บทที่ 4

1179 Words
นพวิทช์คอร์ปอเรชั่น...           ลัลน์ลลินเดินออกมาจากห้องประชุมด้วยท่าทีอ่อนล้า ผลการประชุมที่ยังไม่สัมฤทธิ์ผล ตกลงผลประโยชน์ร่วมกันกับหุ้นส่วนไม่ได้ ทั้งๆ ที่มีการเปิดประชุมตั้งแต่เช้าแล้ว ทำเอาหญิงสาวแทบจะหมดแรงเลยทีเดียว           เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของตน ไม่ทันได้เอื้อมมือไปเปิดประตูห้อง เลขาสาวส่วนตัวก็เอ่ยเรียกไว้ซะก่อน           “คุณลลินคะ เจ้าหน้าที่ รปภ.บอกว่ามีแขกมาขอพบคุณลลินค่ะ”           “นัดไว้หรือเปล่า” ลัลน์ลลินถามเสียงเนือยๆ นาทีนี้อยากเข้าไปนั่งพักหัวสมองในห้องทำงานของตนสักสิบ-ยี่สิบนาที ก่อนจะออกไปหาอะไรรับประทาน เพราะนี่ก็เลยเวลามื้อเที่ยงไปนานแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย “ไม่ได้นัดไว้ค่ะ” เลขาสาวฯ เอ่ยตอบ และนั่นทำให้ผู้เป็นเจ้านายโบกมือบอกปฏิเสธในทันที   “ถ้ายังงั้นบอกเขาว่าพี่ไม่ว่างพบ” “ค่ะ คุณลลิน” ลัลน์ลลินพยักหน้ารับเอื้อมไปจับประตูห้องเปิดออกกว้าง แต่แล้วก็ต้องชะงักงันอีกครั้ง เมื่อได้ยินลูกน้องเอ่ยบอกต่อว่า “เดี๋ยวฟ้าจะไปบอกเขาค่ะ เอ่อ...ฟ้าลืมไป เขาบอกว่าให้บอกคุณลลินด้วยค่ะ ว่าเขาชื่อ ดิษกรย์” “ดิษกรย์...” ลัลน์ลลินเกิดอาการใจเต้นรัวกับชื่อที่แล่นมากระทบโสตประสาท จะมีคู่ค้าทางธุรกิจสักกี่คน ที่มีชื่อตรงกันกับคนที่เธอปักใจรักมาช้านาน “ฟ้า เดี๋ยวก่อน” ลัลน์ลลินตะโกนเรียกพร้อมกับเดินเข้าไปหาลูกน้อง “คะ คุณลลิน” เลขาสาวฯ หยุดเดิน แล้วหันมาเอ่ยถามผู้เป็นเจ้านาย “คนที่ชื่อดิษกรย์รออยู่ที่ไหน” “ในร้านกาแฟค่ะ คุณลลิน” “อืม...ฟ้าเอาแฟ้มเอกสารพี่ไปเก็บนะ เดี๋ยวพี่ไปดูว่าเขาคือใคร มาพบพี่เรื่องอะไร” “ค่ะ คุณลลิน” ยื่นแฟ้มเอกสารให้ลูกน้องแล้ว ลัลน์ลลินก็เดินเร็วๆ ตรงไปยังลิฟต์ กดเรียกให้ไปส่งเธอยังชั้นล่างของอาคารแห่งนี้ ซึ่งตึกสูงสิบชั้นเป็นของครอบครัวเธอ แบ่งให้บริษัทต่างๆ ได้เช่าเปิดสำนักงาน และชั้นล่างก็มีร้านค้าต่างๆ ขอเช่าเพื่อเปิดเป็นคอฟฟี่ช็อปรวมทั้งร้านอาหารด้วย ขณะอยู่ในลิฟต์ ลัลน์ลลินทั้งตื่นเต้นทั้งใจร้อน อยากรู้ว่าผู้ชายที่ชื่อดิษกรย์เป็นใครกัน จะใช่ ‘พี่ดิษ’ ที่เธอหลงรักหรือเปล่า           “ไม่มีทาง...คงไม่ใช่พี่ดิษที่จะมาพบเรา เขาไม่เคยติดต่อเราเกือบห้าปีแล้ว”           มันคือความจริงที่ทำให้เกิดเสียงสะอื้นขึ้น คลื่นความเจ็บปวดจู่โจมเข้าสู่หัวใจ หญิงสาวที่เติบโตเข้าสู่วัยแรกรุ่น ได้หลงรักเทิดทูนดิษกรย์เป็นอย่างมาก หัวใจของเธอมอบให้กับดิษกรย์เพียงผู้เดียว ถึงแม้อีกฝ่ายจะไปทำงานในประเทศนอร์เวย์เป็นเวลาถึงหกปีแล้ว และไม่เคยติดต่อหาเธอเลย กระนั้นหัวใจดวงนี้ก็ยังคงรักดิษกรย์ไม่มีเปลี่ยน คราวใดได้ยินชื่อของผู้ชายที่ตนหลงรัก ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน เมื่อลิฟต์เปิดออกกว้าง ก็รีบเดินตรงดิ่งเข้าไปในร้านกาแฟ และขณะเดินเข้าไปใกล้เจ้าหน้าที่รปภ. ก็เอ่ยถามอีกฝ่ายว่า           “คนไหนที่บอกว่ามาขอพบฉัน”           “ผู้ชายคนโน้นครับ ที่ใส่เสื้อสีดำนั่งหันหลังให้ครับ”           ลัลน์ลลินมองตามที่เจ้าหน้าที่รปภ.ได้ชี้นิ้วบอก เอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะเดินปรี่เข้าไปหา ดวงตากลมโตจับจ้องมองผู้ชายคนดังกล่าวซึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟโดยไม่กะพริบตา ในใจนั้นบอกว่า ผู้ชายคนนี้มีกริยาท่าทางและรูปร่างเหมือนพี่ดิษซะเหลือเกิน           ทันทีที่เดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ และอาคันตุกะที่มาขอพบเงยหน้าขึ้นมอง หัวใจดวงน้อยก็เต้นรัวเร็วแทบจะทะลุออกมาข้างนอก พร้อมๆ กับน้ำเสียงที่เอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยความตื่นเต้นดีใจ           “พี่ดิษ!”             ดิษกรย์ก้าวลงจากรถยนต์ ร่างใหญ่ล่ำสันเงยหน้าขึ้นมองตึกหรูหราสูงนับสิบชั้น มีป้ายชื่อติดไว้ใหญ่โตด้านหน้าตึกว่า ‘นพวิทช์คอร์ปอเรชั่น’ ตึกแห่งนี้นอกจากจะออกแบบสร้างได้อย่างทันสมัยแล้ว ยังมีสภาพใหม่ราวกับเพิ่งสร้างเสร็จได้แค่ไม่กี่ปี           “ฮึ! ตึกสูง ดูหรูหราคงใช้เงินเป็นร้อยล้านเพื่อสร้างตึกแห่งนี้ และเงินจำนวนนั้นก็คงได้มาจากการโกงเพื่อนรัก”           น้ำเสียงที่เค้นลอดไรฟันฟังดูน่ากลัว ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะก้าวเดินเข้าไปภายในตัวอาคาร และแจ้งกับเจ้าหน้าที่รปภ.ว่าต้องการมาพบใคร           “ผมมาขอพบคุณลัลน์ลลิน”           “นัดท่านประธานไว้หรือเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่รปภ.เอ่ยถามตามระเบียบปฏิบัติ           และดิษกรย์ก็ส่ายหน้าปฎิเสธ “ไม่ได้นัดไว้ แต่ช่วยบอกเธอว่า ดิษกรย์มาขอพบ”           รอยยิ้มเยาะหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม ขณะเอ่ยบอกชื่อของตน           “รอสักครู่ครับ ผมจะวอ.แจ้งเลขาฯ ของท่านประธานก่อนครับ แต่ไม่รับปากว่าท่านประธานจะให้พบหรือเปล่า”             “ให้พบแน่”           ดิษกรย์ยิ่งกว่ามั่นใจว่าลัลน์ลลินต้องแจ้นมาพบเขาในทันทีที่ได้ยินชื่อของเขา เพราะหญิงสาวคงอยากรู้ว่าใครกัน? ที่ชื่อดิษกรย์และมาขอพบเธอในวันนี้   แน่นอนว่าดิษกรย์รู้อยู่เต็มอกว่าลัลน์ลลินหลงรักเขามาตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยสาว ทว่า...เขาไม่เคยสนใจหญิงสาว หรือคิดเกินเลยไปมากกว่าการเป็นน้องสาว ในวันที่เขาไปทำงานในประเทศนอร์เวย์ เขาจำได้ขึ้นใจว่าเห็นลัลน์ลลินร้องไห้ตอนไปส่งเขาที่สนามบินด้วย  เขาไปทำงานในประเทศนอร์เวย์เป็นเวลาหกปีแล้ว สองปีแรก...ลัลน์ลลินส่งข้อความหาเขาสม่ำเสมอ และเขาก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบข้อความของหญิงสาวอีกเลย และเขาคิดว่าหญิงสาวคงมีคนรัก แต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ทว่า...จากการสืบเสาะประวัติของลัลน์ลลินก่อนจะลงมือแก้แค้น ทำให้เขารู้ว่าตลอดระยะเวลาหกปี หรือจะเรียกว่าตั้งแต่แรกเริ่มเข้าสู่วัยสาว ลัลน์ลลินไม่เคยมีคนรัก ไม่เคยออกเดทกับผู้ชายคนไหนแม้แต่คนเดียว ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าหญิงสาวยังรักและรอเขาอยู่เหมือนเดิม และเมื่อครอบครัวของลัลน์ลลินและตัวเธอทำร้ายครอบครัวของเขาจนพังพินาศ เขาจะใช้ ‘ความรัก’ ที่ลัลน์ลลินมีต่อเขา เป็นเครื่องมือทำให้หญิงสาวเจ็บปวดเหมือนตายทั้งเป็น!!!           ดิษกรย์สั่งกาแฟมาจิบอย่างใจเย็น กล้าเอาหัวเป็นประกันว่าลัลน์ลลินต้องลงมาพบเขาอย่างแน่นอน และก็เป็นเช่นดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อร่างบางระหงเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าและเอ่ยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น           “พี่ดิษ!” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD