บทที่.6 ยอมรับว่าตั้งใจมาฉุด

1334 Words
​ ขังรัก 20+ บทที่ 6.ยอมรับว่าตั้งใจมาฉุด! Teerak Talk. เพี๊ยะ! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! แล้วมันก็ตบหน้าฉันจนหน้าหัน ก่อนจะจับหัวของฉันกระแทกกับพื้นสองสามครั้ง ตอนนี้ความรู้สึกของฉันมืดมิดไปหมด มึนงงจนขยับตัวไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้ไอ้บอมกระทำย่ำยีกับร่างกายของฉันตามอำเภอใจ ความรู้สึกรังเกียจ ขยะแขยงเข้าจู่โจมหัวใจของฉัน ทุกสัมผัสของไอ้บอมมันน่าสะอิดสะเอียนกว่าสัมผัสของผู้ชายที่ชื่อตี๋เป็นร้อยเป็นพันเท่า น่าตกใจที่ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันไม่ได้รู้สึกรังเกียจเขาเลยสัดนิด! แต่ในขณะที่ฉันกำลังสิ้นหวัง อยู่ๆร่างของไอ้บอมก็ถูกกระชากออกไป และเมื่อฉันผงกหัวขึ้นดู ก็เห็นว่าไอ้บอมมันลงไปนอนตัวงออยู่อีกทางห่างจากฉันไปไม่ไกล แต่ที่น่าตกใจมากกว่านั้นคือตอนนี้ผู้ชายคนนั้น คนที่พรากความสาวไปจากฉัน หรือผู้ชายที่ใครๆก็เรียกเขาว่าพี่ตี๋ยืนจังก้าค้ำหัวไอ้บอมอยู่! "ฮึกกๆ...พี่ตี๋..." ฉันเรียกชื่อของพี่ตี๋ทั้งน้ำตา บอกตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าดีใจสักแค่ไหนที่เห็นเขา "กล้ายุ่งกับของๆกูเหรอมึง!?" พี่ตี๋ตวาดถามไอ้บอมเสียงเหี้ยม ก่อนจะกระชากคอเสื้อไอ้บอมให้ลุกขึ้น เเล้วเหวี่ยงกำปั้นหนักๆเข้าที่ปากครึ่งจมูกครึ่งของไอ้บอมสุดแรง ส่งมันลงไปนอนนับดาวที่พื้นอีกครั้ง พี่ตี๋ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้นเท้าหนักๆยังตามไปกระทืบซ้ำๆจนไอ้บอถึงกับสลบไป ฉันอาศัยจังหวะนี้รีบลุกขึ้นหยิบเสื้อที่ขาดวิ่นไม่เหลือสภาพดีขึ้นมาคลุมตัวไว้แล้วแล้วงอตัวขึ้นปิดบังร่างกายเกือบเปลือยของตัวเอง "แม่ชี!มึงเป็นยังไงมั่ง?" "ฮึกก...อย่าเข้ามา...ฮือๆๆ" ฉันร้องห้ามพี่นี๋ไม่ให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะสะอึกสะอื้นออกมาทั้งน้ำตา พรึ่บ! "เอาไปใส่" "!" พี่ตี๋ถอดเสื้อยีนส์ที่เขาสวมอยู่ส่งให้ฉัน ถึงจะตกใจและคิดไม่ถึงแต่ฉันก็รีบคว้าเสื้อมาใส่อย่างไม่รังเกียจ มันก็ดีกว่าอยู่ในสภาพล่อเเหลมนั่นแหล่ะ "เป็นอะไรไหม เจ็บตรงไหนรึเปล่า?" คนตัวโตเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่หนักไปทางกระด้าง แต่ฉันกลับสัมผัสได้ถึงความห่วงใยในน้ำเสียงนั้น และเพียงแค่ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขา ฉันก็โผเข้ากอดเขาพร้อมกับปล่อยโฮออกมาเต็มเสียงอย่างคนขวัญเสีย "ฮือออ...พี่ตี๋...ฮือออ...ที่รักกลัว...ฮือออออ..." Teerak End. ******************** Tee Talk. ผมโอยกอดคนตัวเล็กแน่น ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก โชคยังดีที่ผมไม่ดื้อรั้นทิฐิจนเกินไป ไม่อย่างนั้นผมคงต้องเสียใจที่สุดกับเหตุการณ์นี้ เมื่อวาน ตั้งแต่ที่ยัยน้องแม่ชีกลับไป ผมแม่ง!ก็มีอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน กระสับกระส่ายจนนอนไม่หลับ ภาพใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตารบกวนผมทั้งในยามหลับตาลืมตา แต่ถึงอย่างนั้นผมก็บอกกับตัวเองว่าผมแค่รู้สึกผิด ก็เท่านั้น... จนกระทั่งเช้า ผมก็กระทำการอุกอาจอย่างที่ไม่เรยทำกับใครมาก่อนนั่นก็คือการแอบไปซุ่มดูน้องแม่ชีที่โรงเรียน(แลดูเหมือนตัวเองกลายเป็นคนโรคจิตเข้าไปทุกที) ผมไม่เห็นเธอในตอนเช้า แต่ก็ยังบ้านั่งรออยูู่ในรถเพื่อคิดที่จะเจอเธอในตอนเลิกเรียน (เวลาตอนนี้แปดโมงครึ่ง โรงเรียนเลิกสามโมงครึ่งเหมือนมึงว่างงานเนอะไอ้ตี๋) แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้รอนานอย่างที่คิด เมื่ออยู่ๆยัยน้องแม่ชีก็เดินออกมาจากโรงเรียนแบะเป็นจังหวะเดียวกับที่รถเมล์มาพอดีเธอจึงรีบวิ่งขึ้นรถเมล์ไป ส่วนผมก็ขับรถตามเธอไปเรื่อยๆ(กะว่าจะตามไปฉุด! เอ้ย! ไม่ใช่จะตามไปดูว่าบ้านเธออยู่ที่ไหนต่างหาก) รถเมล์วิ่งมาจนเกือบสุดสาย สุดท้ายน้องแม่ชีก็ลงมาจากรถเมล์และเดินหายเข้าไปในซอยๆหนึ่ง และแน่นอนว่าผมก็แอบตามเธอไปอย่างไม่ลดละ แต่สุดท้ายผมก็ปล่อยให้เธอก็คลาดสายนาจนได้ อยู่ๆหมาที่ไหนไม่รู้เสือกโผล่มาตัดหน้ารถึงกับเหยียบเบรคหัวทิ่มหัวตำกันเลยทีเดียว พอเงยหน้าขึ้นมาสรุปหายทั้งคนหายทั้งหมา เวรกรรม... ความบรรลัยเริ่มมาเยือนเมื่อผมขับรถต่อไปอีกนิดก็ดันไป้จอทางแยก ปัญหาคือตอนนี้น้องแม่ชีไปทางไหนระหว่างซ้ายกับขวา? ผมตัดสินใจไปทางขวาก่อน เพราะผมถนัดขวา(เกี่ยวอะไร?) แต่พอขับไปได้ประมาณห้าร้อยเมตรผมก็คิดว่าเธอคงไม่ได้มาทางนี้ จะว่าเธอถึงบ้านแล้วก็ไม่น่าจะใช่ เพราะสภาพสองข้างทางที่ผ่านมาไม่มีบ้านคนสักหลัง(กลับรถสิไอ้นี๋รออะไร) และพอผมย้อนกลับมาอีกทางผมก็ยังไม่เจอเธอ สภาพสองข้างทางมีแต่ป่าเหมือนกันไปหมด(หรือว่าน้องแม่ชีจะเข้าไปบำเพ็ญภาวนาอยู่ในป่า เริ่มเลอะเทอะ) แต่ในขณะที่ผมกำลังจะถอดใจ สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าเป้นักเรียนหล่นอยู่ข้างทาง ลางสังหรณ์บอกผมทันทีว่าต้อวเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอแน่ๆ ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้ในมือพร้อมกับหันมองรอบตัวเพื่อหาร่องรอยของเธอ ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหบือก็ดังขึ้นมาจากในป่า ผมกระโจนเข้าไปในป่าและวิ่งไปตามเสียงทันที จากนั้นทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ทุกคนรํ้กันนั่นแหล่ะครับ และน้องแม่ชีก็ปลอดภัยอยู่ในอ้อมแขนของผมแล้ว จากที่คิดว่าจะมาฉุด เลยกลายเป็นว่าผมต้องเจ้ามาช่วยน้องมันแทน "เงียบซะ...ไม่ร้อง...มันลุกขึ้นมาทำอะไรมึงไม่ได้อีกแล้ว" ผมเอ่ยปลอบ ถึงน้ำเสียงของผมมันจะแข็งไปสักหน่อยก็เถอะ ผมดันร่างเล็กบอบบางออกห่างเมื่อเสียงสะอื้นซาลง ใข้สายตากวาดสำรวจตามเนื้อตัวของเธอเพื่อหาบาดแผล มีเพียงแค่รอยนิ้วมือบนใบหน้าเท่านั้นที่มองเห็นชัดในตอนนี้ นึกแล้วยังอดใจหายไม่ได้ นี่ถ้าผมไม่แอบตามเธอมาป่านนี้เธอเป็นยังไง จะเหลือแค่ไหนบ้าง คิดมาถึงตรงนี้ความโมโหก็ทำท่าตะพุ่งขึ้นมาอีกเมื่อคิดว่ามีคนอื่นพยายามจะทับรอยของผม "ไปกันเถอะ" ผมบอกและพยุงเธอเดินผ่านร่างของไอ้บอมทีานอนนี้สภาพของมันหน้าตาแตกยับเยิน มีเลือดไหลออกทั้งทางจมูกและปากไม่ต่างกับอะไรซากศพ "มันจะตายไหมพี่ตี๋?" เธอถามเสียงสั่นเมื่อหยุดมองสภาพของไอ้บอม "ไม่ตายหรอก แค่สลบ" ผมบอกและพยุงเธอก้าวเดินต่อ แน่ยัยนี่กลับมีอาการขาอ่อนขึ้นมาซะงั้น(หรือน้องมันต้องการอ่อยให้ผมอุ้ม?) ผมส่ายหัวเล็กน้อยกับความคิดบ้าๆของตัวเอง ใครมันจะมีอารมณ์มาอ่อยมึงตอนนี้ ผมช้อนอุ้มคนตัวเล็กขึ้นมาในวงแขนก่อนจะพาเธอก้าวเดินลัดเลาะออกจากป่า ส่วนเธอก็กอดคอผมไว้แน่นซุกใบหน้าลงมาซบซอกคอของผมไว้นิ่งนาน Tee End. ************************ แอบสปอย ตอนหน้าnc++100%นะทุกคน By : Ranadda
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD