bc

ตัวตึงขุม​ 8

book_age12+
4
FOLLOW
1K
READ
adventure
others
comedy
no-couple
evil
demon
others
like
intro-logo
Blurb

"เอามันไปลงกระทะทองแดงบัดเดียวนี้!!!" .. "กระผมคิดว่าบางที​ กระผมนำวิญญาณมาผิดตน" ดังนั้นวิญญาณโชคร้ายจึงถูกส่งขึ้นไปเกิด​ แต่หารู้ไหมว่าการเกิดใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าจะสร้างปัญหาปวดหัวให้เขาเกือบทุกครั้งไป​ และการผจญภัยครั้งใหม่จึงเริ่มขึ้น​บทสรุปจะเป็นเช่นไรและเขาจะสามารถหยุดวัฏจักรนี้อย่างไร...

chap-preview
Free preview
บทที่หนึ่ง​ รับวิญญาณ
เวลา 15.30 นาฬิกา ณ แยกวงเวียนใหญ่ซึ่งเป็นเวลาเร่งรีบแออัดบนท้องถนน แต่วันนี้การสัญจรแน่นเป็นพิเศษรถไม่สามารถเคลื่อนย้ายเป็นเวลาหลายชั่วโมง เสียงบีบแตรไล่หลังดังต่อกันเป็นทอด คันนี้บีบที คันนู้นบีบทีอีกคันก็บีบตามและตาม ๆ กันเป็นสายโดยไม่รู้สาเหตุของการติดแหง็กครั้งนี้ แต่ความสงสัยก็ถูกคลี่ลายลงเมื่อเสียงของรถหวอแทรกตัวผ่านเข้ามาในดงรถเล็กรถใหญ่ขับเคลื่อนเรียงกันเป็นแถวแนวยาวประมาณสามถึงสี่คันและดูเหมือนว่าจะมีวี่แววตามมาอีกไม่มากก็น้อย บ่งบอกว่าอุบัติเหตุที่เป็นสาเหตุของการจราจรครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรเป่านกหวีดเพื่อช่วยเคลียร์พื้นที่และช่วยคลี่คลายปัญหาการจราจร ส่วนบุรุษพยาบาลต่างพากันแบกหามเร่งลำเรียงคนเจ็บที่ดูวิกฤตมากสุดไปหาน้อยสุด “ตรงนั้นเป็นยังไงบ้าง” บุรุษพยาบาลตะโกนถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจสอบสัญญาณชีพผู้ประสบเหตุที่ติดอยู่ในรถกระบะคันสีดำประสานงากับเก๋งสีบอนจนฝากระโปรงหน้าทั้งสองยับบี้แทบประชิดพวงมาลัย มิหนำซ้ำฝั่งรถกระบะยังมีรถชนท้ายซ้อนถึงสามคันและปิดท้ายด้วยรถสิบล้อเป็นลำดับที่สี่ เจ้าหน้าที่ส่ายหน้าช้า ๆ และเมื่อได้คำตอบอย่างนั้นแล้วจึงหันเบนยกเปลสนามสีส้มแสดพุ่งตรงไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งมีรถกะบะสีขาวนอนตะแคงเทกระจาดบนคอนกรีต ผู้โดยสารท้ายกะบะต่างพากันร้องโอดโอย เมื่อทยอยส่งคนบาดเจ็บขึ้นรถจนเกือบหมดก็ถึงคิวชายหนุ่มอายุราวยี่สิบต้น ๆ สวมหมวกกันน็อกนอนหมดสติอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์ “คุณครับ คุณ คุณได้ยินไหม?” เขาเริ่มถามเช็กสติและต่อจากนั้นจึงตบต้นแขนชายตรงหน้าเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยเรียกอีกครั้งจากนั้นจึงวัดชีพจร เมื่อปลายนิ้วสัมผัสกดทับเส้นเลือดแดงบริเวณลำคอใกล้กับหลอดลม ทันใดนั้นเองความสีหน้าความแปลกประหลาดใจก็ฉายขึ้น เขามองพินิจพิจารณาเด็กหนุ่มผู้ซึ่งไร้บาดแผล แต่กลายเป็นร่างไร้วิญญาณ “เป็นลมเหรอพี่?” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งถามขึ้นก่อนจะวางแปลลงที่พื้นเพื่อเตรียมย้ายผู้ป่วย “เปล่า… เสียชีวิตน่ะ” “หะ?พี่ว่ายังไงนะ?” “ได้ยินไม่ผิดหรอก แปลกใจเหมือนกัน ไม่มีบาดแผลร่องรอยการชนเลยสักนิด มีแค่รอยถลอกเล็กน้อยเท่านั้นเอง” เขามองสำรวจรอยถลอกตามแขนขาที่แทบจะนับจุดบาดเจ็บได้ “พี่อย่าอำผมสิ แปะปลาสเตอร์ก็หาย” เขาส่ายหน้าเล็กน้อยจากนั้นจึงเอานิ้วชี้ยื่นไปที่ปลายจมูก จากตั้นจึงรีบแตะชีพจรตรวจสอบทันที “พูดความจริง ไม่ได้โกหก เอาละทำงานต่อกันได้แล้ว” หลังจากหน่วยกู้ชีพเสร็จภารกิจการจราจรก็เริ่มขยับตัวอีกครั้ง ****** “ตื่น!” เสียงน่าเกรงขามขานเรียก จากนั้นคนถูกเรียกก็ลืมตาขึ้นมองช้า ๆ เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อสู้แสงแดด “ครับ?ผมเหรอครับ?” “อืม ลุกขึ้น” “… ครับ” เขาลุกขึ้นตามคำสั่งอย่างว่าง่าย มองไปรอบทิศด้วยความงุนงงก่อนจะผงะตกใจยกแขนขึ้นปิดตา ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวเองว่ากำลังยืนอยู่กลางถนนที่เต็มไปด้วยรถวิ่งขวักไขว่ “อ๊ากกกกกกกก!ชน!ชน!ตายแน่!” รถบรรทุกของกำลังวิ่งพุ่งเข้ามา… และผ่านไป “ฟู่!รอด!รอดได้ไงเนี่ย?ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือก คว้าสร้อยพระที่ค้อยไว้ที่คอกำขึ้นประนมมือ “… รอดกับผีน่ะสิ” “ครับ?ว่ายังไงนะครับ?” “ไปกันได้หรือยัง?” “ผมต้องไปไหน?ก่อนอื่นผมว่าเราเลิกยืนคุยกันกลางถนนเถอะ รถชนตายไม่รู้ด้วยนะครับ” พูดจบเขาก็วิ่งข้ามไปยืนบนฟุตบาท “เร็วครับ ระวังรถ” เขากวักมือเรียกชายแปลกหน้า “เห้ยคุณ!มองรถด้วยสิครับทำไมถึง…เดินทะลุรถ…” “ไปกันได้ยัง?” เขาถามด้วยน้ำเสียงปรกติ “… ค-คุณเป็นใคร?ไม่สิ คุณเป็นตัวอะไรกัน?” เด็กหนุ่มถอยกรูดไปด้านหลังเล็กน้อย เสียงสั่นอย่างหวาดกลัว และเมื่อกวาดสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าก็สังเกตถึงความผิดปรกติที่เขาเพิ่งจะรู้สึก ชายแปลกประหลาดตรงหน้านี้มีรูปร่างสูงใหญ่เห็นจะสูงราวสองเมตร สีผิวคมเข้ม เปลือยท่อนบน ท่อนล่างนุ่งโจงกระเบนแดงและไม่สวมใส่รองเท้า “ตัวอะไรอย่างนั้นหรือ!” ชายนุ่งโจงกระเบนกำปั้นเขกลงบนศีรษะเด็กหนุ่มที่พูดจาไม่เข้าหู “โอ้ย!แล้วทำไมคุณเไม่โดนรถชน” เขายกมือขึ้นลูบบริเวณที่โดนโขก “เจ้าชื่อวรนนท์ใช่หรือไม่?” “คุณไม่ตอบผม ผมก็ไม่จำเป็นต้องตอบคุณ” “เดี๋ยวก็ปล่อยให้เป็นผีเร่ร่อนซะนี่!” “ครับ?อะไรเร่ร่อน?” “เจ้าใช่วรนนท์ไหม?” เขาถามย้ำและก็ถูกเมินเช่นเดิม “…” “เพราะตอนนี้เจ้าได้ละทิ้งกายหยาบแล้ว” วรานนท์ขมวดคิ้ว “กายหยาบ?คุณพูดเหมือนว่าผมเป็นวิญญาณอย่างนั้นแหละ ตลกแล้ว… คุณเป็นนักมายากลใช่ไหม?” เขาหรี่ตาจ้องจับผิด “วรนนท์ใช่หรือไม่?” น้ำเสียงและสีหน้าเบื่อหน่ายที่ต้องถามซ้ำเป็นครั้งที่สาม เขาไม่เคยมารับวิญญาณที่รู้ตัวช้าขนาดนี้มาก่อน มิหนำซ้ำยังต่อปากต่อคำเก่งเหลือเกิน “ครับ วรานนท์” “คราวนี้คงตามข้ามาได้สักที” เมื่อจบประโยคของชายร่างโต ด้ายสีแดงมีแสงเรืองก็ปรากฏขึ้นพันมือวรานนท์ “ครับ?ผมไม่ไป ปล่อยผม!กลอะไรของคุณอีกผมไม่ตลก” วรานนท์พยายามดิ้นและทุกครั้งที่ดิ้น​ด้ายแดงก็เปล่งแสงออกมา “โอ้ยยยย ทำไมปวดแสบปวดร้อนขนาดนี้ คุณตัวประหลาดไอ้ด้ายแดงนี้มันคืออะไร ทำไมมันเหนียวแบบนี้” “ทด ข้าชื่อทดเป็นยมบาลหาใช่ตัวประหลาด” ยมบาลทดถอนหายใจ “ยมฯ ชื่อก็โบราณ จากนักมายากลมาเป็นยมบาล หรือว่าแกคือสิบแปดมงกุฎ!ออกไปห่าง ๆ ผมเลยนะ” วรานนท์ถอยหลังไปอีกก้าวมองด้วยความระแวง “ข้าไม่ใช่โจร อะแฮ่ม!ข้าคือยมบาลแห่งปรโลกเป็นลูกน้องของท่านพญายมราช ข้ามีหน้าที่มารับดวงวิญญาณเช่นเจ้า” เขาอธิบายยศตำแหน่ง “ใช่แน่ ๆ ศรีธัญญาจ๋าคนบ้าอยู่นี้!” เขาหันเพื่อหาคนขอความช่วยเหลือ “คุณตำรวจครับช่วยผมด้วย คนบ้าจับผมมัด ช่วยด้วยยยยยยย” ยมบาลทดยืนมองวิญญาณตื่นตูมอย่างหน่ายใจ ระหว่างนั้นตำรวจที่กำลังดูแลความเรียบร้อยก็เดินผ่านมาทางวรานนท์ ยมบาลทดจึงทำให้มีเสียงข่าวดังออกมาจากวิทยุสื่อสาร ‘ข่าวด่วน เกิดอุบัติเหตุใหญ่ที่แยกวงเวียนใหญ่เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง มีมอเตอร์ไซค์ปาดหน้ารถกะบะทำให้เสียหลักพุ่งเข้าชนเก๋ง’ “เห้ยยยย แค่คลื่นมันพันกัน แค่คลื่นมันมั่ว” นายตำรวจปลอบใจตัวเองก่อนจะรีบปิดสัญญาณเพื่อความสบายใจของตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่คลื่นจะมาแทรกแถมยังเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไม่ถึงชั่วโมง ‘รถที่ตามมาชนต่อท้ายกันเป็นโดมิโน่ เคราะห์ร้ายสิบล้อพุ่งอัดยับ…’ “ผีหลอก!!” วอวิทยุสื่อสารถูกโยนลอยกลางอากาศตกกระทบพื้นจนแตกกระจาย ส่วนคนโยนวิ่งหนีไปตั้งหลักห่างออกไปเกือบหนึ่งกิโลเมตร “ได้ยินแล้วใช่ไหม?ไปกันได้หรือยัง?” “เดี๋ยวครับ” “ไม่เดี๋ยว ข้าเสียเวลากับเจ้านานมากพอสมควร นานจนจะตามตนอื่นไม่ทันแล้ว” “ผมขอพิสูจน์ให้แน่ใจก่อน” วรานนท์ต่อรอง เขาสูดลมหายใจเข้าสุดปอดเมื่อได้จังหวะจึงเดินไปหยุดยืนบนถนนเลนซ้าย มอเตอร์ไซค์คันสีเหลืองกำลังแล่นพุ่งเข้ามา หากคนขับเห็นว่ามีคนยืนขวางหน้ารถ อย่างไรเสียดขาก็ต้องเบรก “ลองทั้งทีทำไมไม่กลางถนนไปเลยละพ่อหนุ่ม” “ถ้าคุณหลอกผม ผมก็ตายฟรีสิ” เขาหันไปตอบโต้ ขณะที่เขาหันไปคุยกับยมบาลทดรถมอเตอร์ไซค์คันเหลืองที่เขาเล็งไว้เพื่อพิสูจน์ก็แล่นผ่านทะลุร่าง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนโดยฉับพลัน “เขาไม่เห็นผม รถไม่ชนผม รถมัน… มันทะลุผ่าน นี่ผมตายแล้วจริง ๆ เหรอครับ?” เขาเบิกตากว้างโพลงยิงคำถามที่ยมบาลทดพยายามเทียวบอกตั้งแต่มารับตัว “อืม เจ้าน่ะตายแล้ว คราวนี้เชื่อสักที ไปกันได้แล้วนะ” “เดี๋ยวครับ!คราวนี้ผมขอรถคันนั้น” เขาชี้ไปยังรถหรูสีเขียวสะท้อนแสงราคาหลายสิบล้าน “โอ้ย!ไม่ต้องพิสูจน์อะไรแล้ว มีเวลาให้พิสูจน์อีกเยอะ ตอนนี้ตามมา!ข้าไม่ทนเจ้าอีกแล้ว” จากนั้นยมบาลทดจึงเดินนำหน้านำทางวรานนท์ไปยังปรโลก โดยมีด้ายแดงพันล็อกไว้ตลอดการเดินทาง

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ผู้เล่นเอาชีวิตรอด

read
1K
bc

ระบบสร้างผู้กล้า

read
1K
bc

บุตรเขยเด่นพิเศษ

read
23.3K
bc

King! เกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่งชิง

read
1K
bc

Primeval period.อาถรรพ์โลกล้านปี

read
1K
bc

เกาทัณฑ์ เงาจันทร์ จูบ

read
1K
bc

เทพมารตกสวรรค์

read
1.1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook