และแน่นอน ว่ามื้อเช้าเขาก็ยังไม่วายสำออย ให้เมียป้อนข้าวป้อนน้ำป้อนยาให้อยู่ดี แม้จะเรียกได้ว่าหายเกือบจะเป็นปกติแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมลงมานั่งร่วมโต๊ะกับพ่อแม่เอาดื้อๆ ปราณปริยาวดีที่ดูแลจนเขานอนดูหนังเรียบร้อยแล้ว
ก็รีบออกจากบ้านที่มีไวทินขับมารอรับอยู่หน้าบ้านแล้ว เพราะเสาร์อาทิตย์จะมีนักเรียนมาเยอะ เลยจะต้องรีบมาช่วยเพื่อนสอนช่วงเช้าถึงเที่ยง
ถึงจะรีบกลับมาดูแลสามีที่ตัวเองไม่อยากจะทำนัก เพราะเห็นว่าหายเกือบจะปกติแล้ว แต่ด้วยหวาดหวั่นในคำตำหนิจากพ่อแม่สามีเลยต้องทำงานสับลางกันน่าดู ไวทินเองก็รู้งาน
พอปราณปริยาวดีเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็สตาร์ทรถรอและบึ่งมาส่งหน้าบ้านในเวลาไม่นานเลย แล้วรีบตรงเข้าครัวไปหาสุดาเป็นคนแรก
“ป้าให้น้อยยกไปให้ตะกี้นี้ค่ะ คุณหนึ่งไปนั่งกินข้าวก่อนดีกว่า เมื่อกี้คุณผู้ชายถามหาอยู่พอดีค่ะ”
อาการโล่งอกจึงเกิดขึ้น แล้วร่างสูงเพรียวก็รีบไปในห้องอาหารให้พ่อแม่สามีเห็นหน้า และนั่งกินโดยมีสุดาตามมาร่วมโต๊ะด้วยไม่ห่าง
“เป็นไข้หวัดธรรมดา ทำไมมันไม่ลุกมากินข้าวข้างล่างล่ะ นอนอยู่ได้ ไม่แมนเลยเจ้าลูกคนนี้”
ผู้พ่ออดบ่นไม่ได้ตามเคย หลังถามอาการจากสะใภ้กับแม่บ้านแล้ว จนเมียต้องหันไปมองตาขวาง สลับกับมองสะใภ้ ที่ดูเหมือนจะรีบตักอาหารเข้าปากเร็วกว่าปกติ ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรือจะรีบขึ้นไปดูแลสามีทางนิตินัยกันแน่
“คุณหนึ่งคะ คุณหนึ่งให้ลงมาบอกคุณหนึ่ง ว่าจะไม่ยอมกินข้าวถ้าคุณหนึ่งไม่ขึ้นไปป้อนเหมือนเมื่อเช้านี้ค่ะ”
น้อยเดินถือถาดลงมารายงานหน้าจ๋อยๆ อีกแล้ว ปราณปริยาวดียังกินไม่อิ่มทำท่าจะลุกขึ้น เพราะกลัวถูกตำหนิ แต่พาทิศอดหมั่นไส้ลูกไม่ได้ เรียกร้องเกินเหตุ และเห็นว่าสะใภ้ยังไม่อิ่ม
“หนูหนึ่งกินให้อิ่มก่อนแล้วค่อยขึ้นไป ถ้ามันไม่ยอมกินตอนนี้ก็แปลว่ายังไม่หิว น้อยวางถาดไว้ แล้วจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”
สุดาพยักหน้าเห็นด้วยเมื่อปราณปริยาวดีหันไปมอง จึงนั่งลงแล้วกินตามเดิม พออิ่มก็เอาอาหารไปเวป ก่อนถึงจะยกถาดขึ้นไปหาสามีที่ไม่ได้นอนอยู่ แต่นั่งเอาหลังพิงหัวเตียง ประหนึ่งว่ากำลังรอสิ่งที่ต้องการก็ไม่ปาน
ใบหน้าหล่อเหลายิ้มออก เมื่อเห็นเมียเดินไปหา ส่วนท้องก็ปั่นป่วนเพราะความหิวไม่น้อย
หมูย่างกับน้ำจิ้มรสเด็ดเขาก็กินได้ไม่บ่น เมื่อมือบางตักใส่ปากให้ ต้มเลือดหมูร้อนๆ ก็กินเกือบจะเกลี้ยงชาม ผัดกระเพรารวมมิตรทะเลก็ไม่บ่นว่าเผ็ดสักคำ ตามด้วยส้มโอหนึ่งจาน
และยาที่ปราณปริยาวดีคิดจะให้กินเป็นชุดสุดท้ายแล้ว เพราะเห็นว่าเขาหายดีเป็นปกติแล้ว เมื่อวัดจากอาหารเกือบเกลี้ยงทุกรายการ
“โทรให้เด็กขึ้นมาเก็บได้หรือเปล่า ผมอยากอาบน้ำ”
เขารั้งมือนุ่มเมียไว้ เมื่อเห็นว่ากำลังจะลุกเอาถาดไปเก็บ ปราณปริยาวดียอมพาเขาไปส่งหน้าห้องน้ำด้วยความรำคาญนิดๆ แต่ก็เตรียมน้ำอุ่นให้แล้วออกมารอด้านนอก เพื่อเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ตามเคย
แต่ที่ไม่เหมือนเคยนั้นคือ คนที่อ้างว่าป่วยไม่ยอมขึ้นไปนอนบนเตียง กลับเดินไปนั่งโซฟาแทน แถมรั้งมือบางให้ตามติดไปด้วย
“ผมเบื่อนอนเตียงแล้ว อยากนอนดูทีวีตรงนี้”
เขาจัดการนอนลง แล้วใช้ตักเมียหนุนแทนหมอนอย่างรวดเร็ว เจ้าของตักอยากจะขยับหนี แต่พบว่าตัวเองนั่งติดพนักวางแขนแล้ว อีกอย่างก็ไม่อยากขัดคนเพิ่งหายป่วย
เดี๋ยวจะเอะอะโวยวายให้อายคนเหมือนคืนก่อนอีก เลยนั่งอ่านหนังสือนิ่งๆ แต่ก็อ่านไม่ได้ เมื่อมีอีกมือยกขึ้นมาดึงหนังสือออก แล้วจ้องมองดวงหน้าสวยแทนจอทีวีที่อ้างว่าจะดู
“เหม็นหน้าผมจนไม่อยากมองเลยหรือไง ถึงต้องยกหนังสือมาบัง”
พร้อมประโยคตัดพ้อ ตีหน้าเศร้าหงอยกระเดียดไปทางงอนนิดๆ จนอีกคนแอบถอนหายใจน้อยๆ ออกมา ก่อนจะสรรหาคำที่คิดว่าไม่ทำร้ายจิตใจเขามาตอบ
“เปล่าค่ะ ก็เห็นคุณบอกว่าจะดูทีวี ฉันก็จะอ่านหนังสือไงจะได้ไม่กวนคุณ”
“ถ้าเปล่า คุณก็ต้องมองผมเวลาคุยกันสิ”
เขาผุดลุกขึ้นนั่ง เมื่อเมียหันหน้าไปทางอื่น และแน่นอนว่าคนเป็นเมียให้รำคาญขึ้นมาอีกระลอก ด้วยไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ถึงได้มาทำเป็นชวนคุย ประหนึ่งไม่ได้มีเรื่องบาดหมางคลางแคลงใจกันเลย
ทั้งๆ ที่ปกติ เขาแทบไม่เคยหันมามองด้วยซ้ำ จึงหันหาจ้องเขาเป็นเชิงบอกให้รู้ ว่าตัวเองไม่เคยหลบหน้าหลบตาใครเหมือนเขาอยู่แล้ว
และนั่นทำให้ต้องสบกับสายตาคมใบหน้าหล่อเหลา ที่จับจ้องอยู่ก่อนแล้วเข้าอย่างจัง ทำให้ต้องรีบหันหนีเพราะเกิดอาการหวาดหวั่นในใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แถมยังพยายามพากายขยับหนี เมื่อเขาส่งยิ้มให้พร้อมกับขยับเข้ามาหาจนชิด จนร่างอรชรไม่มีที่ไปไหน เมื่อมีพนักวางแขนมาขวางไว้
“ไหนบอกว่าจะมองผมไง แล้วทำไมต้องหันหนีด้วย หรือไปทำอะไรผิดมา”
เขายกมือขวาขึ้นแตะปลายคางมน รั้งเบาๆ ให้หันมาหา เพื่อให้ได้จ้องมองใบหน้าที่เมื่อก่อนเขาแทบไม่เห็นความสวยด้วยซ้ำ แต่สำหรับตอนนี้เวลานี้ และวินาทีนี้บอกได้คำเดียวว่าสวยบาดใจ
จนยากจะเมินหมางไปทางอื่นได้ หัวใจที่เคยบอบช้ำกระตุกเต้นเป็นจังหวะรัวเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นเพราะอิทธิพลของคนตรงหน้า
แถมมันกระซิบบอกครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าให้เขารีบก้มลงไปใกล้ๆ อีก และใกล้จนสัมผัสลมหายใจหอมๆ ของเธอ จนเผลอครอบครองสองกลีบชมพูระเรื่อ เพื่อดื่มด่ำกับความนุ่มนิ่มอ่อนละมุลอย่างแผ่วเบา
โดยที่ผู้เป็นเจ้าของต้องรีบยกสองมือบางขึ้นมาดันหน้าอกเขาไว้ แม้ใบหน้าน้อยๆ พยายามเบี่ยงหนี ก็ไม่อาจหลีกลี้ความต้องการของเขาไปได้