าเหมือนกับว่าอยากจะหมกเม็ดทุกอย่างไว้กับตัวเอง ทั้งๆที่เธอเป็นห่วงเด็กคนนี้ประหนึ่งลูกสาวของตัวเองตลอดมา ทั้งๆที่เธอรักและเอ็นดูเด็กคนนี้มากยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองแม้จะรู้ดีว่าพี่สาวอย่างสิริยากรไม่ปรารถนาจะให้ลูกสาวของหล่อนนับเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว ทั้งๆที่เธอเทใจให้เด็กสาวมากถึงเพียงนี้แต่แล้วทำไมยี่โถถึงยังมองเธอเป็นคนนอกสายตาไปเสียได้เล่า "น้าคือคนนอกสำหรับยี่โถใช่ไหม" คนเป็นน้าว่าอย่างนึกตัดพ้อที่ไม่ว่าจะรักยี่โถมากมายแค่ไหนแต่ก็ดูเหมือนว่าเด็กหญิงนั้นจะมองไม่เห็น "มันไม่ใช่แบบนั้นค่ะ" ยี่โถเองในตอนนี้ก็เกือบจะร้องไห้ออกมาเพราะความอัดอั้นตันใจที่ต้องตัดญาติขาดมิตรกับคนที่เธอเองก็รู้มาตลอดว่ารักเธอมากแค่ไหนเพียงแค่เพราะแม่ของเธอริษยาเขา...ผู้ซึ่งเป็นน้องสาวต่างบิดาของแม่เธอ "ยี่โถรู้ รับรู้มาตลอดว่าน้าซันนี่หวังดีและรักยี่โถมากแค่ไหน ยี่โถรู้ว่าแซนดี้อยากจะให้ยี่โถแวะเวียนเข้าไปหาเธอบ้าง และรู้ด้วยว่าน้าซันก็ทำทุกๆอย่างเพื่อช่วยเหลือหนู แล้วการที่หนูไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากครอบครัวของน้าซันนี่มันก็เพราะว่ายี่โถไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนไปขอความช่วยเหลือจากคนที่แม่ของตัวเองคิดจะทำร้ายอยู่ตลอดเวลา อึก.." คิดว่าเธอที่เคยสุขสบายอยู่ในบ้านหลังโตมีคนรับใช้คอยถูให้แม้กระทั่งเล็บเท้ายินดีนักหรอกหรือกับความลำบากที่ตัวเองต้องเผชิญ เธอเองก็คิดถึงความสบายที่เคยได้รับและคิดถึงศันสนีย์ก่อนใครในตอนที่ต้องเผชิญปัญหา หากแต่เธอก็ไม่ได้หน้าหนามากพอที่จะมาขอให้คนที่แม่เคยคิดร้ายไปช่วยในเรื่องรายจ่ายการรักษาตัวของแม่เอง เธอเองก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่ยิ้มได้ ร้องไห้เป็น มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีและเธอ...ละอายใจเป็น "ยี่โถ เหนื่อยมากใช่ไหมลูก" ศันสนีย์มองร่างบางๆที่แทบจะมีเพียงหนังหุ้มกระดูกนั้นอย่างสงสาร เธอโทษตัวเองเสมอที่ไม่มีความกล้ามากพอในการรับยี่โถมาเลี้ยงเป็นลูกของตัวเองด้วยกลัวว่าสิริยากรนั้นจะโกรธเกลียดเธอหนักขึ้นไปกว่าเดิม ยี่โถเป็นเด็กหญิงน่ารักที่มักจะถูกสิริยากรผู้เป็นแม่และชนายุทรผู้เป็นพ่อทุบตีอยู่เสมอถ้าหากไม่ยอมถ่ายวิดิโอลงในแอปพลิเคชั่นต่างๆตามที่ทั้งสองคนนั้นต้องการ สองคนนั้นรักในยอดไลค์ยอดแชร์ ยอดคอมเมนท์และยอดผู้ติดตามมากกว่ายี่โถที่เป็นลูกสาวเสียอีก แต่ถึงจะอย่างนั้นยี่โถก็ยังรักและเทิดทูนพ่อกับแม่จนสุดหัวใจของเธออยู่ดี ศันสนีย์ถึงได้บอกอย่างไรละว่าเด็กสาวคนนี้ช่างน่าสงสาร มีเพียงเสียงสะอื้นเท่านั้นที่เป็นคำตอบให้กับคำถามเมื่อก่อนหน้าของศันสนีย์ ท้ายที่สุดคนที่รักหลานจนสุดหัวใจก็ไม่อาจห้ามน้ำตาของตัวเองเอาไว้อีกต่อไปได้เช่นเดียวกัน "มาอยู่กับน้าเถอะลูก มาเป็นลูกอีกคนของน้า มาเป็นพี่สาวของแซนดี้" ศันสนีย์ร้องขอในสิ่งที่รู้อยู่แกใจว่าอย่างไรเสียเด็กกตัญญูต่อพ่อแแม่อย่างยี่โถนั้นจะต้องปฏิเสธอยู่วันยังค่ำ แต่หากจะให้เธออยู่เฉยโดยการไม่ยื่นมือเข้าไปทำอะไรเลยเห็นทีว่าเธอก็คงจะทำไม่ได้ หลานของเธอกำลังลำบากแล้วน้าอย่างเธอจะทนดูอยู่เฉยๆได้อย่างไร ถึงแม้สิริยากรจะโกรธเกลียดเธอที่เป็นน้องสาวต่างพ่อมากแค่ไหนแต่กลับกันเธอนั้นรักสิริยากรเสมือนเป็นพี่สาวแท้ๆคนหนึ่ง "ให้งานหนูทำเถอะค่ะ" ยี่โถเสนอตัวขึ้นพร้อมช้อนตาขึ้นมามองศันสนีย์ที่มองเธออยู่ก่อนหน้ามาได้สักพักแล้ว "รักหนูก็ให้งานหนูทำ จะได้ไหมคะ ตอนนี้เงินในส่วนที่ต้องใช้จ่ายส่วนตัวหนูมันแทบจะไม่เหลือเมื่อหักลบค่ารักษาของคุณพ่อและคุณแม่ หนูอยากได้งานค่ะ หนูอยากมีเงินไว้ใช้สอยในชีวิตประจำวัน แต่การที่จะให้หนูย้ายเข้าไปอยู่กับคุณน้าเห็นทีว่ามันคงจะมากเกินไปสำหรับหลานนอกไส้อย่างหนู หนูขอแค่งานทำ แค่นี้จะได้ไหมคะ" เธอไม่ได้คิดที่จะยียวนหรือกวนประสาทคนที่กำลังยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ เพียงแต่สิ่งที่น้าของเธอพึ่งกล่าวออกมานั้นมันมากเกินไปที่หลานนอกไส้อย่างเธอควรจะได้รับ หากเป็นไปได้เธอก็จะขอแค่งานทำ จะหนักเบาเธอก็พร้อมจะสู้เพราะเธอมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน แค่นั้นมันก็มากเกินพอแล้ว...สำหรับเธอ "น้ายินดีจ๊ะ ว่าแต่เลิกงานสองทุ่มแบบนี้แล้วหนูจะไหวจริงๆนะเหรอ น้ากลัวว่าหนูจะเหนื่อย" แม้จะรู้สึกผิดหวังอยู่ข้างในลึกๆที่เด็กหญิงไม่ยินยอมพร้อมใจที่จะเป็นลูกสาวอีกคนของตัวเอง แต่ภายในความผิดหวังนั้นก็ยังมีความรู้สึกยินดีปะปนอยู่บ้างเมื่อได้รับรู้ว่ายี่โถนั้นกล้าพอที่จะขอความช่วยเหลือจากน้าอย่างเธอแล้ว "ยี่โถไหวค่ะ ยี่โถจำได้ว่าน้าซันเปิดคลับใช่ไหมคะน้าซันนี่ ให้ยี่โถร้องเพลงช่วงค่ำๆก็ได้ค่ะ นะคะ" ยี่โถมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงและการแสดงเป็นที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อแม่ของเธอเลือกที่จะใช้ตัวลูกในการเรียกยอดผู้ติดตามให้กับตัวเอง "งั้นเราไปกันเลย ดีไหม" ศันสนีย์ว่าด้วยน้ำเสียงสั่นเทาเพราะรู้สึกตื่นเต้นกับการที่ยี่โถยินยอมที่จะขอความช่วยเหลือจากเธอเป็นครั้งแรก และไม่ลืมที่จะส่งข้อความไปหานฤเบศน์ว่าเธอกับหลานสาวนั้นกำลังจะเข้าไปหาที่คลับ SunnyBright Club "สวัสดีค่ะน้าซัน" มือสวยยกพุ่มขึ้นไว้สามีของผู้เป็นน้าอย่างนอบน้อม "สวัสดีครับ ยี่โถหรือเปล่าโตเป็นสาวแล้วสวยเชียวนะ" นฤเบศน์เอ่ยชมอย่างจริงใจ เขารู้สึกเสียดายไม่น้อยที่เด็กหญิงไม่ยอมรับในการขอรับเธอเป็นลูกบุญธรรมของเขา ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงได้เที่ยวคุยโวกับใครเขาไปทั่วแล้วละว่าลูกสาวคนโต(บุญธรรม) ของเขานั้นน่ารักมากแค่ไหน "ขอบคุณค่ะน้าซัน" "ยี่โถเขาจะมาของานทำน่ะ มีตำแหน่งอะไรที่พอจะว่างบ้างไหม" นฤเบศน์สบตานิ่งอยู่กับภรรยาที่ส่งซิกมาให้เขาบอกว่าไม่มีอยู่ครู่หนึ่ง "นักร้องภาคค่ำว่างครับ" "ซัน!" ศันสนีย์ถึงกับหลุดตวาดสามีออกมาอย่างลืมตัวเมื่อสามีไม่ได้ทำตามที่เธอนั้นต้องการ "เมียว" แต่นฤเบศน์หาได้สนใจภรรยาที่กำลังหน้าแดงหน้าดำเพราะความโมโหเลยแม้แต่น้อยซ้ำยังหันไปเรียกลูกน้องสาวคนหนึ่งให้วิ่งเข้ามาหาเสียอีกด้วย "ค่ะคุณนฤเบศน์" "พาหลานฉันไปดูชุดสำหรับร้องเพลงคืนนี้ เธอชื่อยี่โถและจะเข้าทำงานในคลับของฉันในตำแหน่งนักร้องภาคค่ำนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" "ได้ค่ะคุณนฤเบศน์" ไอ้ซัน ตำนานผัวที่ไม่เคยฟังเมียที่แท้จริง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD