กรวิการับประทานอาหารเช้าเสร็จจึงออกไปดูบ้านใกล้ๆ ซึ่งปกป้องได้บอกเอาไว้ว่า เจ้าของปล่อยให้เช่า ได้กุญแจบ้านมาจากมารดาของซึ่งอีกสักพักจะตามมาดูแลเรื่องความสะอาด
บ้านหลังใหญ่กว่าครอบครัวของปกป้อง ได้รับการดูแลจนสะอาดสะอ้านเหมือนบ้านที่มีคนอาศัยอยู่ทุกวัน ด้านหน้าเป็นนอกชานคล้ายกับบ้านของปกป้องเช่นกัน กรวิกายิ้มน้อยๆ มองดูบริเวณโดยรอบ ซึ่งมีข้าวของไม่มากนัก โล่งโปร่งสบายเหมาะกับการทำงาน ด้านนอกโดยรอบเป็นนาข้าวมีถนนสายเล็กๆ อยู่ทางด้านหน้าตัวบ้าน แต่คนที่นี่ส่วนใหญ่ใช้พาหนะเป็นเรือซึ่งถือได้ว่าค่อนข้างสะดวก
“จะอยู่นานเท่าไร” เสียงของปยุดาทำให้กรวิการีบหันมายิ้มให้
“สักพัก ไม่รู้เหมือนกัน” กรวิกาบอก การพูดคุยคล้ายดั่งเป็นคนรู้จักที่สนิทสนมกัน ทั้งสองสาวไม่ค่อยรู้สึกอะไรนัก แต่ป้องปกกับมารดานั้นรู้สึกได้และอยากให้เป็นเหมือนที่เป็นอยู่ อยากให้ทั้งสองสาวสนิทสนมและเป็นมิตรกันท่าทางจะเป็นไปได้ด้วยดี มารดาของปกป้องยืนมองมาจากนอกชานบ้านของตัวเอง ยิ้มเมื่อเห็นกรวิกากับปยุดาเดินดูรอบๆ บริเวณบ้านด้วยกัน
“เป็นจิตรกรอย่างเดียว หรือ สอนหนังสือด้วย” ปยุดาถาม
“สอนหนังสือไม่ได้หรอก พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง”
“เออจริงด้วย ไม่น่าถาม” ปยุดาหัวเราะ
“ไม่ต้องไปทำงานหรือ”
“อยากมีที่ทำงานแบบนี้บ้างจัง แบ่งให้เค้าเช่าไหม คนละครึ่ง”
“ไม่เอาหรอก เบื่อคนชอบชวนทะเลาะ” กรวิกาแอบยิ้มและเริ่มเปิดหน้าต่างจนครบทุกบาน
“ไม่ใช่นักรบสักหน่อย จะได้ชวนทะเลาะน่ะ”
“แน่ใจเหรอว่าไม่ใช่นักรบ ท้ารบตลอด” กรวิกาบ่นพึมพำ
“แต่รบกับตัวเองสนุกออกนะ” ปยุดาหัวเราะคิกคัก
“เพื่อนเล่นปะเนี่ย มาตัวเอง มาเค้าน่ะ” กรวิกาบอก
“ไม่เคยแทนตัวเอง หรือเรียกใครแบบนี้เลยนะ ตัวเองเป็นคนแรก”
“ต้องภูมิใจหรือเปล่า”
“ควรนะ โหเค้าอะ สวย ไฮโซ น่ารัก แถมติงต๊องให้ตัวเองด้วย เป็นพิเศษ” ปยุดาหัวเราะคิกคัก
“ไปทำงานเถอะ ยิ่งคุย ยิ่งเหนื่อย”
“ไล่ตลอด ไปไหนกับใคร อย่ามารำพึงว่า หวง ให้ได้ยินอีกล่ะ”
“ใครหวง ไม่มี๊” กรวิกายิ้มๆ
“รู้แล้วกัน เอ้า เอาเครื่องโทรศัพท์ไว้ ป้องเอาซิมการ์ดเบอร์ตัวเองใส่ให้แล้ว เครื่องไม่น่าจะรอด เดี๋ยวซื้อเครื่องใหม่มาใช้ให้
นะ” ปยุดาบอกจับมือของกรวิกาหงายขึ้นและวางโทรศัพท์ลงที่มือ
“ไม่เอาล่ะ ไม่ต้องใช้ก็ได้ ปกติทำงานไม่ได้รับโทรศัพท์อยู่แล้ว”
“เค้าอยากโทรฯ มายั่ว ก็ไม่ได้ดิ” ปยุดาพูดเสียงอ่อยๆ ทำตาปริบๆ จนกรวิกาหัวเราะออกมาและยอมใจอ่อน
“ยั่วโมโหได้ตลอด”
“แล้วมาขำอะไร” ปยุดาถามยิ้มๆ
“ไม่เอาแล้ว เอาคืนไปเลย ตอนแรกสงสารนะ”
“โอ๋ๆ สงสารเค้าเหอะนะ นานๆ จะมีคนหลงมาให้อ้อนสักที”
“ทำไมคิดว่าหลง ไม่คิดว่าตั้งใจหรือ” กรวิกาพูดขึ้น โดยไม่ได้สนใจคนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จ้องมองดูคนที่ยังคงเดินไปดูส่วนโน้น ส่วนนี้ของตัวบ้าน
“ก็ดี งั้นเค้าจะตั้งใจอ้อนนะ ขยันทำงานด้วย อย่าอู้ โทรฯ มารับด้วยล่ะ จิ้มเบอร์โทรศัพท์เก็บไว้ให้แล้ว” ปยุดาหัวเราะคิกคักรีบ
วิ่งลงจากบ้านไปก่อน กรวิกาส่ายหน้ายิ้มๆ มองตามคนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับไป
“เกือบเหมือนในฝัน ขาดแต่เรื่องเซ็กซี่สินะ แม่ช่างยั่ว” กรวิกายิ้ม
การบูรณะซ่อมแซมอุโบสถด้านนอกเริ่มมาได้สักพักใหญ่ ปกป้องมาช่วยเหลือทุกวัน โดยไม่รับค่าแรงแต่อย่างใด แถมมารดายังทำอาหารมาเผื่อคนที่มาทำงานทั้งที่ได้ค่าแรงและแรงงานอาสา กรวิกากำลังเป็นลูกมือให้กับปกป้องซึ่งคอยส่งถังปูน ซึ่งได้รับการผสมมาเรียบร้อยแล้วให้กับชายหนุ่มที่ชอบพูดแหย่ว่า เดี๋ยวพอตกค่ำละก็มีหวังได้ปวดร้าวตั้งแค่แขนไปจน ถึงหลังแน่
“ไว้ค่อยมาตอนทาสีก็ได้นะครับ พี่กร” ปกป้องบอก
“ยังไม่แก่ขนาดนั้นนะจ๊ะ ว่ายน้ำบ่อยๆ ยกของแค่นี้เอง”
“เดี๋ยวผมให้แม่เตรียมหายาทาแก้ปวดเมื่อยไว้ให้เลยดีกว่า” ปกป้องหัวเราะ กรวิกายิ้มนึกขอบคุณในความห่วงใยของคนที่เป็น
เหมือนดั่งน้องชาย
“สวัสดีค่ะ” กรวิกาทักทายปลายสาย มองไปทางด้านข้างตัววัดเห็นรถยนต์ของคนที่โทรศัพท์เข้ามาจอดอยู่
“ทักซะเป็นการงานเป็นการเชียวนะ”
“หวัดดี ดีขึ้นไหม” กรวิกาอมยิ้ม
“ไอ้บ้า มาช่วยยกของหน่อยสิ” ปยุดายิ้มๆ มองไปทางคนที่กำลังเดินมา ปยุดามาไม่บ่อยหนัก เพราะด้วยเรื่องการงานที่ต้องรับผิดชอบค่อน ข้างมาก แต่ถ้าพอมีเวลาบ้างจะแวะมาดูงาน ซึ่งคืบหน้าไปมากไม่คิดว่างานจะเดินเร็วขนาดนี้ อาจจะเพราะแรงงานจิตอาสาที่ผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยยังมีกลุ่มเพื่อนของปกป้องนั่นด้วยที่มากินนอนอยู่ที่บ้าน ปยุดาจึงมีอาหารขนมนมเนยมาฝากน้องๆ มารดาของปกป้องจะได้ไม่ต้องเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องดูแลเพื่อนๆ ของลูกชาย
“กาแฟของตัวเอง” ปยุดาส่งแก้วกาแฟให้กรวิกา
“ขอบคุณค่ะ ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” กรวิกามองดูคนที่ไปเปิดท้ายรถ ซึ่งมีของค่อนข้างมากมีทั้งของแห้งและของสด
“ซื้อมาให้แม่ จะได้เอาไว้ทำอาหารให้น้องๆ ทาน เด็กผู้ชายตั้งหลายคน ไม่เยอะหรอก กินเก่งกันทั้งนั้น” ปยุดาพูดไปเรื่อย
เปื่อย และเริ่มมีรอยยิ้มสดใสขึ้นเมื่อกรวิกาเดินมายืนอยู่ใกล้ๆ
“กรเพิ่งขับรถไปซื้อมาให้ ของสดเต็มตู้เย็นเลย” กรวิกาบอก
“งั้นคงต้องให้แม่ทำกับข้าวมาเลี้ยงคนทำงาน จะได้ช่วยระบายของสดด้วยเนอะ ตัวไม่บอกก่อนจะได้ไม่ซื้อของสดมาเยอะ” ปยุดาบ่นพึมพำ
“ไว้คราวหน้า จะโทรฯ บอกนะ” กรวิกายิ้มให้ปยุดาที่หันมามองสบตาด้วย
“ใช้เป็นเหรอโทรศัพท์น่ะ ไม่เห็นจะเคยโทรฯ หา อุตส่าห์รอ”
“กร กลัวรบกวนเวลาทำงานน่ะ”
“เอาโทรศัพท์เค้าคืนมาเลย” ปยุดาทำท่าแบมือขอ
“เอาคืนแล้วจะเอาที่ไหนโทรฯ หาล่ะ” กรวิกาพูดเสียงอ่อยๆ
“ก็ไม่ต้องโทรฯ เวลามีไม่เห็นจะโทรฯ เลย” ปยุดาบ่นพึมพำเดินไปไปหยิบถุงที่วางอยู่ด้านข้างคนขับและเข้าไปนั่งอยู่ในรถ
“ตกใจหมดเลย” กรวิกาหัวเราะ เมื่อเข้ามานั่งอยู่ภายในรถด้านข้างคนขับ ซึ่งกำลังแกะกล่องยิ้มๆ อยู่
“กลับบ้านบ้างหรือเปล่า” ปยุดาถาม
“ยังเลย อันที่จริงกรใช้เครื่องนั้นก็ได้ ยุ่งเอาเครื่องใหม่ไปใช้เถอะ” กรวิกาบอก
“ใหม่เหมือนกัน นี่ไง” ปยุดาหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า
“อ้าวแล้วเครื่องนี้ล่ะ” กรวิกาถาม
“ถ้าให้ป้อง ตัวว่าป้องจะรับไว้ไหม” ปยุดาถามแต่ยังคงจดจ่ออยู่กับการจัดการเครื่องโทรศัพท์ให้กับกรวิกา
“คงต้องหว่านล้อม เอาเครื่องนี้ให้ป้อง เอาของป้องให้แม่ ของแม่เก่าเหมือนกันเห็นติดๆ ดับๆ ด้วย” กรวิกาออกความคิดเห็น
“ตัวช่วยเค้าหว่านล้อมน้องด้วยนะ” ปยุดายิ้มแป้นยื่นโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้กับกรวิกาที่ทำแกล้งเป็นพนมมือไหว้ จนปยุดา
หัวเราะกับความน่ารักที่ได้เห็น
“ขอให้เจริญๆ นะ แม่คุ๊ณ” กรวิกาอมยิ้ม
“คนทำงานศิลปะ มักจะเพี้ยนๆ ใช่ปะ” ปยุดาถาม
“ยุ่งทำงานออกแบบ ก็ศิลปะเหมือนกัน เพี้ยนปะล่ะ”
“น่าจะเป็นอย่างนั้นเนอะ ถึงได้มาสนิทสนมกับศิลปินแถวนี้” ปยุดาบ่นพึมพำ แววตาแปลกๆ ที่จ้องมองมากับรอยยิ้มมีเสน่ห์ทำให้ปยุดาเสมองไปทางที่ปกป้องกำลังเดินมา
ปยุดาเลี่ยงมานั่งที่ท่าน้ำ หลังจากหนุ่มๆ ช่วยกันขนของลงเรือและนำไปให้มารดาของปกป้องที่บ้านเรียบร้อยแล้ว ปยุดายิ้ม เมื่อนึกถึงความเคารพที่ปกป้องมีให้กับกรวิกา ซึ่งช่วยหว่านล้อมเรื่องเครื่องโทรศัพท์เก่าที่อยากให้ปกป้องได้นำไปใช้ต่อ ตอนแรกหนุ่มน้อยมีท่าทีอิดออด แต่เมื่อพูดไปถึงเรื่องของเครื่องที่ตัวเองใช้จะได้นำไปให้มารดา ทำให้ปกป้องยอมที่จะรับของไว้แต่โดยดี คนเราบางทีก็แปลกอยู่สนิทสนมกันเหมือนเป็นดั่งญาติพี่น้องทั้งๆ ที่อาจจะเพิ่งได้รู้จักกันไม่นานนัก
“งานตัวเป็นอย่างไรบ้าง” ปยุดาถามกรวิกาที่ไปช่วยงานฉาบปูนอยู่พักใหญ่และเดินมานั่งพักที่ศาลาท่าน้ำ
“งานที่รับปากมา ใกล้เสร็จแล้ว”
“ไวจัง” ปยุดายิ้มๆ มองออกไปทางนาข้าวสีเขียวขจี
“คิดวางแผนไว้ วาดไว้บ้าง สุดท้ายได้วิวนอกหน้าต่าง ข้าวออกรวงเป็นสีทองสวยแล้วนะ” กรวิกาบอกกับปยุดาเรื่องงานที่รับ
ปากภูดิทเอาไว้
“ตามอารมณ์ล่ะสิ คนอยากได้ภาพเขียนไม่ได้บอกหรือว่า อยากได้แบบไหน แนวไหน” ปยุดาแปลกใจอยู่เหมือนกัน
“อะไรก็ได้ แล้วแต่กร” กรวิกาหัวเราะ
“โห ได้งานง่ายไปนะ ตัวน่ะ” ปยุดาพูดงึมงำ
“ก็ไม่ง่ายนะ วาดเสร็จถ่ายรูปส่งให้เพื่อนดู เพื่อนส่งต่อให้ลูกค้าถ้าไม่ชอบคงต้องคิดกันใหม่” กรวิกาสาธยายเรื่องงาน
“ลูกค้าเพื่อนไม่เอา เค้าซื้อได้ปะ” ปยุดาหันมามองสบตากรวิกาที่หันมาทันทีเมื่อได้ยิน
“เอาไปทำอะไร” กรวิกาถามเสียงเรียบ
“ต้องเห็นรูปก่อน แล้วค่อยบอกว่าเอาไปทำอะไร” ปยุดายิ้มทะเล้น
“เอาไปติดในห้องน้ำ ก็แย่ดิ”
“เข้าท่านะ” ปยุดาหัวเราะ
“ถ้ายุ่งอยากได้ จะเติมรูปยายตัวยุ่งลงไปในภาพให้ ไหนๆ จะเอาไปไว้ในห้องน้ำอยู่แล้ว มีรูปตัวเองด้วยจะได้สบายใจ” กรวิกาหัวเราะหึๆ
“มีตังค์จ่ายหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” ปยุดาบอก
“อ้อนสิ ให้ฟรี” กรวิกาพูดยิ้มๆ
“บ้า เขียนตั้งนานกว่าจะคิดงานออกมาได้ แจกฟรี บ้าหรือ เค้ารู้คุณค่างานศิลปะนะ รู้ด้วยกว่าจะออกมาเป็นภาพเขียนสักภาพน่ะ
ตัวต้องคิดแล้วคิดอีก กว่าจะตวัดพู่กันแต้มสีลงไปแต่ละสี แต่อย่าคิดราคาแพงนะ”
“เหมือนยุ่ง เวลาออกแบบเครื่องประดับล่ะสิ”
“รู้ด้วยว่า เค้าทำงานอะไร” ปยุดาทำเป็นยื่นหน้ามาจ้องมองใกล้ๆ คล้ายเวลาจับผิดใคร
“สาวไฮโซ ใครๆ ก็รู้จัก” กรวิกาพูดงึมงำ
“แล้วคิดเหมือนที่คนอื่นคิด หรือเปล่า” ปยุดาถาม แต่ดูไม่ได้เจาะจงนัก เพราะคนอย่างกรวิกา ถ้าคิดเหมือนที่คนทั่วไปคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตล่ะก็ คงไม่ได้มานั่งคุยกันอยู่แบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องของชายหนุ่มคนรักของกรวิกาเอง
“กรไม่ตัดสินใคร จากสิ่งที่คนทั่วไปคิด ใครๆ มักบอกว่า กรหยิ่ง”
“ตัวหยิ่ง เค้าก็โคตรหยิ่งเลยสิ” ปยุดาหัวเราะ
“ก็หยิ่งนะ หางตายังไม่แล กร เลย” กรวิกานึกถึงวันแรกที่ได้พบกับปยุดาบริเวณร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“สงสัยอยู่นอกสายตา เอาเป็นว่า เค้าจองภาพเขียนไว้นะ”
“ไม่ทันแล้ว ลูกค้าโอเค” กรวิกายื่นโทรศัพท์ให้ปยุดาเห็นข้อความตอบตกลงจากคนชื่อ ภูดิท
“อดเลย” ปยุดาพูดเสียงอ่อยๆ
“อยากได้แบบไหนล่ะ”
“นู๊ด” ปยุดาอมยิ้มแล้วทำเป็นเฉยๆ
“ได้ งานถนัด” กรวิกาบอกและกลั้นหัวเราะเอาไว้
“ถามจริง มีคนมาให้วาดเยอะขนาดนั้นเลยหรือ”
“ถ้าภาพเหมือนก็ต้องใช้แบบจริงนะ” กรวิกาบอกเล่าคล้ายเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“ถอดหมดเลยหรือเปล่า” ปยุดาถามต่อด้วยความอยากรู้
“แล้วแต่ว่า อยากได้แบบไหน”
“โหย กว่าจะวาดเสร็จ” ปยุดาทำหน้าตาแปลกๆ กรวิกาแอบยิ้ม
“ถ้ารูปร่างดี ก็วาดนานหน่อย ถ้ารูปร่างไม่ดี ก็เสร็จเร็ว” ปยุดาหันมาถลึงตาใส่คนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
“ไอ้ลามก” ปยุดายิ้มอายๆ ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่า สายตาที่เห็นอยู่นั้นดูกรุ้มกริ่มชอบกล
“ทำไมรู้ช้า” กรวิกาหัวเราะ
“ถามจริง” ปยุดายิ้มๆ กับคนชอบแหย่ มองดูไปทางหนุ่มนักศึกษาที่ยังคงทำงานกันอย่างขะมักเขม้น รวมถึงช่างซึ่งได้รับการจ้างมาและยังมีชาวบ้านที่ผลัดเปลี่ยนกันมาช่วย พระสงฆ์และเณรออกมาช่วยบ้าง แต่ไม่บ่อยนักเพราะต้องไปเรียนจะพบเห็นบ้างบางครั้ง
“ลองมาเป็นแบบให้สิ”
“เอาจริงดิ วาดมาไม่สวยเลิกคบนะ” ปยุดาหันมาจ้องมอง
“วาดแล้วเปิดประมูลปะล่ะ จะได้รู้ว่า สวยหรือเปล่า”
“ทำมาท้านะ นู๊ดแล้วประมูลการกุศล จะน่าเกลียดปะ” ปยุดาถามนึกขำกับความคิดของตัวเอง
“แอ็บสแตรกสิคะ”
“อยากได้ภาพเหมือน” ปยุดาทำเป็นยิ้มทะเล้นยื่นหน้ายื่นตาให้
“หนึ่งแถมหนึ่ง” กรวิกาหัวเราะ
“โปรฯ ดี เป็นแบบนี้ตลอดไปนะ” ปยุดาหวังว่าคนฟังจะเข้าใจว่าหมายถึงคนเขียนภาพไม่ใช่รูปภาพ
“กร เป็นแบบที่ กร เป็น”
“ดีมากเจ้าค่ะ เค้ากลับก่อนนะ” ปยุดาลุกขึ้นและบอกกับกรวิกาที่รอยยิ้มจางลงทันที
“มาแป๊บเดียวเอง” กรวิกาพูดเสียงอ่อยๆ
“ทำมาเสียงอ่อย เค้าคิดเข้าข้างตัวเองเลยนะ ว่าคนแถวนี้คิดถึง”
“ก็กล้าคิดนะ นั่น” กรวิกาหัวเราะกลบเกลื่อน
“ขอบคุณนะ เจอตัวทีไร สบายใจทุกทีเลย ถึงแม้จะรู้ว่า ลามก”
“พูดซะดัง ในวัดนะคะ คุณ” กรวิกาพูดดุ
“เข้าเมืองโทรฯ หาด้วยนะ กินข้าวกัน” ปยุดาพูดทิ้งท้าย
“ขับรถดีๆ นะ แม่จอมยุ่ง” กรวิกายิ้ม
“ระวังจะเข้าไปยุ่งยากในหัวใจนะ จะบอกให้ ไปล่ะ” ปยุดายิ้มอายๆ รีบเดินหนีไปในทันที ไม่รู้ว่ากล้าพูดออกไปได้อย่างไรกัน
“เข้ามายุ่งยากในหัวใจ ตั้งแต่ยังไม่รู้จักแล้วล่ะ” กรวิการำพึงออกมาเบาๆ ยิ้มให้กับคนที่โบกมือให้ก่อนจะขับรถออกไป