บทที่ 1 บทนำ
แสงแดดสาดส่องเข้ามาในห้องนอนใหญ่แต่ก็ไม่มีผลทำให้สองสามีภรรยาผละห่างจากกันได้เลย คาร่าและผู้เป็นสามีอย่างนาธานนอนกอดกันกลมบนเตียงกว้าง ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปสักกี่ปีความรักที่เขาเคยมอบให้ภรรยาคนสวยก็ยังไม่ลดน้อยลงเลย
“ปล่อยคาร่าได้แล้วค่ะ ปานนี้ลูกสาวคนโตของเราคงลงไปเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนแล้ว” คาร่าบอกกับผู้เป็นสามียิ้มๆ ความหวานในชีวิตคู่เป็นคนตัวโตที่ขยันเติมเต็มจนเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีจริงๆ
“ยังไม่อยากให้ลุกเลยครับ ลูกสาวเราก็เหมือนกันไม่รู้จะขยันไปทำไมทุกวันในเมื่อเราก็มีคนทำอาหารให้ทานอยู่แล้ว”
“ลืมไปแล้วหรอคะว่ามันคือความสุขของเองเจิล”
“ครับ ผมรู้ผมถึงขัดอะไรที่รักไม่ได้เลย” นาธานค่อยๆปล่อยมืออย่างภรรยาอย่างแสนเสียดายแล้วก็พากันจูงมือเดินหายเข้าไปในห้องน้ำด้วยกัน กลิ่นหอมของอาหารลอยฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน แน่นอนว่าสิ่งนี้ปลุกให้แองจี้ตื่นจากการหลับใหล
“หอมจังเลยค่ะ วันนี้มีอะไรทานบ้างน้า”
“วันนี้มีของโปรดของทุกคนเลยนะ พี่ตั้งใจทำสุดฝีมือถ้าทานได้น้อยละก็พี่คงเสียใจ”
“ฮ่าๆ มีแองจี้ทั้งคนพี่เองเจิลไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกค่ะ มาค่ะหนูช่วย”
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ พี่ว่าเราขึ้นไปตามเบสลงมาจะดีกว่า รายนั้นชอบตื่นสายพอเป็นหนุ่มแล้วก็ไม่ค่อยจะทานอะไร” พี่สาวคนโตที่ต้องดูแลน้องๆตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยิ่งนานวันความสวยก็ยิ่งฉายแววออกมา
“ได้เลยค่ะ รอแปบนึงนะคะ”
“จ้ะ”
เตียงนอนยวบลงไปข้างหนึ่งทำให้เบสรับรู้ได้ทันทีว่าฝาแฝดของตนมาก่อกวนตนแล้ว เขาอยากจะนอนต่อแต่ก็ถูกปลุกจากฝันเป็นเช่นนี้ทุกวัน
“เบส! ตื่นได้แล้วนะ เมื่อไรเบสจะตื่นเองได้สักที เราสองคนโตพอถึงขนาดฝึกงานกันแล้วนะ”
“อย่าเสียงดังได้ไหมแองจี้” เบสตอบกลับทั้งที่ยังหลับตานิ่งบนเตียง
“จะไม่เสียงดังได้ไงก็ตัวเองไม่ยอมตื่นขึ้นมาอ่ะ” แองจี้ตอบกลับอย่างเซ็งๆ หน้าที่นี้เป็นหน้าที่ของเธอตลอดไม่ว่าเธอและฝาแฝดของเธอจะโตแค่ไหนก็ตาม
“โอเคๆตื่นแล้วก็ได้ วันหยุดแท้ๆ” ประโยคหลังหนุ่มหล่อบ่นออกมาเบาๆ
“ว่าไงนะ”
“ปะ เปล่า นำไปสิ”
“รีบๆตามมาเลย”
สองแฝดเดินตามกันมาติดๆพอมาถึงก็เห็นว่าทุกคนมารวมตัวกันหมดแล้วที่โต๊ะอาหาร คาร่ายิ้มออกมาเต็มใบหน้าที่เห็นลูกแฝดของตนรักใคร่กลมเกลียว
“หิวจังเลยค่ะ”
“หิวก็ตักข้าวได้เลยจ้ะ” นายหญิงของบ้านหันไปสั่งสาวใช้เสียงหวาน มื้ออาหารดำเนินไปด้วยรอยยิ้มและความสุข แน่นอนว่าผู้เป็นสามีคอยเอาอกเอาใจจนบรรดาลูกๆต่างหมั่นไส้ผู้เป็นบิดามากๆ และวันนี้ก็เป็นวันที่ครอบครัวเอวิงตันต้องร่วมกันแสดงความยินดีเพราะเป็นวันที่บรูคเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจและกำลังจะกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นการถาวร ถึงแม้พวกเขาจะเพิ่งเจอกันเมื่อเดือนก่อนก็เถอะแต่ความคิดถึงและความห่วงใยทำงานอย่างหนัก
"พี่เองเจิลคะ พี่บรูคจะกลับมาเมื่อไรหรอ"
"เห็นว่าพรุ่งนี้นะจ๊ะ พี่ก็รออยากจะให้รางวัลใหญ่กับบรูคอยู่เหมือนกัน"
"ว้าว รางวัลอะไรอะคะ แองจี้อยากได้บ้าง"
"ไม่บอกจ้ะเป็นความลับแต่ถ้าอยากได้ก็รอเอาใบปริญญาของแองจี้มาให้พี่ชื่นชมก่อนสิจ๊ะ"
"โธ่"
"ไปฝึกงานได้แล้วเราน่ะ"
“วันนี้วันหยุดของแองจี้นะคะ”
“ฮ่าๆ พี่ล้อเล่นจ้ะ วันนี้ไม่ออกไปไหนกับน้องวีน่าหรอ”
“วันนี้ขอพักดีกว่าค่ะ แองจี้อยากวาดรูป”
“แล้วเบสล่ะวันนี้จะทำอะไร”
“ผมขอขึ้นไปนอนอีกแล้วกันนะครับ ขอตัวก่อนครับ”
“กินแล้วก็นอนทำแบบนี้ได้ยังไงเบส”
“แองจี้เลิกบ่นสักที คุณแม่ยังไม่เห็นบ่นเบสเลย”
“เอาล่ะๆลูกสองคนจะทะเลาะกันไปถึงเมื่อไร พ่อไม่อยากเห็นลูกทะเลาะกันแล้วแยกย้ายกันเถอะ”
“คุณก็...ไปพูดอะไรอย่างนั้นละคะ”
“ก็มันจริงนี่ครับ เราก็ไปอยู่ในส่วนของเราเถอะครับปล่อยเด็กๆไปเถอะ”
“คุณพ่อก็ยึดตัวคุณแม่เอาไว้ตลอด เบสเปลี่ยนใจแล้วเบสอยากนอนกอดคุณแม่”
“ไม่ได้นะนี่เมียพ่อ พ่อกอดได้คนเดียว” นาธานรีบขยับเข้ามาสวมกอดภรรยาเอาไว้อย่างหวงแหน ลูกๆได้แต่มองบนแล้วก็แยกย้ายกันไปเงียบๆ แองจี้ออกมานั่งวาดรูปที่ริมสระว่ายน้ำ บรรยากาศตอนเช้าบริเวณนี้แดดยังไม่ส่องถึงหล่อนจึงยังสามารถนั่งวาดรูปตรงนี้ได้อีกหลายนาที ส่วนเบสก็ทำอย่างที่พูดพอหัวถึงหมอนก็หลับตาพริ้มไปทันที
ณ บริษัทนำเข้ารถยนต์รายใหญ่
บริษัทนี้เจ้าของบริษัทเป็นเพื่อนกับนาธาน นาธานฝากฝังลูกสาวให้ได้เข้าฝึกงานที่นี่เพราะว่าลูกสาวยื่นคำขาดว่าอยากฝึกที่บริษัทอื่น การฝึกที่บริษัทของตัวเองสาวสวยกลัวว่าพนักงานคนอื่นๆจะเกรงใจตนจนเกินกว่าเหตุ หล่อนอยากได้ประสบการณ์ทำงานดีๆจากการทุ่มเทของตนเอง
"มาแล้วหรอยัยแองจี้" วีน่าเอ่ยทักเพื่อนสนิทน้ำเสียงสดใส
"มาแล้วจ้า ยังไม่ได้กินข้าวเช้ามาหรอวีน่า" แองจี้เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวกำลังนั่งทานแซนวิสอย่างเอร็ดอร่อย
"จ้ะ พอดีรีบๆออกมาพร้อมพี่นักรบอ่ะ ประหยัดน้ำมันดีมาด้วยกัน"
"พี่นักรบก็มาแล้วหรอ"
"ใช่น่ะสิ ไม่ต้องมาทำสายตาแพรวพราวเลยจ้ะ วันนี้พี่ฉันเขาหนีบยัยปากแดงนั่นมาด้วย" วีน่าตอบกลับอย่างเซ็งๆเพราะตนไม่ชอบสาวที่พี่ชายกำลังควงคู่ในตอนนี้
"ชิ พี่นักรบน่ะตาถั่วไปควงยัยนั่นได้ไงก็ไม่รู้"
"ความรักมันบังตาละมั้ง" วีน่าตอบกลับอย่างติดตลกเพราะรู้ดีว่าผู้หญิงคนี้พี่ชายคงไม่ได้คิดจะจริงจังด้วยเหมือนเคย
"ความโง่น่ะสิ" หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงประชดประชัน
"ใครโง่ เธอว่าใครโง่" คนโดนว่าร้อนตัวรีบเดินมาหาต้นตอของเรื่องทันที เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับเพื่อนของน้องสาวคนนี้จริงๆ
"ปะ เปล่า พี่นักรบได้ยินผิดแล้วล่ะค่ะ" แองจี้ไม่คิดเลยว่าคนตัวโตจะโผล่มาได้ถูกจังหวะพอดี เขาโกรธก็คงไม่แปลกเพราะเธอกำลังว่าว่าที่ประธานบริษัทนี่หน่า ใช่แล้วล่ะบริษัทที่เธอฝึกงานอยู่เป็นของครอบครัววีน่าและนักรบ
"ฉันว่าฉันได้ยินชัดเจน วีน่า พี่ไม่เข้าใจจริงๆว่าเราคบเพื่อนแบบนี้ได้ยังไง ถ้าคุณลุงไม่เอ่ยปากขอพี่ไม่มีทางรับเข้าฝึกงานในบริษัทของเราแน่ๆ"
"อย่าว่าเพื่อนของวีน่านะคะ เพื่อนวีน่าพูดถูกแล้วล่ะค่ะ พี่น่ะไปคว้าผู้หญิงแบบนั้นมาได้ยังไง" วีน่าตอบกลับด้วยอารมณ์โมโห เธออยากให้พี่ชายลงเอยกับเพื่อนสาวจริงๆ ถึงเวลานั้นพี่คงรู้ว่าอันไหนคือเพชรแท้อันไหนคือเพชรเทียม
"วีน่า!"
"ยัยแองจี้ชอบพี่พี่ก็ไม่เห็นค่า ระวังเถอะ ถ้าวันไหนคุณป้าคาร่าบังคับให้ยัยแองจี้แต่งงานกับผู้ชายคนอื่น พี่จะรู้ตัวในวันที่สายไปแล้วว่าหัวใจของพี่อยู่ที่ใครกันแน่"
"ไม่มีวันนั้นหรอกนะวีน่า" ว่าแล้วชายหนุ่มก็เดินจากไปทันที เพื่อนของหญิงสาวหน้าเสีย ไม่คิดว่าเขาจะตอบกลับออกมาตรงๆ
"อะ เอ่อแองจี้อย่าไปถือสาเลยนะ พี่นักรบก็เป็นซะแบบนี้ละ ปากไม่ตรงกับใจหรอกเชื่อวีน่าสิ"
"อืม ฉันชินแล้วละ เราแยกย้ายกันไปทำงานเถอะเดี๋ยวจะโดนดุว่าเข้างานสาย"
“โอเคจ้ะ ตอนเย็นไปหาอะไรอร่อยๆทานกันนะ”
“ของหวานพอได้จ้ะแต่ของคาวคงต้องกลับไปทานที่บ้าน”
“อะไรก็ได้ทั้งนั้นจ้ะ ขอแค่ได้ไปทานอะไรด้วยกันก็พอ”
“แล้วเจอกันจ้ะ”
หลังจากไปหาของหวานทานเสร็จแล้วแองจี้ก็ตรงกลับบ้านทันทีเพราะในใจหวังว่าจะได้เจอพี่ชายสุดหล่อที่เป็นขวัญใจของคนทั้งบ้าน มื้อเย็นวันนี้ทุกคนมารวมตัวเพื่อรับประทานอาหาร แต่จังหวะที่จะลงมือทานก็มีเสียงออดดังขึ้นที่หน้าบ้าน แม่บ้านรีบออกไปเปิดประตูทันทีว่าใครมา
"คุณผู้หญิง คุณผู้ชายคะ หวานให้ทายค่ะว่าใครมา"
"ใครล่ะจ๊ะหวาน"
"คิดถึงทุกคนมากเลยครับ" บรูคบอกออกไปเสียงดังทั้งที่ตัวยังไม่ปรากฏ
"พี่บรูค!"
"บรูคลูก จะมาตอนไหนทำไมไม่บอกแม่เลย แม่จะได้ให้คนรถไปรับลูกกลับบ้าน" คนเป็นแม่รีบลุกไปหาลูกชายสุดที่รักทันที
"ฟอดด คิดถึงคุณแม่ไงครับเลยต้องรีบกลับมาเซอร์ไพรส์" บรูดรีบขยับเข้าไปออดอ้อนผู้เป็นแม่
"แหม่ๆ มาถึงก็ออดอ้อนเมียพ่อเลยนะ"
"ก็นี่แม่ผมนี่หน่า" ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ ชายหนุ่มเอาใบหน้าซุกซบอกอิ่มของมารดา
"นี่ หยุดเลยนะ โตเป็นหนุ่มจนจะแต่งงานแล้วทำแบบนี้ไม่ได้นะ" นาธานพยายามดึงลูกชายให้ออกห่างจากภรรยาของตนซึ่งก็คือมารดาของคนตัวโตนั่นแหละ
"ฮ่าๆ โอเคๆผมยอมแพ้แล้วครับพ่อ พ่อนี่หวงแม่ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ" บรูคหัวเราะออกมาเสียงดัง ยอมผละห่างทันที
"อ้าวแน่นอนสิ พ่อเลือกใครแล้วพ่อก็ต้องมั่นคงในความรัก ฟอดด" จบประโยคคนเป็นพ่อก็หอมคนเป็นแม่โชว์ไปหนึ่งที
"ฮี้ววว พ่อนี่หวานมากค่ะ"
"ใช่ไหมละเบส พวกเราสองคนโดนพ่อกีดกันตลอด"
"ถูกต้องเลยครับ"
"ไม่ต้องมาหาพวกกันเลย"
"เอาละๆมาทานข้าวกันดีกว่านะลูก ทานอะไรมาบ้างหรือยังลูก"
"นิดหน่อยครับแม่แต่ผมยังทานได้อีกเยอะ"
“ไม่ต้องพยายามเอาใจแม่ก็ได้ลูก”
“ทานได้จริงๆครับ ไปครับๆน่าทานทุกอย่างเลย” หลังมื้ออาหารชายหนุ่มก็ขนของฝากที่เตรียมมาให้กับสมาชิกภายในบ้านซึ่งทุกคนชอบของที่ชายหนุ่มซื้อมาให้มากๆ
วันรุ่งขึ้นแน่นอนว่ามื้อเช้าอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง บรรดาพี่น้องต่างก็หอบของขวัญมาให้กับชายหนุ่ม ถึงแม้ว่าเขาจะมีครบถ้วนทุกอย่างแล้วแต่ทุกคนก็พยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดซ้ำๆให้ชายหนุ่มอีก
“ขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ โดยเฉพาะนาฬิกาเรือนที่สิบ” จบประโยคของชายหนุ่มทุกคนก็หัวเราะออกมาเสียงดังแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงออดเหมือนเช่นเคย
"ใครมากันอีกละเนี่ย" คาร่าถามออกไปด้วยความสงสัย มีแค่ลูกชายของเธอคนเดียวนี่หน่าที่ทุกคนรอคอย
"ไม่ทราบค่ะคุณคาร่า แต่เธอบอกว่ามาหาคุณบรูคค่ะ"
"บรูคหรอ? เพื่อนลูกหรอ"
"ผมหรอ? มาหาผมเนี่ยนะใครกัน ผมไม่ได้นัดใครไว้เลยครับแม่"
"ใช่ค่ะ เธอบอกว่ามาหาคุณบรูค"
"ไปเชิญเธอเข้ามาก่อนเถอะจ้ะหวาน ให้แขกรอนานๆจะดูไม่ดี" คาร่าตอบกลับยิ้มๆ เจ้าตัวปรากฏตัวก็คงรู้เองว่าเป็นใคร
"ค่ะคุณคาร่า"
"สวัสดีค่ะทุกคน หนูขอแนะนำตัวเองก่อนเลยนะคะ หนูชื่อลดาค่ะมาหาคุณบรูค"
"เธอ! เธอมาทำไมที่นี่" พอบรูคเห็นว่าเป็นใครก็ร้องถามออกไปเสียงหลงจนคาร่าจับได้ถึงความผิดปกติของลูกชาย เขาไม่คิดว่าหญิงสาวจะมาปรากฏตัวที่นี่เพราะเธออยู่ไกลชนิดที่ว่าต้องข้ามน้ำข้ามทะเลถึงจะมาหากันได้
"ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณค่ะ" หญิงสาวที่ตัดสินใจว่าอย่างแน่วแน่แล้วตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ หล่อนดีใจที่สามารถตามหาเขาจนเจอ
"แต่ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเธอ"
"คุณต้องคุยเพราะคุณต้องรับผิดชอบฉัน" ลดาตอบกลับน้ำเสียงจริงจัง
"รับผิดชอบอะไรหรอจ้ะหนู" คาร่าถามออกไปด้วยความสงสัยว่าลูกชายของเธอไปทำอะไรไว้หญิงสาวจึงมาถามหาความรับผิดชอบ
"คุณบรูคทำหนูท้องค่ะ เขาเป็นพ่อของลูกในท้องหนูค่ะ หนูท้องกับเขา" ลดาบอกออกไปเสียงดังฟังชัด เป็นคนฟังที่รู้สึกอื้ออึงแทน
"ท้อง!" ทุกคนแทบจะประสานเสียงออกมาด้วยความตกใจ
"เป็นเรื่องจริงค่ะ หนูท้องได้เดือนกว่าแล้ว"
"น่ะ...นี่เธอโกหก" ชายหนุ่มตอบกลับตาโตคิดว่าหญิงสาวโกหกกุเรื่องท้องขึ้นมา
"พิสูจน์ได้ค่ะ เรื่องแบบนี้หนูคงไม่กล้ากุเรื่องขึ้นมาแน่นอน" หญิงสาวตอบกลับด้วยความมั่นใจ
"ตายๆแม่จะเป็นลม" คาร่าแทบลมจับเพราะข่าวของลูกชายสุดที่รัก คนเป็นสามีรีบมาประคองด้วยความเป็นห่วง
"พ่อว่าค่อยๆพูดค่อยๆจากันดีกว่า มาๆเข้าด้านในก่อนนะ"
"ค่ะ" หญิงสาวยอมเดินตามเข้าไปอย่างว่าง่าย
"จริงหรือเปล่าที่ลูกมีความสัมพันธ์กับหนูลดา" เมื่อรู้สึกดีขึ้นคาร่าก็เอ่ยถามลูกชายน้ำเสียงจริงจัง
"ครับ ตอนนั้นผมเมานี่หน่า" ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงแผ่วเบา ต้องเป็นคืนนั้นที่เขาไม่ได้ทำการป้องกันใดๆแน่ๆ
"คุณปัดความรับผิดชอบนี่"
"ก็ฉันไม่เชื่อ"
"เอาเถอะๆ เป็นลูกผู้ชายยังไงก็ต้องมีความรับผิดชอบ กล้าทำก็ต้องกล้ารับสิไอ้ลูกชาย"
"พ่อหมายความว่ายังไงครับ" บรูคหันไปถามบิดาน้ำเสียงจริงจัง นาธานตบไปที่ไหล่ของลูกชายหนักๆสองสามทีเป็นการยืนยัน
"ลูกต้องแต่งงานกับหนูลดา ยังไงในท้องก็หลานของพ่อทั้งคนนะ" เขาเชื่อว่าเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้โกหกกุเรื่องนี้ขึ้นมาลอยๆ
"โธ่พ่อครับ ยัยนี่หลอกเราหรือเปล่าก็ไม่รู้" ชายหนุ่มยังคงพยายามหาข้ออ้างต่างๆนาๆมาค้านคนเป็นพ่อ
"พี่บรูคอย่าเพิ่งคิดไปในแง่ร้ายสิคะ แองจี้เกลียดผู้ชายปัดความรับผิดชอบที่สุดเลย" สาวน้อยสะบัดหน้าโกรธพี่ชายของตนเอง คำพูดของพี่ชายมันคือคำพูดของคนที่ไม่มีความรับผิดชอบ
"แองจี้ครับ ไม่โกรธพี่สิครับ นะๆพี่ขอโทษครับ" เขารีบง้อน้องสาวสุดที่รักทันทีเพราะไม่อยากให้น้องมองเขาในแง่ไม่ดี
“โกรธแล้ว”
"เพราะเธอคนเดียวเลยทำน้องสาวฉันโกรธแล้ว"
"เอาล่ะๆ จบเรื่องนะ เราต้องรีบจัดงานก่อนที่ข่าวนี้จะถูกเปิดเผย เข้าใจไหมบรูค"
"ครับพ่อ ผมจะปฏิเสธอะไรได้ล่ะครับ" ชายหนุ่มตอบกลับผู้เป็นพ่อเสียงอ่อน
“ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วหนูลดาก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันในบ้านหลังนี้เลยแล้วกันนะจ๊ะ” คาร่าบอกออกไปน้ำเสียงเมตตา ถ้าหล่อนเป็นลดาก็คงอยากจะหาที่พึ่งเช่นกัน
“แต่แม่มีข้อแม้นะ”
“…”
“หนูลดาต้องพักที่ห้องพักแขกไปก่อนจนกว่าจะได้แต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวกับตาบรูค ถึงตอนนั้นก็ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกันได้”
“ค่ะ ลดาอยู่ที่ไหนก็ได้ค่ะ” ลดาแม้จะรู้สึกแปลกที่แต่หล่อนก็รู้สึกอุ่นใจเพราะไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวคนเดียว พอหล่อนรู้ว่าเขากลับเมืองไทยหล่อนก็รีบเก็บกระเป๋าบินตามเขากลับมาทันที
ก่อนเข้านอนคาร่าตัดสินใจเข้าไปหาว่าที่ลูกสะใภ้และแม่ของหลานที่ห้องพักแขก ลดามีใบหน้าเศร้าสร้อยแต่พอเห็นว่าใครมาหาก็ยิ้มออกมาได้
“ยังไม่นอนหรอจ๊ะ”
“ลดาเพิ่งอาบน้ำเสร็จค่ะคุณป้า” หญิงสาวตอบกลับน้ำเสียงแผ่วเบารู้สึกยังไม่ชินกับความสนิทสนมที่คนตรงหน้ามอบให้
“เรียกแม่เหมือนทุกคนเถอะจ้ะ สระผมตอนกลางคืนแบบนี้จะไม่สบายนะจ๊ะ มาๆแม่เป่าผมให้นะ” การกระทำที่แสนอ่อนโยนของคาร่าทำให้ลดาน้ำตาซึม หล่อนไม่เคยได้รับความอบอุ่นแบบนี้จากคนที่เป็นมารดาเลย ท่านทิ้งเธอไปตั้งแต่อายุได้เจ็ดขวบจากนั้นก็ไม่เคยพบหน้ากันอีกเลย เธอได้ข่าวมาว่าท่านแต่งงานใหม่กับนักธุรกิจคนหนึ่ง ตอนนี้เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาได้
“เป็นอะไรไปจ๊ะแม่ทำให้ลดาเจ็บหรอ” คาร่าถามออกไปด้วยความตกใจ หล่อนคิดว่าหล่อนเบามือที่สุดแล้วนี่หน่า
“ปะ เปล่านะคะ ลดาก็แค่คิดถึงคุณแม่ของลดาน่ะค่ะ”
“แม่ของหนูหรอจ๊ะ ตอนนี้แม่ของหนูอยู่ไหน”
“หนูเองก็ไม่รู้ค่ะเพราะท่านทิ้งหนูกับพ่อไปตั้งแต่หนูยังเป็นเด็ก” จบประโยคของหญิงสาวคาร่าก็เข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างได้ดีขึ้น สาวสวยตรงหน้านี้คือเด็กอีกคนหนึ่งที่ต้องการความรักความอบอุ่นจากครอบครัวซึ่งเธอมอบจะมอบมันให้ด้วยความเต็มใจ
“แล้วคุณพ่อหนูละจ๊ะ ท่านสบายดีไหม” อย่างน้อยสาวสวยคนนี้ก็ยังเหลือพ่อเป็นที่พึ่งอีกคนละมั้ง คาร่าได้แต่คิดเองในใจ
“ท่านเสียไปเมื่อสามปีก่อนด้วยอุบัติเหตุค่ะ ท่านทำประกันเอาไว้หนูถึงมีเงินเดินทางมาต่างประเทศ หนูอยากมาหางานทำค่ะ แล้วหนูก็ได้เจอกับคุณบรูค” ประโยคหลังหญิงสาวก็ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับคาร่า
“โธ่ แม่รู้ว่าลดาเศร้าใจแค่ไหนแต่ในเมื่อหนูลดามาเป็นครอบครัวเดียวกันกับแม่แล้ว แม่สัญญาว่าหนูจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปจ้ะ”
“ขอบคุณคุณแม่มากๆเลยนะคะที่ไม่รังเกียจลดา”
“คิดอะไรแบบนั้นล่ะลูก ไม่เอาๆนอนเถอะนะนอนดึกไม่ดีต่อคนที่กำลังน้องนะ ฝันดีจ้ะ”
“ฝันดีเช่นกันค่ะคุณแม่” คาร่าห่มผ้าให้ลูกสะใภ้ก่อนที่จะผละห่างออกไป สามีที่นอนรออยู่ก่อนถึงกับคิ้วขมวดที่เห็นไม่หน้าที่เหมือนจะไม่สบายใจของผู้เป็นภรรยา
“ที่รักเป็นอะไรไปครับ”
“สงสารหนูลดาค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ”
“แกถูกแม่ทิ้งตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คนแบบนี้ใช้ไม่ได้เลยนะคะ ถ้าคาร่าได้เจอนะคงต้องจัดการเสียหน่อย”
“แล้วพ่อแกล่ะครับ”
“พ่อแกเพิ่งเสียไปน่ะค่ะ ตอนนี้ก็เหมือนตัวคนเดียว น่าสงสารจัง”
“…”
“พวกเราต้องทำดีกับเธอเยอะๆนะคะ แกจะได้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว”
“ได้ครับ ว่าแต่นี่ใครน้า...นางฟ้าหรือเปล่า”
“บะ บ้าพี่ธานก็พูดอะไรไม่รู้แก่แล้วอายเด็กนะคะ”
“ฮ่าๆ” นาธานหัวเราะออกมาแล้วก็รวบภรรยามาไว้ในอ้อมกอด
“เรื่องนี้ให้เป็นปัญหาของลูกชายเราเถอะครับ เราแค่คอยดูแลอยู่ห่างๆก็พอ” นาธานเองคิดว่าลูกชายโตพอจะจัดการกับปัญหาของตัวเองได้ อีกอย่างเรื่องของชีวิตคู่ก็เป็นเรื่องของคนสองคนตัดสินใจ คนรอบข้างทำได้เพียงคอยประคองดูแลให้ผ่านไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
“ก็ได้ค่ะ” ทุกอย่างขึ้นอยู่กับลูกแล้วนะบรูคว่าจะรักษาครอบครัวเล็กๆของตัวเองได้ไหม คาร่าคิดอย่างปลงๆในใจ
หลังจากคาร่าผละห่าง ลดาก็พยายามข่มตานอนหลับไป กลางดึกหญิงสาวฝันร้ายสะดุ้งตื่นขึ้นมาใจเต้นแรง ในฝันเธอวิ่งตามผู้เป็นแม่จนหกล้มแต่ท่านก็ไม่ได้หันกลับมา ภาพเหตุการณ์มันไม่ต่างจากตอนเด็กมากนัก ความเป็นห่วงลูกในท้องเกิดขึ้นอัตโนมัติจนเธอต้องยกมือกุมหน้าท้องแบนราบเอาไว้ ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ความฝันเธอจะไม่ยอมวิ่งตามมารดาเหมือนอย่างในฝันแน่นอน
“เห้อ มันก็เป็นแค่ฝันร้ายสินะ” เธอได้แต่ปลอบใจตัวเองไปมาเบาๆแล้วล้มตัวนอนต่อ
เช้าวันนี้ไม่เหมือนกับทุกวันเพราะมีสมาชิกใหม่มาร่วมทานอาหารเช้าด้วย แองจี้น้องเล็กของบ้านนั้นรู้งานขยันเอาอกเอาใจพี่สะใภ้ของตัวเองสุดๆ หญิงสาวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ถูกชะตากับลดามากมายถึงเพียงนี้
“อันนี้อร่อยค่ะแองจี้รับประกัน ดูสิคะเบสกินไปตั้งสามชิ้นแล้ว”
“ฮ่าๆ นับด้วยหรอเนี่ย” เบสยกมือขึ้นมาเกาหัวแก้เก้อที่ถูกแซว เวลาได้ทานอาหารที่มารดาและพี่สาวทำเขาก็รู้สึกเจริญอาหารมากๆเลยล่ะ
“ขอบคุณค่ะ น้องแองจี้ทานบ้างเถอะนะคะ” ลดาแม้จะรู้สึกดีแต่เกรงใจสาวน้อยข้างกายมากกว่าเพราะหญิงสาวตักนั่นตักนี่มาให้เธอทานจนพูนจาน
“ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะน้องลดาที่ยัยแองจี้ของพี่จะมาเอาอกเอาใจคนอื่น ทานเยอะๆนะคะ คุณแม่กับเองเจิลทำแต่ของมีประโยชน์ทั้งนั้นเลย” เองเจิลบอกกับลดายิ้มๆ หล่อนก็ไม่ต่างจากน้องสาวที่รู้สึกถูกชะตากับสมาชิกใหม่ของบ้าน
“น่าแปลกตรงไหนคะก็ในท้องของพี่ลดามีหลานของแองจี้อยู่นี่คะ จริงไหมจ้ะ” แองจี้ยกมือขึ้นลูบหน้าท้องของหญิงสาวด้วยความรักใคร่ การได้หลงรักใครตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้าเป็นแบบนี้นี่เอง
“ไม่แปลกจ้ะไม่แปลก”
“แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะ” คนที่เงียบเสียงมาตลอดพอเปิดปากพูดบ้างก็ทำให้บรรยากาศที่เคยสดใสมืดหม่นลงทันที
“พี่บรูค!”
“ผมว่าพี่พูดแรงไปนะครับ” เบสเสริมอีกแรงอย่างน้อยพี่ชายก็ควรจะนึกถึงจิตใจหญิงสาวมากกว่านี้หน่อยว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร
“แม่ไม่ถูกใจเลยนะที่บรูคพูดแบบนี้” คาร่ารู้สึกไม่พอใจเช่นเดียวกับลูกๆคนอื่นๆ ลูกชายเธอทำไมถึงได้กล้าพุดทำร้ายจิตใจผู้หญิงแบบนี้นะ ไม่เข้าใจจริงๆ
“อย่ามาทำให้เมียพ่อต้องอารมณ์เสียนะบรูค” นาธานรีบขยับเข้ามาโอบกอดภรรยาทันที เขารู้ได้ทันทีว่าคนข้างกายกำลังไม่สบอารมณือย่างแรง
“โอเคครับๆ ผมขอโทษ ผมขอตัวก่อนดีกว่า” เมื่อถูกทุกคนกดดันเขาก้จำเป็นต้องเอ่ยคำขอโทษออกไปและหลีกหนีจากสถานการณ์
“นั่นลูกจะไปไหน” คาร่าถามออกไปแทบจะทันที
“ผมจะไปหาเพื่อนครับ” บรูคเดินทางไปหาเพื่อนสมัยมัธยม วันนี้เขาต้องการที่พึ่งเพื่อสบายสิ่งที่มันอัดแน่นอยู่ภายในใจ แม้เขาจะเกิดมาในครอบครัวที่แสนอบอุ่นแต่เขาก็โชคร้ายตรงที่ไปหลงรักสาวคนหนึ่งและถูกเธอคนนั้นนอกใจไปคบหากับผู้ชายอีกคน เรื่องนี้จึงทำให้เขารู้สึกกลัวเวลาที่จะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน มันเหมือนเป็นปมในใจที่ลบอย่างไรก็ลบไม่ออก
ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดที่หน้าร้านจากนั้นก็เดินไปด้านในตัวร้าน ร้านถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่อากาศจึงเย็นสบายโดยไม่ต้องพึงเครื่องปรับอากาศ พอเจ้าของร้านเห็นว่าเป็นใครก็ร้องเรียกหาด้วยความตื่นเต้นดีใจยกใหญ่เพราะเพื่อนคนนี้ของพวกเขาไปเรียนเมืองนอกเสียหลายปี
“บรูค! เป็นนายจริงๆด้วย เอมิลี่มาดูเร็วมาวันนี้ใครมาหาพวกเรา” ราชันรีบหันไปเรียกผู้เป็นภรรยาที่แปรเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนมาเป็นภรรยาได้สี่ปีแล้ว หญิงสาวออกมาพร้อมกับพยายานรักตัวน้อยที่มีชื่อว่า เอมิเลีย
“บรูคนี่เอง ยินดีด้วยนะนายคงเรียนจบแล้วน่ะสิ”
“ใช่แล้ว ตอนนี้ก็กลับมาอยู่ไทยถาวรแล้ว”
“ดีแล้วล่ะ อยู่เมืองไทยดีที่สุดแล้วไม่ต้องห่างไกลครอบครัวด้วยจริงไหมที่รัก” เอมิลี่หันไปถามผู้เป็นสามียิ้มๆ หลังจากแต่งงานกันชีวิตของเธอก็มีแต่รอยยิ้มเพราะผู้เป็นสามีขยันเอาอกเอาใจเธอเหลือเกิน
“จริงครับ”
“ราชันกับเธอดูเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ” ชายหนุ่มถามออกไปยิ้มๆ เพื่อนของเขาทั้งสองคนเวลานี้ดูมีความสุขจนลึกๆเขายังแอบอิจฉาคนทั้งคู่ ทีเมื่อก่อนล่ะเป็นคู่กัดกัน ตอนนี้ราชันยอมหญิงสาวข้างกายทุกอย่าง
“แน่นอนสิเพราะว่าฉันกับเอมิลี่มีบทบาทใหม่นั่นก็คือพ่อและแม่ของน้องเอมิเลีย” จบประโยคราชันก็ขโมยหอมแก้มลูกสาวจนน้องเอมิเลียหัวเราะคิกคัก บรูคยิ้มตามคู่สามีภรรยาอัตโนมัติ
“วันนี้อยากกินอะไรสั่งเลยนะพวกเราเลี้ยงนายเอง”
“ไม่เอาหรอก ขอให้ฉันได้จ่ายเถอะนะ อย่างน้อยก็ถือเป็นค่าขนมหลาน” ชายหนุ่มปฏิเสธออกไปแทบจะทันที เพื่อนยอมรับฟังปัญหาของเขาแล้วยังต้องมาเลี้ยงอาหารเขาอีกหรอ แบบนี้มันไม่ใช่
“ก็ได้ๆตามใจละกัน นี่เมนูจ้ะ”
“ขอพลาสต้ากุ้งกับน้ำแตงโมก็แล้วกัน” ชายหนุ่มแทบจะไม่ต้องดูเมนูก็สั่งได้เลยเพราะมีสิ่งที่อยากทานอยู่ในใจแล้ว
“น้ำแตงโม?” ราชันถามกลับอย่างไม่อยากจะเชื่อหูเพราะนี่คือเมนูโปรดของผู้หญิงชัดๆ ทำไมหนุ่มหล่ออย่างบรูคถึงสั่งเมนูหวานแหววนี้นะ
“ใช่น่ะสิแปลกอะไร” จบประโยคบรูคก็เพิ่งรู้ตัวว่าที่เขาสั่งไปน่ะคือของโปรดของลดาทั้งนั้นแต่ก็ต้องแกล้งกลบเกลื่อนต่อไป
“เออๆ ไม่แปลกก็ไม่แปลก ที่รักคุยกับบรูคไปก่อนนะครับ” ราชันขอตัวไปทำอาหารและน้ำดื่มมาให้เพื่อนโดยให้ภรรยานั่งอยู่เป็นเพื่อนคุยไปก่อน
“ได้ค่ะ”
“กี่ขวบแล้วล่ะ” เขาจ้องมองลูกของเพื่อนแล้วก็นึกถึงเธอ
“ยังไม่ถึงหนึ่งขวบเลย เรากับราชันรอคอยลูกมานานในที่สุดก็สมหวังกันแล้ว ลูกคือดวงใจของพวกเรา บรูคดูสิไม่ว่าสาวน้อยจะทำอะไรก็น่ารักไปหมด” เอมิลี่ตอบกลับน้ำเสียงอบอุ่นแววตาเป็นประกายแห่งความสุขเมื่อพูดถึงลูก แล้วตัวเขาล่ะจะสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ได้บ้างไหมเขาได้แต่ถามตัวเองไปมาซ้ำๆ
“บรูคก็ลองมีแฟนมีลูกบ้างสิแล้วบรูคจะรู้ว่าความสุขที่แท้จริงเป็นยังไง” หญิงสาวเอ่ยปากแนะนำเพื่อนเพื่อที่เขาจะได้เข้าใจคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริง
“เฮ้อ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ เขาไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องที่กำลังเผชิญได้อย่างไร
“ทำไมถอนหายใจแบบนั้นล่ะเพื่อน เอาน้ำแตงโมไปดื่มก่อนไป”
“ขอบคุณ” บรูคดื่มน้ำแตงโมเข้าไปแล้วก็รู้สึกสดชื่นมากๆ จากนั้นเขาก็เล่าให้คนทั้งคู่ฟังว่าตนเองโดนบังคับให้แต่งงาน
“นายเองก็เข้าใจคุณพ่อคุณแม่หน่อยเถอะเพราะลึกๆแล้วเขาก็ไม่อยากให้มีเรื่องเสียหายเกิดขึ้น ดีซะอีกนายจะได้มีเมียแล้วก็ลูกทีเดียวเลยไง”
“ฉันไม่มั่นใจ”
“นายเองที่รู้ดีแก่ใจ ฉันว่านายกลับไปคิดทบทวนดีๆดีกว่านะเพราะถ้าพลาดไปแล้วนายอาจจะไม่มีวันไปพวกเขากลับคืนมาอีกเลยก็ได้” ราชันเอ่ยเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี ไม่มีอะไรดีไปกว่าการปรับตัวและพยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน
“ขอบใจนายกับเอมิลี่ที่สละเวลามาคุยกับฉันทั้งๆที่ลูกค้าเข้าออกร้านตลอด”
“เพื่อนก็ต้องเป็นที่ปรึกษาให้กันสิ ดีแล้วที่นายมาปรึกษาเรา” พวกเขาเข้าใจดีว่าเวลาคนเราต้องการที่พึ่งหรือที่ระบายมันเป็นอย่างไร
“ขอบคุณจริงๆวันนี้คงต้องขอตัวก่อน ลุงไปก่อนนะครับเอมิเลีย” ชายหนุ่มบอกลาครอบครัวของเพื่อนรวมถึงหลานตัวน้อย จากนั้นก็ตรงกลับบ้านทันที
“ขับรถกลับดีๆล่ะ”
เมื่อรถจอดสนิทในโรงจอดรถเขาก็ก้าวเดินมายังบริเวณสระว่ายน้ำแต่ก็ต้องชุดชงักเพราะมีเหงือกสาวกำลังแหวกว่ายไปมาอยู่ในน้ำ ยอมรับเลยว่าลดาเป็นผู้หญิงที่หุ่นดีมาก อกเป็นอกเอวเป็นเอวอย่างกับนางแบบ ชายหนุ่มเพลิดเพลินไปกับภาพตรงหน้าอย่างหลงใหล แต่แล้วเขาก็เริ่มคิ้วขมวดเมื่อเธอหยุดว่ายน้ำไปดื้อๆ เขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เธอกำลังจะจมน้ำไปต่อหน้าต่อตาเขา