หลังจากตัดสินใจได้แล้ว หญิงสาวจึงกระชับกริชในมือพร้อมขยับฝ่าเท้าไปใกล้ชายคนดังกล่าว ก่อนจะลูบผมของเขา
“ฉันขอโทษ...” เธอกระซิบ เป็นสาเหตุให้ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ชายหนุ่มจึงเริ่มดิ้นรนด้วยหวังว่าจะรอดพ้นจากอันตรายถึงชีวิตในครั้งนี้
มือของอลิเซียน่าหยุดสั่นแล้ว เธอมั่นคงกับการตัดสินใจครั้งสุดท้าย
“ฉันขอโทษที่ไม่สามารถให้คุณตายแบบง่าย ๆ ได้”
ผู้คนโดยรอบไม่ได้ยินคำที่เธอพูด เพราะพวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการส่งเสียงเชียร์ แต่มีคนหนึ่งที่สามารถอ่านใจได้ว่าเธอกำลังจะทำอะไร เขาส่ายศีรษะด้วยความผิดหวังและเดินไปหาเธอ
“ฉันไม่สามารถเห็นแก่ตัวทำแบบนี้ได้” อลิเซียน่ากระซิบพลางคลายมือออก ขณะเดียวกันคำพูดของโครี่ก็ดังขึ้นในหูของเธอ
‘การฆ่าใครบางคน... ไม่น่าภาคภูมิใจเซียน่า!’
เธอยกยิ้มขึ้นมาเพราะตอนนี้เธอพร้อมที่จะตายแล้ว เธอไม่อยากฆ่าคน ฉะนั้นกริชจึงค่อย ๆ เลื่อนหลุดออกจากมือ หญิงสาวก้าวถอยหลังออกห่างจากชายคนนั้น
แต่ก่อนที่กริชจะหลุดออกจากปลายนิ้วและร่วงลงสู่พื้น มันกลับถูกคว้าไปได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ พริบตาต่อมาเลือดก็กระเด็นไปทั่วใบหน้าของอลิเซียน่า หญิงสาวได้แต่เบิกตากว้าง นัยน์ตาสั่นระริก
ไม่สามารถขยับตัวได้ ซ้ำร้ายความคิดทั้งหมดยังหยุดลงเพราะอาการตกตะลึง เธอจับจ้องมองกริชที่เต็มไปด้วยเลือดไม่วางตา
กริชเล่มเดียวกันที่ถูกคว้าออกไปจากมือเธอ…
กริชเล่มเดียวกันที่กรีดคอของชายผู้ซึ่งขอความช่วยเหลือจากเธอ...
ครั้นอลิเซียน่าได้สติ เธอจึงหันไปดูว่าใครกันที่ทำเรื่องโหดร้ายเมื่อครู่ และมันก็ทำให้เธอต้องผวาอีกครั้ง
เกิดความเงียบขึ้นทันที ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงมองดูพวกเขาด้วยความตกใจ อลิเซียน่าควรจะฆ่าผู้ชายคนนั้น แต่กลับมีคนอื่นทำแทน
“ลูก้า...” เธออ้าปากค้างขณะที่ดวงตาเบิกกว้าง
เขามองคนที่ตนฆ่าอย่างไร้อารมณ์ ท่าทางอย่างนั้นทำให้อลิเซียน่ารู้สึกว่ามันน่ากลัวมาก
“นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเรียกฉันด้วยชื่อจริง!” เขาพูดเสียงเย้ยหยันยามหันไปหาอลิเซียน่า ชายหนุ่มก้าวไปข้างหน้าขณะที่เธอต้องพยายามอย่างหนักเพื่อฝืนพยุงตัวไม่ให้ล้มลง สายตามองเขาซึ่งยกยิ้มราวกับเป็นเรื่องปกติ
“ลูก้า คอสต้า! คุณฆ่าเขาได้อย่างไร ในเมื่อลูกสาวของฉันควรเป็นคนทำ!” บิลลี่ตะคอกเสียงเย็น ผู้ชมรอบกายทำได้เพียงกลั้นลมหายใจเพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้
แดนนี่ยืนเงียบ ๆ อยู่ตรงมุมห้อง ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ลูก้าและอลิเซียน่า เขาสังเกตเห็นมือที่สั่นเทาของหญิงสาว แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือเธอ
ลูก้าเลื่อนสายตาออกจากร่างของอลิเซียน่า จากนั้นหันไปทางบิลลี่ด้วยใบหน้าเฉยชาไร้อารมณ์แบบเดียวกัน
“นี่เป็นพิธีเปิดงานต้อนรับหุ้นส่วนใหม่ของเรา บิลลี่” ลูก้าพูดด้วยท่าทางไม่แยแสพลางโยนกริชเปื้อนเลือดทิ้งไป เสียงของเขามีพลังมากพอจนแม้กระทั่งบิลลี่ยังต้องเงียบ
บิลลี่เหลือบมองไปยังอลิเซียน่าซึ่งก้มศีรษะมองเลือดที่กำลังไหลไปทางเท้าของเธอ
อลิเซียน่ายืนเฉยด้วยท่าทางว่างเปล่า แต่บิลลี่รู้ดีว่าเธอกำลังช็อก ทว่าเมื่อลูก้าก้าวมาหาบิลลี่จึงต้องหันกลับมาจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มอายุน้อยกว่าอีกครั้ง
“ฉันทำให้เกิดปัญหาหรือเปล่า?” เสียงของลูก้าจริงจังมาก
บิลลี่มองไปรอบ ๆ เห็นทุกคนที่กำลังเงียบรอฟังอย่างตั้งใจ
“วันนี้เราได้โจมตีซีโม่ แบบเดียวกับที่เขาโจมตีเรา!” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของบิลลี่ “วันนี้จะถูกบันทึกว่าเป็นวันแรกของการแก้แค้นซีโม่!” เขาพูดออกมาด้วยความสะใจ เพราะเหตุนั้นทุกคนจึงเริ่มส่งเสียงเชียร์อีกครั้ง
ความกลัวที่พวกเขารู้สึกมาหลายเดือนมลายหายในฉับพลัน ก่อนถูกแทนที่ด้วยความฮึกเหิม
ดวงตาของลูก้ามองไปรอบ ๆ ห้องโถง เขาจดจำใบหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่ไว้แล้ว จากนั้นเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับอลิเซียน่า เธอยังคงยืนนิ่งไร้ปฏิกิริยาตอบสนองอยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนไหวหรือทำอะไรเลย เอาแต่จ้องมองเลือดที่กำลังจะไหลมาสัมผัสกับขอบรองเท้า การแสดงออกดูว่างเปล่าแต่ลูก้าเข้าใจเธอ เขาก้าวไปข้างหน้าก่อนผลักเธอออกไปเล็กน้อยเพื่อให้หญิงสาวขยับห่างจากเลือดสีแดงเข้ม และหยุดยืนแทนที่เธอ ปล่อยให้เลือดไหลมาสัมผัสรองเท้า
อลิเซียน่าเงยหน้าขึ้นมองด้วยดวงตาตื่นตระหนก หญิงสาวรู้สึกได้ถึงก้อนเหนียวหนืดอยู่ในลำคอซึ่งขัดขวางไม่ให้เธอเปล่งเสียงออกมา
หญิงสาวไม่รับรู้ถึงเสียงโห่ร้องราวกับงานเฉลิมฉลองของผู้คนรอบตัว เธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรด้วยซ้ำเพราะลูก้ากำลังจ้องมองเธอด้วยนัยน์ตาสีฟ้าอ่อน
เธอควรจะกล่าวขอบคุณเขาที่ช่วยให้เธอหลุดพ้นจากการเป็นฆาตกรหรือไม่?
หรือว่าเธอควรจะเกลียดเขาที่ฆ่าผู้ชายคนนั้น คนที่พยายามร้องขอชีวิต?
เธอควรทำอะไร?
แต่ที่แน่ ๆ มือที่เปื้อนเลือดของเขาทำให้เธอมีอาการคลื่นไส้ ครั้นลดสายตามองลงไปที่พื้น เธอจึงสังเกตเห็นเลือดไหลอยู่รอบรองเท้าประหนึ่งเขากำลังยืนอยู่ในแอ่งเลือด
จากนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ลูก้าขยับเท้าเข้ามายืนประชิดเพื่อบังเธอจากสายตาทุกคน เขาเป็นสัตว์ประหลาดที่ช่วยเธอจากสัตว์ประหลาดตัวอื่น
“กลับไปที่ห้องของคุณซะ” เสียงทุ้มต่ำสั่ง
อลิเซียน่ารู้สึกสับสน ทำไมเขาถึงทำแบบนี้? ทำไมเขาถึงช่วยเธอ? เขาเป็นหุ้นส่วนใหม่ของแด๊ด? หรือเป็นคนอื่น?
“ไปที่ห้องของคุณตอนนี้อลิเซียน่า!” เขาพูดซ้ำอีกครั้ง เมื่อพบว่าเธอยังคงไม่ขยับตัว
เสียงของเขาทรงพลังทำให้เธอขนลุก จากนั้นหญิงสาวจึงก้าวถอยหลังและเดินออกมา โดยที่รู้สึกว่าเขายังคงมองตามหลังเธอมาตลอด
เธอเดินผ่านแดนนี่ซึ่งยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่มีใครหยุดเธอ ไม่มีใครสังเกตเห็น ครั้นก้าวออกนอกห้องโถง เธอก็พุ่งตรงกลับห้องเพื่อขังตัวเองอยู่ในนั้น
อลิเซียน่าล็อกประตูก่อนวิ่งไปที่ห้องน้ำแล้วยืนอยู่หน้ากระจก เธอเริ่มร้องไห้อย่างหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิด จากนั้นก็รีบอาบน้ำล้างคราบเลือดออกให้หมด
วันนี้เธอถูกบังคับให้ต้องดูฉากการนองเลือดอีกครั้ง ภาพการสังหารที่ได้เห็นทำให้หญิงสาวพะอืดพะอม ไม่ว่าเธอจะดูกี่ครั้งก็ไม่เคยชินกับมัน
หลังอาบน้ำจนรู้สึกสะอาด เธอก็เดินไปแต่งตัวและเป่าผม เปิดลิ้นชักเอายาสองเม็ดออกมาแล้วกลืนลงคอ ตามด้วยน้ำเปล่า ไม่นานนักเธอก็ผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ยาบวกกับความเหนื่อยล้า
ตกกลางคืน ได้ปรากฏร่างหนึ่งที่ระเบียงในความมืด เขาสวมเสื้อผ้าสีดำโดยใบหน้าถูกซ่อนอยู่ใต้หน้ากาก ส่วนเส้นผมซ่อนอยู่ใต้หมวกเบสบอล
เมื่อเขาเข้าใกล้ประตู ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าผ้าม่านถูกปิดสนิท เขาจึงยกยิ้มพลางโคลงศีรษะไปมา ก่อนจะวางมือไว้ที่ประตูเพื่อเลื่อนมันออก แต่กลับพบว่ามันถูกล็อกจากด้านใน
“อ่า! เธอคงคิดว่าเธอจะปลอดภัยถ้าล็อกประตู…” เขาหัวเราะเบา ๆ รู้สึกสนุกกับสิ่งที่กำลังทำ จากนั้นจึงหยิบอุปกรณ์จากกระเป๋ากางเกงแล้ววางไว้ตรงข้ามกับล็อกไฟฟ้าที่ติดอยู่กับประตูด้านใน
อุปกรณ์ส่งเสียงปิ๊บ นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้นยามได้เล่นกับเธอ เขาต้องการทำให้เธอตกใจมากขึ้นไปอีก
เขาเก็บอุปกรณ์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเลื่อนประตูซึ่งเปิดได้อย่างง่ายดาย ก้าวเข้าไปข้างในแล้วเดินไปที่ข้างเตียงของเธอ
เขาหยุดมองเมื่อเห็นเธอหลับสนิท เธอนอนหลับอย่างสงบสุขได้อย่างไร หลังจากที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ในวันนี้ เขาใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มพลางจ้องมองไปยังดวงตาที่ปิดสนิท มันน่ารำคาญมากเมื่อทุกสิ่งที่เธอทำคือการร้องไห้แล้ว และก็ร้องไห้อีก
ร่างสูงโน้มตัวลงเกลี่ยผมออกจากใบหน้าของหญิงสาว เธอมักจะทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นสำหรับเขาโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มยิ้มออกมา นั่งลงบนเตียงพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหยิบของชิ้นหนึ่งซึ่งบรรจุอยู่ในซองพลาสติกออกมา เขาสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเขาชอบอุปกรณ์ที่จะใช้ในครั้งนี้มาก
อย่างไรก็ดีน่าแปลกใจเกินไปที่เธอดูหลับลึกถึงขั้นยังไม่รู้สึกตัวสักนิด จังหวะนั้นเมื่อเขาเอนหลัง เขาก็พบขวดยานอนหลับที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง ถึงได้กระจ่างว่าทำไมเธอถึงไม่รู้สึกตัวแม้เขาเข้ามาใกล้มากขนาดนี้
เขาส่ายศีรษะให้กับความโง่เขลาของเธอ ยกมือขึ้นเกลี่ยผมออกจากบริเวณคอของหญิงสาว จากนั้นดึงคอเสื้อสเวตเตอร์ลงเพื่อให้เห็นพื้นที่บริเวณลาดไหล่ได้ชัดเจน ก่อนหันมาเปิดซองพลาสติก ดึงอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายเข็มฉีดยาซึ่งยาวประมาณหนึ่งฝ่ามือขึ้นมาถือ ตัวกระบอกเป็นพลาสติกทึบ แม้แต่ปลายเข็มก็ใหญ่กว่าเข็มสำหรับฉีดยาหรือฉีดวัคซีนทั่วไป
สายตาของเขาจ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหล ขณะแทงปลายเข็มลงบนผิวเนื้อบริเวณฐานคอของคนบนเตียงและกดก้านสูบจนสุด หญิงสาวส่งเสียงครางเล็กน้อยเมื่อถูกรบกวน หรือไม่ก็อาจจะเจ็บมาก เพราะแบบนั้นมันถึงเป็นเรื่องดีที่เธอยังหลับสนิท
เขาดึงเข็มออกมาจากนั้นเก็บมันใส่กลับไปในกระเป๋าเสื้อตามเดิม มองที่คอเนียนระหงแล้วลูบเบา ๆ มันเป็นรอยแต่ไม่นานจะหายไปอย่างรวดเร็ว ความคิดดังกล่าวทำให้เขาดึงคอเสื้อสเวตเตอร์กลับขึ้นไปดังเดิม
“มันเป็นเรื่องตลกสำหรับฉันที่เห็นเธอกลัวที่จะมีชีวิตรอด” เขาพึมพำพูดคนเดียวในความมืดขณะทัดผมเธอไปไว้ที่หลังหู
“ตอนนี้เธอมีชีวิตรอด แล้วเธอกลัวอะไร?” เขากระซิบถามทั้งที่รู้ว่าเธอไม่สามารถตอบเขาได้
ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินออกไปที่ระเบียงแล้วหายไปอย่างง่ายดายเหมือนตอนขามา เธอจะไม่มีทางรู้ว่าเขามาในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามเขาจะมาพบเธออย่างเป็นทางการในไม่ช้า เขาแทบทนรอไม่ไหวกับความสนุกที่กำลังจะเกิดขึ้น