“ให้ฉันลงแถวนี้เถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะเหมาแท็กซี่ไปพัทยาเอง”
เมื่อขับรถมาสักระยะหนึ่งแล้วพ่อจอมมารภามินยังเอาแต่หน้าบูดหน้าบึ้ง หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นเบาๆ และนั่นก็มีผลทำให้ใบหน้าคมเข้มกระชากใจหันมามอง
“ถ้าคิดจะมาเอง ทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนอยู่ที่บ้านล่ะ มาบอกอะไรตอนนี้”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบก็จริง แต่อัดแน่นไปด้วยความเดือดดาล ไม่พอใจมากมายแค่ไหนหล่อนรู้ดี รำไทยกัดปากแน่นข่มความหวาดหวั่นเอาไว้ในอก
“ฉันเกรงใจแม่ของคุณค่ะ”
รำไทยรีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวทั้งๆ ที่รถยังวิ่งอยู่ ซึ่งเป็นการบอกเป็นนัยว่ายังไงหล่อนก็จะลงจากรถคันนี้ และเหมาแท็กซี่ไปเอง
“แต่ไม่เกรงใจฉัน?”
รถคันงามถูกคนขับหักพวงมาลัยเข้าจอดริมฟุตบาท และคราวนี้คนตัวโตก็หันมาเผชิญหน้ากับหล่อนเขม็ง แสงสว่างจากเสาไฟฟ้าที่ส่องทาบลงมายิ่งทำให้ภามินดูเหมือนจอมมารมากยิ่งขึ้นอีกหลายเท่าตัว กระแสอำมหิตแผ่จากกายกำยำนั้นเข้าใส่ตาของหล่อนจนแสบมัว
“ก็เพราะเกรงใจนี่แหละค่ะ ถึงอยากให้คุณจอดรถ... แต่คุณก็จอดแล้ว ขอบคุณนะคะที่มีน้ำใจมาส่งถึงตรงนี้”
มือบางควานไปหาที่เปิดประตู แต่ก็ถูกภามินที่ตอนนี้ปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วเอื้อมมากระชากเอาไว้เสียก่อน เสมือนถูกไฟฟ้าช็อต จนร่างกายชาหนึบ ความรู้สึกวูบวาบที่เกิดจากสัมผัสกระด้างนั้นรุนแรงจนสาวน้อยถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ไม่ใช่แค่รำไทยคนเดียวหรอกที่รู้สึกช็อตขนาดนั้น เพราะภามินเองก็รู้สึกได้อย่างแจ่มแจ้งเลยทีเดียวกับปฏิกิริยาทางเพศที่มีต่อกัน
มันรุนแรงและลุกโชนขึ้นจนน่าตกใจ...
ไม่มีทางเขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกอยากครอบครองผู้หญิงคนไหนรุนแรงถึงเพียงนี้มาก่อน แล้วนี่เขาเป็นอะไรไป ทำไมถึง...
ภามินขยับขาของตัวเองเพื่อคลายความอึดอัดบางอย่างให้ลดลง แต่มันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยจริงๆ เมื่อสายตาของเขาจับจ้องอยู่กับกลีบปากสีแดงสดสั่นระริก ให้ตายเถอะ นี่เขาถูกเสน่ห์ยาแฝด หรือว่าถูกน้ำมันพรายเข้ากันนะ ไอ้ความรู้สึกอย่างว่ามันถึงได้มีมากมายเกินขีดความควบคุมแบบนี้
“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ทำไมจะไปไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อฉันมีขา กรุณาปล่อยแขนของฉันด้วยค่ะ ฉันจะลง” หญิงสาวสะบัดตัวแรงๆ แต่ก็ไม่สามารถหลุดจากพันธนาการเถื่อนของภามินได้ ยิ่งหล่อนดิ้นเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงกดของนิ้วมากขึ้น จนหล่อนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บระบมที่แขน
“อย่าปากดี นั่งเฉยๆ ฉันจะไปส่งเธอให้ถึงที่เอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ รบกวนเวลาอันมีค่าของคุณเปล่าๆ เพราะฉันคิดว่าผู้ชายอย่างคุณไม่น่าจะว่างในเวลาแบบนี้สักเท่าไหร่”
ภามินแสยะยิ้มร้ายกาจ ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้านวลมากขึ้น สาวน้อยเอนศีรษะหนีสุดฤทธิ์แต่ก็ถูกมืออีกข้างหนึ่งของเข้าตรึงท้ายทอยเอาไว้ไม่ให้ถอยหนีได้อีก ปลายจมูกโด่งงามแทบจะชนกับแก้มนวลของหล่อน แถมไอ้ริมฝีปากสุดเซ็กซี่ของเขาก็ยังเกือบจะ...
บางทีเขาอาจจะจูบหล่อน... ไม่... เป็นไปไม่ได้ หญิงสาวขยับปากจะพูดแต่ก็ถูกคนตัวโตงับกลีบปากล่างอิ่มเอาไว้ ลิ้นแกร่งตวัดเลียไปมาอย่างหยอกเย้า
“อย่าค่ะ... นี่คุณจะทำอะไรคะ”
หัวใจสาวเต้นแรงโครมครามจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ความรู้สึกเร่าร้อนบางอย่างที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง ผีเสื้อหลายร้อยหลายพันตัวโบกสะบัดปีกอยู่ในช่องท้อง
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ แต่ยังไม่หยุดรุกรานปากสาวแม้แต่นิดเดียว “ฉันจะทำให้เธอเชื่องยังไงล่ะ”
และเวลานี้การจูบที่เคยหยอกเย้าแกล้งเล่นกลับกลายเป็นจุมพิตที่ดุดันหนักหน่วงและเรียกร้องให้ตอบสนอง ชายหนุ่มดันลิ้นของตัวเองเข้าไปในอุ้งปากหวานฉ่ำของรำไทย ตวัดรัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่แสนจะเงอะงะนั้นด้วยความหิวกระหายรุนแรง
หญิงสาวพยายามต่อต้าน พยายามต้านทานแต่ก็ไร้ผล เมื่อคนตัวโตใช้ประสบการณ์ทางเพศที่มีมากกว่าปลุกเร้าร่างกายสาวให้ตื่นเร้า ความร้อนฉ่าเดือดพล่านในกระแสเลือดรุนแรงขึ้นทุกขณะ และในที่สุดก็หยุดต่อต้าน ปล่อยให้คนตัวโตจูบเอาตามอำเภอใจ และก็เนิ่นนานนักกว่าทุกอย่างจะสิ้นสุด กว่าภามินจอมมารตัวร้ายจะยอมปลดปล่อยหล่อนจากวังวนเสน่หาที่พึ่งหลงเข้าไปเป็นครั้งแรกในชีวิต
“คนเลว...”
คนตัวโตขยับตัวกลับที่ด้วยท่าทางไม่แยแสว่าเมื่อกี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ก็แน่ล่ะสิ เขาคงทำกับคู่ขาบ่อยๆ หรือบางทีเขากับแม่ผู้หญิงพวกนั้นอาจจะไม่ได้จบแค่จูบในรถก็ได้ อาจจะทำอะไรเลยเถิดมากไปกว่านั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด โกรธนักที่หล่อนไม่สามารถต้านทานผู้ชายคนนี้ได้
“ถ้าไม่อยากถูกจูบอีกล่ะก็...” เขาหันมามองจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาเลือดเย็น
“นั่งนิ่งๆ แล้วเราจะไปถึงพัทยาโดยไม่ต้องเลี้ยวจอดข้างทางอีก”
อยากจะด่า อยากจะว่า อยากจะกระโจนเข้าข่วนหน้าพ่อคนจอมโอหังนัก แต่ก็ทำได้เพียงแค่คิดเท่านั้น เพราะรู้ตัวดีว่าไม่สามารถรับมือกับผู้ชายที่กระด้างทั้งกายและหัวใจอย่างภามินได้อย่างแน่นอน
รถสปอร์ตราคาแพงระยับเคลื่อนตัวออกจากที่อีกครั้ง และตลอดทางก็มีแต่ความเงียบงัน ต่างคนต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
โดยเฉพาะภามิน เขารู้สึกเกลียดชังตัวเองนักที่เผลอไปจูบปาก รำไทยเข้า แล้วดูสิ ร่างกายรวดร้าวหนักกว่าเดิมเป็นล้านๆ เท่าเสียอีก อึดอัดจนเป้ากางเกงแทบจะระเบิด ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีปากของผู้หญิงคนไหนหวานได้มากกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าแบบนี้มาก่อน
แต่เขาก็ค้นพบแล้วนี่... รำไทยไง แค่ได้จูบปากอิ่มๆ แสนหวานนั่น ร่างกายหนุ่มของเขาก็สะเทือนเลื่อนลั่นอย่างรุนแรงเสียแล้ว อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรต่อไปให้จบ ไอ้ความต้องการอยากจะจับเจ้าหล่อนนั่งลงมาบนตักแล้วจากนั้นก็เริ่มบทรักร้อนแรงในรถมันมีมากมายมหาศาลเหลือเกิน อยากจะ...
ศีรษะทุยได้รูปสวยสะบัดแรงๆ แม้อากาศที่เข้ามาแต้มผิวกายนั้นจะเย็นฉ่ำ แต่ทำไมนะ ทำไมเลือดหนุ่มในกายมันถึงได้ไม่ยอมเย็นลงเลย มันร้อนผ่าวเกินร้อยองศาเสียอีก
โธ่เว๊ย!
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับร่างกายของเขา ทำไมความรู้สึกทางเพศมันถึงได้เปราะบางจนน่าตกใจแบบนี้ ทำไมคนฉลาดอย่างเขาถึงปล่อยให้ตัณหาราคะมาครอบงำง่ายดายถึงเพียงนี้นะ