ตอนที่ 3 จวนพระราชทาน

1564 Words
จากเมืองโหย่วถิง ขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระของตระกูลซู ต้องใช้เวลาเดินทางนานนับเดือน กว่าจะถึงเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว ระหว่างทางซูเยว่ซินได้พบกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมาย แต่ทว่าทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เหมือนกับในชีวิตก่อนของนางแทบจะไม่มีผิดเพี้ยน เช่นรถม้าของจวนที่พวกสาวรับใช้โดยสารมา ล้อเกิดพังระหว่างทางจนเสีย หรือมีเหตุการณ์โจรป่าดักปล้นพวกพ่อค้า ท่านพ่อและพี่ชายของนาง ได้ออกหน้าช่วยเหลือพวกพ่อค้าที่ถูกปล้น นำเหล่าทหารกล้าของตระกูลซูที่ติดตามขบวนมาด้วย จัดการปราบปรามกลุ่มโจรจนพวกมันไม่กล้าที่จะกลับมาก่อเหตุไปนานอีกหลายปี และระหว่างทางก่อนที่จะถึงเมืองหลวง ท่านแม่ของนางและสาวรับใช้อาวุโสบางคน ก็พากันเจ็บป่วยด้วยโรคไข้ป่า ดีที่นางเตรียมยารักษามาด้วย เพราะนางรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ทำให้ทั้งท่านแม่ และสาวรับใช้อาวุโส รอดพ้นจากปากประตูผีมาได้ ผิดกับชีวิตก่อนที่กว่าจะถึงเมืองหลวง ท่านแม่ของนางก็ต้องเสียสาวรับใช้อาวุโสไปถึงสองคน “หากไม่ได้ซินเอ๋อร์ที่เตรียมยามาด้วย มีหวังแม่กับพวกสาวรับใช้อาวุโสเหล่านี้ คงไม่มีชีวิตรอดไปถึงเมืองหลวงแล้วเป็นแน่” ซูฮูหยินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงภูมิใจ บุตรสาวของนางนั้นช่างรอบคอบยิ่งนัก สิ่งที่นางคิดไม่ถึงบุตรสาวของนางนั้นมักจะเตรียมเอาไว้อยู่เสมอ เห็นท่านางคงจะดูเบาบุตรสาวไม่ได้เสียแล้ว การที่ซูเยว่ซินไปอยู่ในค่ายทหารมานานถึงสามปี คงจะไม่ใช่เรื่องที่ไร้ประโยชน์เสียทีเดียว “นั่นน่ะสิเจ้าคะ คุณหนูรองช่างเป็นเด็กที่มองการณ์ไกลยิ่งนัก บ่าวเองยังไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าพวกเราจะได้มาเจอกับโรคภัยไข้เจ็บระหว่างทางเยี่ยงนี้ได้” ป้ากุย สาวใช้อาวุโสที่คอยรับใช้ข้างกายซูฮูหยิน แสดงความชื่นชมคุณหนูรองออกมาเช่นกัน เป็นเพราะพวกสาวรับใช้ของตระกูลซู ต่างก็ไม่เคยมีผู้ใดที่ต้องออกเดินทางไกลเช่นนี้มาก่อน จึงไม่มีผู้ใดที่คิดว่าจะได้เจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเช่นโรคไข้ป่าได้ ทว่าคุณหนูรองที่ไปอยู่ในค่ายทหารกับนายท่านและคุณชายใหญ่มานานเกือบสามปี กลับตระหนักได้ถึงเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายเหล่านี้ “เดินทางไกล ไร้โรงหมอ ข้าย่อมมิอาจมองข้ามได้อยู่แล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ป้ากุย" ซูเยว่ซินกล่าวออกมาด้วยท่าทีขัดเขิน ชีวิตก่อนนางนั้นมักจะเมินเฉยต่อผู้คนรอบกาย นางจำได้ว่าในชีวิตก่อนเวลานี้ท่านแม่ของนางป่วยหนักจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ดีที่ท่านพ่อสั่งให้บ่าวรับใช้คนสนิทห้อม้าไปรับท่านหมอมาจากเมืองโหย่วติงซึ่งเป็นเมืองผ่านพอดี เสียเวลาไปไม่น้อยกว่าอาการของท่านแม่จะดีขึ้น แต่ทว่าก็มีสาวรับใช้อาวุโสถึงสองคน ที่ต้องมาสิ้นใจไปเพราะพิษไข้เล่นงาน ถูกฝังเอาไว้กลางทาง ก่อนที่จะเดินทางไปถึงจวนหลังใหม่เสียด้วยซ้ำ ทว่าชีวิตนี้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นได้เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว ซูเยว่ซินลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ หลังจากซูฮูหยินและสาวรับใช้อาวุโสรักษาตัวจนมีอาการดีขึ้นแล้ว ขบวนรถม้ากับเกวียนสัมภาระของตระกูลซูจึงเคลื่อนขบวนกันต่อ และไม่ถึงสิบวันขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระของตระกูลซูก็ได้เดินทางเข้าสู่เขตเมืองหลวง ผู้คนสัญจรขวักไขว่ตลอดสองข้างทาง ต่างพากันมองมายังขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระของตระกูลซูกันอย่างสนอกสนใจ บ้างก็จับกลุ่มซุบซิบกัน บ้างก็ชี้ไม้ชี้มือชักชวนให้คนข้างกายมองมาเช่นกัน ซูเยว่ซินมองผ่านผ้าม่านบนรถม้าออกไปก็เห็นเป็นภาพที่ชินตา ภาพเช่นนี้นางเคยพบเห็นมาแล้วในชีวิตก่อนนี้ เพราะเมืองหลวงนั้นเป็นสถานที่ที่มีความเจริญรุ่งเรือง ย่อมมีชาวเมืองอาศัยอยู่มากกว่าที่ใด ครั้นมีเรื่องราวแปลกตาย่อมเป็นจุดสนใจของผู้คน “คุณหนูรอง ท่านดูนั่นสิเจ้าคะ” ชิงหลวนรีบชักชวนให้คุณหนูรองของนางมองออกไปยังนอกรถม้า ที่มีร้านค้าข้างทางตั้งกันเรียงราย มีทั้งขายอาหาร เครื่องประดับ ขนม หรือแม้แต่เสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนมีให้เลือกซื้ออย่างมากมาย ซูเยว่ซินยกมุมปากขึ้นเพียงเล็กน้อยพลางกล่าวออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “ก็ที่นี่คือเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว ย่อมมีทุกสิ่งทุกอย่างที่ชาวเมืองต้องการซื้อหากันอยู่แล้ว” เมืองโหย่วถิงที่นางจากมานั้นเป็นเมืองที่อยู่ติดชายแดน อีกทั้งยังเกิดสงครามอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ความเจริญรุ่งเรืองเทียบไม่ได้กับเมืองหลวงแห่งนี้ สาวรับใช้ของนางเกิดและเติบโตที่เมืองนั้น ย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับสิ่งที่เพิ่งจะเคยเห็น ทว่าสำหรับนางที่เคยได้มาอาศัยอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้นานเกือบสี่ปี ความตื่นเต้นยินดีจึงน้อยกว่าสาวรับใช้คนสนิท ชิงหลวนรู้สึกประหลาดใจในท่าทีและความสุขุมของคุณหนูรอง ครั้นนึกไปว่าคุณหนูรองของนางนั้น เคยใช้ชีวิตที่ผ่านความเป็นความตายในสนามรบมาแล้ว สิ่งเหล่านี้คงจะไม่นับว่าน่าสนใจอันใด ชิงหลวนนึกเห็นใจที่คุณหนูรองของนางใช้ชีวิตที่แตกต่างจากคุณหนูจวนอื่นที่อยู่ในวัยเดียวกัน ที่ต่างรักสวยรักงาม ชอบแต่งกายด้วยอาภรณ์ใหม่เอี่ยม และชื่นชอบในเครื่องประดับ หากจะให้คุณหนูรองของนางเลือกระหว่างเครื่องประดับงามๆ สักอัน กับดาบคมๆ สักเล่ม นางคิดว่าคงจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า ในขณะที่ชิงหลวนกำลังคิดไปอีกอย่าง ซูเยว่ซินก็คิดไปอีกอย่าง อีกไม่นานก็จะได้พบกันแล้ว การได้พบกับสตรีผู้นั้นต่างหาก ถึงจะเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับซูเยว่ซิน เพราะนางเฝ้านับวันคืนที่จะได้พบกับหญิงร้ายชายเลวคู่นั้นมานานถึงสามปี และแล้ววันที่นางรอคอยก็ใกล้เข้ามาทุกที ทว่าก่อนที่นางจะได้พบกับหลูเจียงหลี นางจะได้พบกับคุณชายใหญ่สกุลกู้ก่อน และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขามีใจให้นาง ชีวิตก่อนเขาต้องมาตายเพราะความโลภของน้องชายต่างมารดาผู้นั้น ชีวิตนี้นางจึงอยากที่จะปกป้องเขา และตอบแทนในไมตรีที่เขาเคยมอบให้ ขบวนรถม้าและเกวียนสัมภาระที่มีทหารนับห้าสิบติดตามมาด้วย ย่อมเป็นที่สะดุดตาของชาวเมือง ทว่าข่าวเรื่องที่ท่านแม่ทัพซู ได้ย้ายมาประจำการอยู่ที่ค่ายทหารประจำเมืองหลวง ย่อมถูกกล่าวถึงก่อนที่เขาจะเดินทางมาถึงอยู่แล้ว การมาถึงของเขาและเหล่าทหารจึงไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตระหนกตกใจอันใดสำหรับชาวเมืองมากนัก ซ้ำยังได้รับการต้อนรับจากพวกชาวเมืองอย่างอบอุ่นอีกด้วย ในที่สุดรถม้าที่ซูเยว่ซินโดยสารมานานนับเดือน ก็หยุดนิ่งลงจริงๆ เสียที หน้าประตูจวนหลังใหญ่ติดป้ายตระกูลซูเอาไว้อย่างสมเกียรติ เป็นป้ายที่มีตัวอักษรสีทอง ซึ่งได้รับพระราชทานมาจากฝ่าบาท แสดงให้เห็นว่าตระกูลซูได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาทถึงเพียงใด นอกจากมอบจวนพระราชทานให้แล้ว ยังมอบป้ายตระกูลพระราชทานให้อีกด้วย นับเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลซูยิ่ง หลังจากนี้มีหวังประตูจวนคงต้องเปิดอ้าเอาไว้เพื่อรับแขกไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่ “พ่อกับแม่จะอยู่ที่เรือนซูอี้ คงเอ๋อร์…อยู่ที่เรือนซูเอ้อร์ และลูกซินเอ๋อร์ เจ้าไปอยู่ที่เรือนซูซาน สาวรับใช้จากเรือนเดิมของพวกเจ้า ให้เพิ่มเข้าไปอีกเรือนละสิบคน” ท่านแม่ทัพซูแจกแจงเรือนสำหรับเข้าพำนักให้ตัวเขากับภรรยา บุตรชายและบุตรสาวตามลำดับ รวมไปถึงจำนวนสาวรับใช้ และบ่าวแรงงานที่จะคอยดูแลรับใช้เจ้านายของเรือนต่างๆ ด้วย ทุกคนต่างก็ไม่คัดค้านอันใด ซูเยว่ซินมองไปรอบๆ จวนหลังนี้ก็รู้สึกว่า ฝ่าบาททรงเห็นความสำคัญของตระกูลซูยิ่งนัก คงเพราะเห็นว่าเป็นตระกูลแม่ทัพ ที่สร้างคุณงามความดีให้แก่แผ่นดิน จึงได้รับพระเมตตามากกว่าผู้ใด จวนแห่งนี้นับว่าฮวงจุ้ยดีมากทีเดียว ด้านหน้ามีน้ำตกจำลองขนาดกลางๆ เสียงน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาหินจำลอง กระทบผิวน้ำดังซ่าๆ ปลานานาพันธุ์แหวกว่ายไปมามองแล้วให้ความรู้สึกเพลิดเพลิน ทว่าความรู้สึกของซูเยว่ซินในยามนี้นั้นต่างจากชีวิตก่อนนัก มันไร้ความตื่นเต้นดีใจ อาจจะเป็นเพราะนางเคยได้อาศัยอยู่ในจวนหลังนี้มาในชีวิตก่อนแล้ว จึงทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD