ตอนที่ 13

3073 Words
“อยู่กับ กร ค่ะ พระมารดา” ปยุดาอมยิ้ม กรวิกาเองก็เช่นกัน “เชื่อได้ไหม ทำไมมันเงียบนัก” มารดาของปยุดาถาม “เชื่อได้สิ ใช่ปะ ศิลปินคนโปรดของแม่” ปยุดาพยักพเยิดบอกกับคนที่นั่งอมยิ้มมองดูอยู่ “อยู่กับ กร ค่ะ แม่” ปยุดายิ้มแป้น เมื่อได้ยินกรวิกาพูดออกไป “แล้วไป นึกว่าหนีเที่ยว” มารดาหัวเราะ “แหมพอคนโปรดมาล่ะ ก็ เชื่อเชียวนะ ไม่คิดว่า ชวนกันหนีเที่ยวหรอกหรือคะ” ปยุดาถามมารดา “เงียบๆ อย่างนั้น เที่ยวได้” “ลำเอียงอะ แม่ คนโปรดของแม่น่ะ ดื้อ ทำงานจนไหล่จะหักแล้วไม่ยอมไปหาหมอ” ปยุดายิ้มทะเล้นพยักพเยิดยักคิ้วล้อกรวิกาที่ทำหน้างอ “จริงหรือ พาไปหาลุงหมอสิ ให้ยุ่งพาไปนะ” “ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ” กรวิการีบบอกไม่อยากให้ผู้ใหญ่เป็นกังวล “ไปตรวจหน่อย ยุ่งพาไปด้วยนะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ กลับบ้านมาโดนเล่นงานแน่” มารดายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่า กรวิกาคงเกรงใจ จึง แกล้งกำชับและดุลูกสาวแทน “คนแถวนี้ ดื้อจะตายค่ะ” ปยุดาพูดฟ้องกับมารดา “แม่จะโทรฯ ไปบอกลุงให้ พรุ่งนี้ยุ่งจัดการให้เรียบร้อย อยู่ดูแลกันใช่ไหม” มารดาถาม “ขอบคุณค่ะ รักนะคะ พระมารดา” ปยุดายิ้มให้กรวิกา “ขอบคุณนะคะ แม่” “หายไวๆ อยากไปดูภาพเขียนที่สตูดิโอแล้ว แม่ว่าจะเหมาหมดให้ยายยุ่งเป็นคนจ่ายเงิน” มารดาของปยุดาหัวเราะ “โห หมดนั่นขายกิจการจะพอหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” “รายงานอาการด้วยนะจ๊ะ” “ค่ะ ฝันดีค่ะ แม่” ปยุดาจัดการปัดที่หลับที่นอนให้เรียบร้อย กรวิกามาเห็นเข้าพอดียิ้มๆ กับความน่าเอ็นดูที่ได้เห็น ถึงแม้จะเก้ๆ กังๆ ตามประสา คนที่คงไม่ค่อยได้ทำ แต่นับถือน้ำใจในความพยายาม “ตัวนอนบนที่นอนแล้วกัน เดี๋ยวเค้าปูนอนข้างล่าง” “นอนกับพื้นน่ะนะ” “มีผ้าปู นอนบนที่นอนเดี๋ยวไปโดนแขน” ปยุดาบอก “ยุ่งนอนข้างซ้ายของ กร สิ ไม่โดนแขนหรอก” “ได้เค้าจะระวังนะ กินยาแก้ปวดไหม” ปยุดาถามก่อนเพราะเพื่อนบอกเอาไว้ว่า ถ้าไม่ปวดมากมายนักไม่ต้องกินยาก็ได้ “ไม่ล่ะ ไม่ปวดมากนัก ผ้าคล้องไหล่ช่วยได้เยอะ” “นอนเลย เดี๋ยวเค้าห่มผ้าให้” ปยุดาตบที่นอนเบาๆ ยิ้มๆ ให้คนที่ขยับเข้ามาแล้วล้มตัวลงนอน “ขอบคุณนะ กรเลยทำให้ ยุ่งลำบาก” “ไม่ลำบาก เค้าอยากดูแลตัว นอนเถอะ” ปยุดายิ้ม “ขอบคุณ” กรวิกาเอามือขยี้ตาและขยิบตาเหมือนมีอะไรเข้า “ไหนมีอะไรเข้าตาหรือเปล่า” ปยุดาขยับเข้าไปดูเสียใกล้กว่าจะรู้ว่าเป็นลูกไม้ ก็ถูกคลอเคลียด้วยริมฝีปากอันอบอุ่นเข้าให้แล้ว ปยุดายิ้มน้อยๆ และตอบรับสัมผัสนั้น “ฝันดี” กรวิกาแก้มแดงระเรื่อ ปยุดาเองก็เช่นกัน “มีลูกไม้นะ น่าจิ้มให้ตาบอดนัก” ปยุดาหัวเราะลุกไปปิดไฟและกลับมาล้มตัวลงนอนข้างๆ ไม่ได้เข้าใกล้ๆ มากนักกลัวจะไป เบียดคนที่ไหล่เจ็บอยู่ ยิ้มๆ เอื้อมมือไปจับมือกรวิกาเอาไว้ก่อนที่จะหลับไป ปยุดาพากรวิกามาพบแพทย์ ซึ่งแจ้งอาการว่า ไม่น่าเป็นห่วงอะไรนักมีอาการกล้ามเนื้ออักเสบเท่านั้น พักใช้แขนสักหนึ่งสัปดาห์อาการคงจะดีขึ้นทำให้ทั้งคนพามาและคนที่แขนเจ็บสบายใจด้วยกันทั้งคู่ “แขนเจ็บ ขาไม่ได้เจ็บ ไม่ต้องนั่งรถเข็นก็ได้” กรวิกาบอก “นั่งเถอะ จะได้ไม่กระทบกระเทือนนะ เวลาเค้าเจ็บป่วยบ้าง เค้าจะอ้อนให้หนักเลย เตรียมตัวไว้ด้วยล่ะ” ปยุดาหัวเราะ “โห เหมือนทวงบุญคุณ ยุ่งจะมาให้ กรดูแลหรือล่ะ” “ตัวอยากดูแลเค้าปะล่ะ” ปยุดายื่นหน้ายื่นตามาถามเสียจนใกล้คนที่นั่งอยู่บนรถเข็นนั้น รู้ว่าชอบแกล้งเลยเอามือทาบทับไปที่แก้มแทนคำตอบ “กลับกันเถอะ ยุ่งต้องเข้าไปดูงานก่อนหรือเปล่า” “ไม่ โทรฯ ไปสั่งงานเรียบร้อยแล้ว ตอนตัวเข้าไปตรวจ” ปยุดายิ้มอายๆ แก้มนั้นคงแดงระเรื่ออยู่แน่ เจ้าตัวรู้สึกได้เมื่อมือของกร วิกาทาบทับไปที่แก้ม “ส่งกรแล้ว กลับมาทำงานก็ได้นะ หรือมีธุระอื่น กรอยู่ได้” “เค้าบอกแม่แล้ว ว่าเค้าจะอยู่ดูแลตัว จนกว่าจะดีขึ้น” ปยุดาบอกแล้วเริ่มเข็นรถของคนที่แขนเจ็บไปยังลานจอดรถ “แม่ไม่ว่าหรือ จะเสียงานนะ” “ถ้ามีงานด่วนๆ เค้าค่อยขับรถมาก็ได้ เลิกเกรงใจได้แล้วนะ ไม่ อย่างนั้นเค้าโกรธตัวจริงๆ ด้วย กลับกันถ้าเป็นเค้า ตัวจะดูแล ไหมล่ะ” “ขอคิดดูก่อน” กรวิกาแอบยิ้ม “คนปากแข็ง คืนนี้จะรอดูลูกไม้ไหนจะมา ไม่ได้แอ้มแล้วด้วย” “ขี้บ่น ไม่ต้องใช้ลูกไม้แล้วมั้ง ขอบคุณนะ” ภูดิทมองดูปยุดาดูแลกรวิกาเหมือนดั่งสนิทสนมกันมาเนิ่นนานหรือเพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันทำให้สร้างความสนิทชิดเชื้อกันได้ง่าย จะว่าไปก็น่าเอ็นดูทั้งสองคน ปกติกรวิกาจะดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี ไม่ค่อยจะปล่อยให้ใครเข้าไปช่วยเหลือดูแลมากมายขนาดเท่าที่ปยุดาทำให้ แทบจะป้อนข้าวให้กันอยู่แล้ว “พี่ตุลย์ รู้ไหมว่าหล่อนเจ็บขนาดนี้น่ะ” ภูดิทถาม “ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไรนัก ไม่รู้หรอก” กรวิกาพูดอ้อมแอ้มไม่อยากให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้นอึดอัดไปด้วย “ยังดี ยังมียุ่งดูแล ฉันไปดูแลคงจะไม่งามสักเท่าไร ภายนอกอย่างไรก็ผู้ชาย” ภูดิทบอกและยิ้มๆ ให้ปยุดา “เหมือนเป็นภาระเลย” กรวิการำพึงออกมาเบาๆ ปยุดาแอบหยิกเข้าที่เอวกับคนที่ชอบคิดมาก “แค่เจ็บไหล่ ภาระอะไรยะ ใช่ปะ ยุ่ง” ภูดิทถามปยุดา “คิดมาก งอแง ดื้อด้วย” ปยุดาอมยิ้ม “สงสารคนดูแลด้วยนะยะ หล่อน เบื่อขึ้นมาล่ะก็จะลำบาก” “เบื่อไหม” ภูดิทอมยิ้มเพราะอยู่ๆ กรวิกาหันไปถามปยุดาที่ยิ้มๆ อยู่ “อย่าดื้อสิ” “ต๊ายตาย เพื่อนฉันอ้อนเป็นด้วย” ภูดิทหัวเราะคิกคัก “ถามเฉยๆ ย่ะ” กรวิกาบอกกับภูดิท “เบื่อบอกเลยนะ ยุ่ง จะได้อ้อนน้อยหน่อย” ภูดิทยังคงแหย่ต่อ “ภูก็ไปแหย่ เดี๋ยวงอนยุ่งอีก เป็นเรื่อง” “มีงอนอีกต่างหาก ยังไงกันยะ” ภูดิทถามกรวิกาที่ทำทีเป็นไม่สนใจ ปยุดายิ้มๆ คนงอแงบางทีก็น่ารักดีเหมือนกัน “อย่าแซว เดี๋ยวไม่ยอมทานข้าว” “พักที่ไหน เผื่อจะได้แวะไปหาได้” ภูดิทถาม ทั้งสองสาวจึงหันมามองสบตากัน “คอนโดยุ่งก็ได้นะ หรือ สตูดิโอ” ปยุดาถามทั้งๆ ที่คิดว่า กรวิกาอาจจะอยากกลับไปพักที่บ้านเช่า “สตูดิโอดีกว่าไหม” กรวิกาบอก “ก็ดีนะ เผื่อยุ่งต้องทำงาน ได้ผลัดกันดูแล” ภูดิทบอก “ขอบใจนะจ๊ะ” “ขอตัวก่อนนะ ฉันมีนัดลูกค้า แล้วก็ไม่ต้องรีบทำงานนะ ดุเลยนะยุ่ง ถ้าดื้อจะทำงานน่ะ” ภูดิทกับปยุดาแอบยิ้มให้กัน ภูดิทนานๆ ทีจะได้พูดดุเพื่อนเสียบ้าง เล่นใหญ่เสียจนปยุดาส่ายหน้ากับการช่างหยอกเย้า “ได้ จะช่วยดุให้” “บ๊าย บาย สองสาว” ภูดิทขอแยกตัวไปแล้ว ปยุดาจึงหันมาดูแลคนที่ตักอาหารทานไม่ถนัด “อ้าปาก อย่าดื้อ” ปยุดาพูดดุ “ตักเองได้อยู่นะ” “เห็นเขี่ยอยู่นานแล้ว กว่าจะได้ อ้าปาก” ปยุดาบอก “ดุจัง” “ตัวก็อย่าดื้อสิ ถ้าไม่เจ็บแขน ก็ไม่ป้อนหรอกนะ” “ถ้ายุ่งไม่สบายบ้าง ต้องบอก กร นะ” “ได้ จะอ้อนสักล้านเล่มเกวียน” ปยุดาหัวเราะ “ร้อยก็พอมั้ง” “ถ้ามีอะไร ถามเค้านะ อย่าเป็นเหมือนวันก่อน เค้าอะเวลาไม่ผิดเค้างอนนานนะเว๊ย เห็นตัวเองเจ็บหรอกเลยหายงอน” ปยุดา พูดเสียงอ่อยๆ “บางเรื่องมันส่วนตัวเกินไป คนอื่นไม่ควรถามนะ” “เป็นคนอื่น เพิ่งรู้นะว่าเป็นคนอื่น เป็นคืนอื่นมาจูบเค้าทำไม” “ไม่ใช่คนอื่น แล้ว กร ควรจะเป็นอะไร” กรวิกาบอกกับปยุดาที่กำลังทำท่าคิด “ขอเวลาหน่อย ค่อยตอบได้ปะ” “นานปะ” “ดีขึ้น เริ่มมาต่อปากต่อคำ คิดถึงก็ไม่เคยจะพูดออกมาตรงๆ ต้องให้รู้เอง คิดจะบอกไหม” ปยุดาเริ่มง้องแง้ง กรวิกายิ้มน้อยๆ ไม่แปลกใจสักเท่าไรที่ได้ยินปยุดาบอกเรื่อง คิดถึง “ไม่พูด ก็รู้นี่” “ไม่รู้ทุกเรื่องนี่ รู้นิดๆ หน่อยๆ อ้าปากเร็วๆ” ปยุดาพูดดุ กรวิกายิ้มกวนๆ ให้ปยุดาที่ทำหน้าบึ้ง กรวิกาหันมองผู้คนโดยรอบ แต่ไม่ มีใครสนใจอะไรอาจจะเพราะแขนที่มีผ้าคล้องเอาไว้ หากเป็นปกติคงออกจะแปลกๆ ที่ผู้หญิงสองคนนั่งป้อนข้าวให้กัน กรวิกาไม่ค่อย แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นบ่อยนัก คล้ายกับที่ภูดิทแอบเหน็บแนมเรื่องอ้อนไปก่อนหน้า ปยุดายิ้มที่คนไหล่เจ็บยอมทานอาหารแต่โดยดี “พอแล้วล่ะ ยุ่งทานบ้างเถอะ” กรวิกาบอก “อิ่มแล้วจริงนะ” ปยุดาถามและเลื่อนแก้วน้ำมาวางไว้ใกล้ๆ “ขอบคุณนะ” “เค้ารู้ว่า ถ้าตัวเป็นเค้า ตัวก็จะดูแลเค้าแบบนี้” “แต่ไม่เป็นอะไรดีกว่า ดูแลอย่างอื่นก็ได้เนอะ” กรวิกาบอก “หันมาสิ” ปยุดายิ้มให้และช่วยเช็ดปากให้กรวิกาที่ยิ้มอายๆ “จะเคยตัวนะ อีกหน่อยไม่ป้อนแล้วงอแงทำไง” “อยากเห็นเวลางอแง” ปยุดาเริ่มรับประทานอาหารไปคุยไปหันมายิ้มให้กับคนที่นั่งข้างๆ บ้าง “แบบเมื่อคืน” กรวิกายิ้ม “อันนั้นน่ะ ลูกไม้ ร้ายกาจ ถ้าเราเป็นแบบนี้ สนิทกันแบบนี้แล้ววันหนึ่งตัวแต่งงานไป ตัวจะยังดูแลเค้าไหม แบบที่เป็นอยู่เนี่ย” ปยุดาถาม “อยากนะ แต่ยุ่งจะอึดอัดไหม” “ไม่แน่ใจ แต่ช่างเถอะ ทำวันที่มีให้มีความสุขก็แล้วกันเนอะ” “กรมีคอนโดริมแม่น้ำ เอาไว้ปลีกวิเวก ไปพักที่นั่นไหม ถ้าขืนกลับ ไปที่บ้านเช่า ยุ่งลำบากแย่ขับไปขับมาบ่อยๆ ไว้ให้ไหล่ขยับ สะดวกก่อนค่อยกลับไปทำงาน” กรวิการู้สึกสบายใจ เมื่อเห็นคนที่ทานอาหารอยู่พยักหน้าให้แทนคำตอบ โดยเฉพาะรอยยิ้มที่แสนสด ใสนั้น “สระว่ายน้ำ มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น” ปยุดาพูดออกมา โดยไม่ได้สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งหันมามองด้วยความแปลกใจ “ทำไมรู้” “เออนั่นสิ เดาเอามั้ง” ปยุดาหัวเราะ เพราะทั้งสองสาวชักเริ่มไม่แปลกใจกับการได้รู้สึกและพูดอะไรออกมา โดยที่ไม่ค่อยรู้ตัว เหมือนความรู้ สึกนั้นฝังตัวหลบซ่อนอยู่พอได้พูด ได้คุยก็หลั่งไหลออกมาเอง ปยุดามีรอยยิ้มจางลง เมื่อเห็นชายหนุ่มที่เดินเข้ามาในร้านและตรงเข้ามาหา ตุลย์ทำท่าทีเป็นปกติเข้าไปทักทายปยุดาและถามไถ่อาการของกรวิกาซึ่งที่แขนมีผ้าคล้องอยู่ “กรเป็นอะไร” ตุลย์ถามในทันทีและนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับสองสาว “ยกของหนักไปหน่อยค่ะ ไหล่เลยอักเสบ” กรวิกาบอก “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวพี่ขับรถให้นะ” ตุลย์พูดขึ้นชำเลืองมองปยุดาที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เล็กน้อย “ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ พี่ตุลย์” ปยุดาหันมามองสบตากับกรวิกาซึ่งรีบตอบรับในทันที เมื่อคนรักอาสาที่จะไปส่ง “ถุงยาค่ะ” ปยุดาส่งถุงยาให้กับตุลย์ ซึ่งรับมาโดยตั้งใจให้มือของตัวเองนั้นสัมผัสกับปยุดาที่ยังคงทำเป็นนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไร ทั้งที่แอบด่าอยู่ในใจ เพราะต่อหน้าต่อตาคนรักของตัวเองแท้ๆ ยังกล้า ปยุ ดามองดูตุลย์ที่ช่วยประคองกรวิกาออกไปแล้ว “เดี๋ยวผมส่ง กร แล้วจะโทรฯ หานะครับ” ข้อความของตุลย์ส่งเข้ามาหลังจากแยกกันไปพักใหญ่ ปยุดาถอนใจขณะเข้ามายัง ร้านไอศกรีม ซึ่งวันนี้ลูกค้าเข้าออกตลอดเวลา ไม่นานนักภูดิทโทรศัพท์มาหาหลังจากได้รับข้อความจากปยุดาที่ให้แวะไปดูกรวิกา เพราะตุลย์เป็นคนไปส่งที่สตูดิโอซึ่งเมื่อเสร็จงาน ภูดิทรีบบึ่งไปทันทีและตอนนี้อยู่กับกรวิกาแล้ว โดยตุลย์ยังคงอยู่ดูแลกรวิกา ปยุดาจึงบอกขอบคุณภูดิทและเตือนย้ำเรื่องยาแก้อักเสบซึ่งถ้าหากไม่มีอะไรรองท้องอาจจะทำให้มีอาการปวดท้องเกิดขึ้นได้ ตุลย์พยายามโทรฯ หาปยุดาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่รับสายเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น ภูดิทสังเกตเห็นแต่ทำเป็นไม่ได้สนใจ กรวิกาเองก็เช่นกัน เลือกที่จะนอนพักผ่อน “มีธุระ ภูเฝ้าให้ก็ได้นะครับ” ภูดิทบอก “พอดีมีงานตอนเย็น อาจจะต้องรบกวนภู” ตุลย์บอก แต่ภูดิทไม่ค่อยเชื่อเท่าไรนัก ยิ่งตอนหลังมารู้จักกับปยุดาเข้าให้เลยคิดว่า คนรักของเพื่อนนั้นถือได้ว่า เข้าข่ายเป็นหนุ่มเจ้าชู้อยู่เหมือนกัน แม้ก่อนหน้านี้จะได้ข่าวอยู่บ้าง แต่ไม่ค่อยชัดเจนเหมือนรายปยุดานัก กับรายนี้ตุลย์ดูจะออกตัวแรงอยู่เหมือนกันคงคิดว่า ปยุดามีทีท่าด้วย แล้วไม่คิดถามไถ่บ้างหรือว่าทำไมปยุดากับกรวิกาถึงพากันไปหาหมอ พากันไปกินข้าว ช่วยเหลือดูแลกัน ถ้าคิดสักนิดอย่างน้อยผู้หญิงสองคนก็ถือเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังคิดที่จะรวบหัวรวบหางผู้หญิงคนที่หนุ่มๆ หมายปอง โดยไม่สนใจคนรักที่เป็นคนดีซึ่งคบหามานานอย่างนั้นเลยหรือ ภูดิทถอนใจกับคนที่ขอขึ้นไปดูกรวิกา ซึ่งภูดิทปล่อยขึ้นไปครู่เดียวจึงตามขึ้นไป ชักไม่ไว้ใจไม่อยากปล่อยให้อยู่ตามลำพังเกิดท้องขึ้นมาระหว่างนี้ กรวิกาแย่แน่หากคนรักจะเปลี่ยนเป้าไปที่สาวสวยอีกคนหนึ่งที่สนิทสนมกับกรวิกาอยู่เหมือนกัน “เจ็บหรือเปล่า” ตุลย์เข้าไปพยุงกรวิกาที่พลิกตัวแล้วรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวไหล่และออกอาการให้เห็น “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ พี่ตุลย์” “พี่มีงานต่อนะ ภูอาสาอยู่เป็นเพื่อน พรุ่งนี้โทรฯ หานะ” “ค่ะ” ภูดิทอาสาลงไปส่งตุลย์ มองดูชายหนุ่มที่รีบขับรถออกไปนึกไม่ออกนักว่า จะไปไหนท่าทางรีบร้อน แต่ในเมื่อคนรักอาการไม่ค่อยดีควรจะอยู่ดูแลหรือเปล่า ปยุดาเป็นเพียงแค่เพื่อนเพิ่งรู้จักกันไม่เท่าไรยังขันอาสาที่จะดูแล พอตัวเองไปเจอเข้าก็พามาส่งทิ้งขว้างเอาไว้ ภูดิทถอนใจนึกสงสารกรวิกาขึ้นมา “แฟนแบบนี้ ไม่ต้องมีก็ได้ไหม งานอะไรนักหนา นางกรเอ๊ย” ปยุดาเดินเข้าไปในร้านกึ่งร้านอาหาร กึ่งร้านเหล้า ซึ่งมีผู้คนไม่มาก มายนัก ถ่ายรูปตัวเองโพสต์ลงในอินสตราแกรมพร้อมแจ้ง สถานที่ ยิ้มๆ กับท่าทางเซ็กซี่ของตัวเองที่ถ่ายรูปไปเมื่อสักครู่ จนกระทั่งเจอคนรู้จัก ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่ขอมาร่วมโต๊ะด้วย เพราะเห็น ว่าปยุดามาเพียงลำพัง “ประกาศซะขนาดนั้น หนุ่มมิตามมาเต็มร้านหรือ” ชายหนุ่มที่ขอมานั่งร่วมโต๊ะด้วยพูดแซว “ไม่มีหรอก ว่าแต่ทำไมมาคนเดียวล่ะ” ปยุดาถามชายหนุ่มที่ได้พบเจอกันบ่อยครั้ง แต่ไม่ได้ถึงกับสนิทสนมอะไรนักคล้ายกับ แนะนำผ่านเพื่อนของกันและกัน พบเจอกันบ่อยๆ ตามสถานบันเทิงเลยทำให้รู้จักกัน “เดี๋ยวมีตามมา แต่ท่าทางคืนนี้คนจะแน่นร้านนะ” “ก็พูดเกินไป” ปยุดายิ้มมีเลศนัยทำเอาหนุ่มคนนั้นส่ายหน้า “หรือประกาศบอกใครให้ตามมาจ๊ะ” “บ้าแค่ลงรูป แต่นายก็เห็นเร็วนะ” “ดูอยู่พอดีเลยเดินมาทัก แต่เราสองคนเป็นมิตรนะ ไม่ได้คิดไปใน ทางแบบนั้น เข้าใจใช่ไหม” ชายหนุ่มบอกกับปยุดาที่หัวเราะ ลั่น “เหมือนรู้ไส้รู้พุงกันล่ะสิ เลยไม่สนใจยุ่งแล้วน่ะ” “เราว่าอย่างยุ่ง มีไว้มองดูให้โลกสดใสพอแล้ว ได้มาข้างกายไฟคงไหม้จนตายไปสักวันแหละ” “ร้ายกาจ” ปยุดายิ้มและเป็นไปตามคาดหมาย เมื่อเริ่มมีคนเข้ามาทักทายสาวสังคมที่มักพบเจอได้ตามสถานบันเทิง แล้วแต่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน สถานที่ใด แต่ช่วงหลังงานน่าจะยุ่งวุ่นวายและที่สำคัญข่าวซึ่งเผยแพร่ออก มาว่า คนรักเก่ากลับมาจากต่างประเทศ อาจจะทำให้หนุ่มๆ ทั้งหลายที่เป็นหมู่ภมรนั้น คงรู้ดีกว่ามีคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งเคยได้หัวใจสาวสวยคนนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ปยุดายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นตุลย์เดินเข้ามาในร้าน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก่อนมองตาม “ใช้ได้นะ” ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ให้ปยุดาและนั่งอยู่รอจนได้รับการแนะนำให้รู้จักกับตุลย์ก่อนที่จะขอตัวกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD