บทที่ 7

1187 Words
ลัลน์ลลินไม่มีโอกาสได้ยินคำเค้นพูดของดิษกรย์ และไม่มีโอกาสรู้ว่าคนที่เธอปักใจรักจนหมดหัวใจนั่นแหละคือคนร้ายที่จับตัวเธอมา           “อย่าเพิ่งไป ได้โปรด...ปล่อยฉัน...พี่ดิษ...พี่ดิษอยู่ไหน คุณทำร้ายเขาหรือเปล่า”           ลัลน์ลลินยังคงตะโกนไม่หยุด เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนร้าย ก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้กับพื้น ในหัวนั้นคิดว่าตัวเองถูกจับมาเรียกค่าไถ่แน่นอน แล้ว...ดิษกรย์อยู่ไหน เขาถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือถึงชีวิตหรือเปล่า หรือเขาถูกจับตัวไว้เรียกค่าไถ่เช่นเดียวกัน           ลัลน์ลลินร้องไห้อยู่อีกหลายนาที กระทั่งมือเล็กวาดไปโดนขวดน้ำและแซนวิช จึงคิดได้สติ ในนาทีนี้ร้องห่มร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอต้องกินอาหาร ดื่มน้ำให้มีแรง ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้เธออาจสบโอกาสในการหนีเอาตัวรอดก็ได้           ดิษกรย์จ้องบานประตูเขม็งราวกับจะมองให้ทะลุเห็นคนที่อยู่ข้างใน รอยยิ้มแห่งความสะใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม น้ำเสียงเย็นยะเหยือกหลุดลอดออกมาจากริมฝีปาก แม้กระทั่งสมพงษ์ยังนึกหวาดกลัวแทนเชลยสาว           “พรุ่งนี้ คุณจะได้พบกับคนที่คุณตะโกนเรียกหา แต่เขาจะไม่ใช่พี่ดิษของคุณอีกต่อไปแล้ว เขาจะเป็นซาตาน! ที่จะทำให้คุณเจ็บเหมือนตายทั้งเป็น” ลัลน์ลลินบอกตัวเองให้เอนตัวลงนอน และพยายามข่มตาให้หลับเพื่อเก็บเรี่ยวแรงไว้ เพราะไม่รู้ว่าในวันพรุ่งนี้จะต้องเจอกับอะไรบ้าง แม้พยายามบอกตัวเองเช่นนั้น ทว่า...พอเรือนกายแตะโดนเตียงนอนแคบๆ แข็งกระด้างไม่ต่างจากไม้กระดาน ก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ ความหวาดกลัว กอปรกับเป็นห่วงดิษกรย์ยังคงวิ่งวนอยู่ทั่วหัว กระทั่งเกือบรุ่งสางจึงผล็อยหลับเพราะความอ่อนเพลีย           แต่ลัลน์ลลินนอนหลับได้ไม่ถึงสองชั่วโมงดี ก็ต้องสะดุ้งตื่นกับเสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วในตอนเช้า และอีกไม่กี่นาทีต่อมาก็ได้ยินเสียงบานประตูลั่น ก่อนจะเปิดออกกว้างโดยใครบางคนที่ยืนจังก้าอยู่ตรงกลางช่องประตู           “คุณ...คุณเป็นใคร ต้องการเงินค่าไถ่เท่าไร บอกมา”           เพราะลำแสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องมาตรงช่องประตูพอดี ทำให้ลัลน์ลลินมองเห็นสีหน้าของคนร้ายไม่ชัด หญิงสาวพยายามตะโกนต่อรอง เผื่อว่าคนร้ายจะตกลงกับเธอง่ายๆ           ทว่า...สิ่งที่ลัลน์ลลินได้รับจากคนร้ายคือ เสียงหัวเราะร่วนราวกับขบขำในเรื่องที่ได้ยิน เสียงหัวเราะที่แล่นมากระทบโสตประสาท ทำให้ลัลน์ลลินต้องขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งและเกิดคำถามขึ้นมาว่า           “ทำไม...เหมือนเสียงหัวเราะของพี่ดิษเลย”           ความสงสัยไม่ต้องอยู่กับลัลน์ลลินนานเกินควร เมื่อเจ้าของเสียงหัวเราะได้ก้าวเดินช้าๆ ราวกับราชสีห์กำลังย่างเท้าเข้าหากระต่ายน้อย เผยใบหน้าให้ลัลน์ลลินได้เห็นอย่างชัดเจน           “พี่ดิษ!” ลัลน์ลลินตะโกนเรียกด้วยความดีใจ เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ร่างบางโผเข้าไปหาดิษกรย์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับเอ่ยถามชายหนุ่มด้วยความโล่งอกเป็นที่สุด “พี่ดิษปลอดภัยใช่ไหม พี่ดิษมาช่วยลลินแล้ว” เมื่อวิ่งถลาเข้าไปใกล้ ลัลน์ลลินก็อ้าแขนออก จะโผเข้าสวมกอดร่างใหญ่ของคนที่ตนรัก แต่แล้ว...ร่างบางก็ลอยเคล้งไม่ต่างจากนกปีกหัก ล้มลงฟุบอยู่กับพื้นสกปรก เพราะถูกดิษกรย์ผลักเต็มแรงอย่างไม่ปราณีปราศรัย “พี่ดิษ...ผลักลลินทำไมคะ” ดิษกรย์ก้าวเท้ามาหยุดยืนค้ำหัวคนที่เงยหน้ามองตนด้วยแววตางุนงง จากนั้นก็ยิ้มเยาะหยัน จ้องมองลัลน์ลลินเขม็ง เอ่ยตอบเสียงห้วนไม่มีเพราะพริ้งเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว “ก็เพราะไม่ต้องการให้คุณกอดผมยังไงละ” ความงุนงงจู่โจมเข้าหาลัลน์ลลินมากกว่าเดิมขณะเอ่ยถามออกไป “พี่ดิษกำลังพูดเรื่องอะไรคะ พี่ดิษมาช่วยลลินแล้วใช่ไหม ลลินอยากออกไปจากที่นี่ ลลินกลัว...” “ทำไมผมต้องช่วยคุณออกไปด้วย ก็ในเมื่อผมเป็นคนจับคุณมาขังเองกับมือ” “อะ...อะไรนะคะ” ลัลน์ลลินทวนคำเสียงสูง เอ่ยถามกลับราวกับฟังผิดไป “พี่ดิษล้อเล่นใช่ไหมคะ” “ใครล้อเล่นกับลูกของศัตรูที่ทำให้พ่อของตัวเองต้องตาย ใครล้อเล่นกับผู้หญิงที่มีจิตใจโหดเหี้ยม ไล่คนแก่คนหนึ่งซึ่งไม่มีที่ซุกหัวนอนออกจากบ้าน ทั้งๆ ที่ท่านยกมือไหว้วิงวอนทั้งน้ำตา” น้ำเสียงแข็งห้วน รวมทั้งสีหน้าถมึงทึง ดวงตาวาวโรจน์โชนไฟแค้นที่เผยให้เห็นอย่างชัดเจน ทำเอาลัลน์ลลินหวาดกลัวจนตัวสั่น เพราะไม่เคยเห็นดิษกรย์มองเธอด้วยแววตาเช่นนี้มาก่อน “พี่ดิษ...พูดเรื่องอะไร ลลินงงไปหมดแล้ว” ขณะเอ่ยถามเสียงสั่น ลัลน์ลลินค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นยืน ก้าวเดินเข้าหาดิษกรย์อีกครั้ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปข้างหน้า หมายจะจับต้นแขนของดิษกรย์ไว้ และดิษกรย์ก็สนองความต้องการของหญิงสาว มือใหญ่คว้าหมับบนต้นแขนเล็ก ทว่า...ชายหนุ่มไม่ได้เอื้อมจับด้วยความอ่อนโยน คงมีแค่เพียงความเจ็บปวดที่มอบให้ ขณะบีบบนต้นแขนเล็กแล้วกระชากร่างบางให้ถลามาปะทะกายตนเต็มแรง “พี่ดิษ...ลลินเจ็บ...” “เจ็บยังงั้นรึ!” ดิษกรย์ตะคอกถาม คราวนี้มือใหญ่เลื่อนมาจับตรงลาดไหล่เล็ก บีบเข้าหากันแน่นพร้อมกับเขย่าร่างบางเต็มแรง เค้นเสียงถามเย็นยะเหยือกด้วยความโกรธจัด “ที่คุณเจ็บมันยังไม่เท่ากับที่แม่ของผมได้รับ ท่านต้องสูญเสียคู่ชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งชีวิต ท่านต้องสูญเสียบ้านที่ท่านรักเพราะพ่อของคุณ และท่านก็ถูกคุณไล่ออกจากบ้านไม่ต่างจากสัตว์ตัวหนึ่ง!” ลัลน์ลลินเจ็บจนน้ำตาแทบร่วง เริ่มปะติดปะต่อกับคำพูดที่ดิษกรย์ได้เค้นออกมา และแน่นอนว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่นิดเดียว “พี่ดิษกำลังเข้าใจผิด คุณพ่อไม่ใช่ต้นเหตุให้คุณลุงตรัยต้องฆ่าตัวตาย ลุงตรัยและคุณป้าทำร้ายตัวเองต่างหาก” ลัลน์ลลินแก้ต่างให้กับบิดา และก็ต้องสะอึกกับคำพรุสวาทจากคนตรงหน้า “สารเลว! ทำให้คนแก่คนหนึ่งต้องฆ่าตัวตายเพราะถูกโกงหมดตัวแล้ว คุณยังโยนความผิดให้กับคนตายอีก” “ฉันพูดเรื่องจริง” ลัลน์ลลินพยายามสะบัดตัวให้พ้นจากมือใหญ่ขณะโต้เถียง แต่ก็ไม่อาจเป็นอิสระได้ เมื่อดิษกรย์ยังคงบีบหัวไหล่ทั้งสองด้านไว้แน่น จนหญิงสาวต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ “และฉันไม่เคยไล่คุณแม่ของคุณออกจากบ้าน คุณป้าต่างหากที่เป็นฝ่ายขอออกจากบ้านเอง คุณป้าใส่ร้ายฉัน...” เผียะ!!! ลัลน์ลลินพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็ต้องตกตะลึงคาดไม่ถึง เมื่อถูกดิษกรย์ตบหน้าจนชาไปทั้งแถบ “พี่ดิษ!” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD