“แล้วรถน่ะ เมื่อไหร่จะมาเอาไปใช้ หนูจะมาทำรังแทนอยู่แล้วนะ กลัวเงินไม่พอเติมน้ำมัน แม่จะออกให้ก็ไม่เอา อะไรกันลูกคนนี้ บอกไม่เคยฟัง อย่าคิดว่าแต่งงานแล้ว แม่จะว่าไม่ได้ดุไม่ได้นะจะบอกให้ แต่งงานแล้ว...”
“งั้นหนึ่งกลับนะคะคุณแม่ แล้วจะแวะมาหาใหม่ค่ะ”
คราวนี้ลูกสาวเป็นฝ่ายต้องล่าถอยออกมา เมื่อแม่ทำท่าจะเตือนยาวยืดไม่แพ้ตัวเอง ปานถึงกับหันไปยิ้มให้กอบ ขณะยืนมองแผ่นหลังลูกสาวที่สะพายกระเป๋าใบเดิมอีก
มือก็หิ้วถุงของกินเดินตามบาทวิถีไปอย่างไม่เกรงกลัวแดดยามบ่ายแก่ๆ เลยสักนิด ไม่นานปราณปริยาวดีก็ลงรถเมล์ แล้วเดินเท้าเข้าบ้านแม่สามีอย่างคนอารมณ์เย็นอีก
“อ้าว! ทำไมคุณหนึ่งกลับเร็วจังเลยคะวันนี้”
สุดาเห็นก็รีบทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แล้วรับถุงในมือที่ปราณปริยาวดียื่นให้
“อะไรคะวันนี้ คุณหนึ่งหอบกลับมาทุกวันเลย ป้าก็ไม่รู้จะทำอะไรไปฝากคุณยาย เพราะฝีมือท่านเหนือกว่าป้าทุกอย่างแล้ว”
“แกงเผ็ดลิ้นจี่สอดไส้ค่ะ ตอนแรกคุณยายว่าจะทำแกงคั่วเงาะในมะพร้าวอ่อนมาให้ลองชิม แต่กลัวหนึ่งจะหิ้วหนัก วันนี้ไม่มีรถมาส่ง เพราะต้องไปงานกันหมดตั้งแต่เที่ยงๆ ค่ะ หนึ่งไม่มีสอนก็เลยแวะไปหาคุณแม่ ทำอะไรไว้ให้กิน แล้วก็กลับมานี่ล่ะค่ะป้าสุ ว่าแต่คุณแม่ไม่อยู่บ้านเหรอคะ ไม่เห็นรถจอดอยู่...”
“ป้าสุคะป้าสุ อยู่ไหนเอ่ย”
ยังไม่ทันที่สุดาจะได้ตอบสะใภ้ของบ้าน ก็มีเสียงของคู่ขาเจ้านายดังแว่วเข้ามาก่อนตัวเสียอีก ทั้งสองจึงหันไปหาเจ้าของต้นเสียง ที่เข้าบ้านมาพร้อมหิ้วถุกพะรุงพะรังและยิ้มแป้นมา
ทว่าพอเห็นปราณปริยาวดี ก็แทบจะหุบไม่ทันเอาเสียเลย ในใจก็อดกรนด่าไม่ได้ ที่ตัวเองอุตส่าห์รีบมาแต่หัววัน เพื่อหวังทำคะแนนกับคนรับใช้บ้างยังมาเจอแม่เมียแต่งอีกจนได้
“ป้าสุอยู่นี่เอง มิ้นท์ซื้อของมาฝากป้าสุแล้วก็ฝากเด็กๆ ในบ้านด้วยนะคะ ส่วนถุงนี้ฝากเอาจัดขึ้นโต๊ะมื้อเย็นด้วยนะคะ”
รัตติกาลยกถุงโดนัทกับถุงไก่ทอดเคเอฟซีส่งให้สุดา โดยไม่ได้หันไปหาคนข้างๆ นักนิด สุดาทำตาปริบๆ กับของฝาก ที่ตัวเองเชื่อว่าไม่มีใครอยากจะกระเดือกเข้าไปแน่
เพราะเป็นเมนูที่แทบไม่มีใครอยากกินเลยก็ว่าได้ ถ้าเทียบกับอาหารไทยๆ ที่ทำสดๆ ใหม่ๆ ขึ้นโต๊ะทุกวัน แต่สุดาก็จำใจต้องรับถุงจากอีกมือของคนให้มาถือไว้
ส่วนจากอีกมือคนให้เห็นว่าคนรับๆ ช้าไปหน่อย เลยเอาวางไว้บนโต๊ะอาหาร
“ร้อนจังเลยค่ะป้าสุ ขอน้ำเย็นๆ สักแก้วหน่อยสิคะ แต่ป้าสุไม่ต้องเอามาเองหรอกนะคะ มิ้นท์เกรงใจ ให้เด็กรับใช้ยกมาก็ได้ค่ะ”
“ตอนนี้เด็กๆ รีดผ้าอยู่ห้องซักรีดค่ะ อีกนานกว่าจะเสร็จ เดี๋ยวป้าเอาของไปเก็บแล้วจะยกมาให้แล้วกันนะคะ”
สุดาตัดความรำคาญ ปราณปริยาวดีเลยจะช่วยสุดาด้วยการหิ้วถุงแกงไปเก็บให้แทน
“ถ้าไม่มีใครว่างก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า ส่วนคนที่ว่างอยู่ มิ้นท์ก็คงไม่กล้าใช้หรอกค่ะ กลัวจะแย่ เพราะเป็นถึงเมียแต่ง แต่มิ้นท์ไม่เข้าใจอยู่อย่างนะคะ ว่าเมื่อก่อนทำไมทำนั่นทำนี่ให้มิ้นท์ได้ ตอนนี้ไหงเริ่มแข็งข้อขึ้นมาซะแล้ว หรือคิดว่าหนึ่งไปเคาะประตูเรียกครั้งสองครั้ง เลยหลงตัวเองอย่างนั้นเหรอคะ”
ปราณปริยาวดีกำลังจะหันหน้าเข้าครัว ต้องหันกลับมาหาแล้วจ้องมองคู่ขาสามีตาไม่กระพริบ แม้ใบหน้าจะได้ไม่บูดบึ้ง แต่ก็นิ่งสงบและไม่มีวี่แววว่าจะยิ้มออกมาเลย
จนสุดาอดหวาดหวั่นไม่ได้ เพราะไม่เคยเห็นสะใภ้ของบ้านเป็นแบบนี้สักครั้ง
“ที่ฉันทำให้คุณ ก็เพราะฉันเห็นแก่ความสงบในบ้าน และฉันรู้จักการให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่และให้เกียรติตัวเองด้วย แล้วคุณล่ะ คิดจะให้เกียรติตัวเองบ้างหรือเปล่า”
แล้วปราณปริยาวดีก็เดินไป แต่รัตติกาลก็รีบวิ่งไปขวางหน้าไว้
“คุณหมายความว่ายังไง แล้วฉันไม่ให้เกียรติคุณพ่อคุณแม่หรือตัวเองตรงไหนไม่ทราบ พูดให้มันดีๆ นะ อย่าคิดว่าตัวเองเป็นเมียหลวงแล้วฉันจะไม่กล้า”
รัตติกาลจ้องหน้าตาเขม็งและพร้อมที่จะเอาเรื่อง ปราณปริยาวดีเองก็จ้องตอบ แต่ด้วยแววตาสมเพสเวทนามากกว่า ก่อนจะส่งยิ้มน้อยๆ ออกมาและกิริยาสง่างามไม่เปลี่ยนแปลง
แล้วส่งประโยคเรียบๆ ง่ายๆ ที่ใครๆ ฟังแล้ว ก็เข้าใจได้โดยไม่ต้องคิดนาน
“ถ้าคุณให้เกียรติพวกท่าน ก็คงจะไม่เอาตัวเองมาประเคนให้ลูกชายท่านถึงบ้าน แล้วนอนเอาทุกคืน รดหัวท่านอยู่แบบนี้หรอกกระมังคะ”
“ถ้าลูกชายท่านไม่เรียกฉันมาซะอย่าง ฉันจะมาได้เหรอ ท่านเองก็ทราบดี ไม่เห็นจะว่าอะไรฉันเลย แล้วจะมาบอกว่าฉันไม่เกียรติท่านตรงไหน”
“แต่ถ้าฉันเอาเรื่องที่คุณทำอยู่แบบนี้ ไปบอกผู้ใหญ่ของฉัน คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะถูกตำหนิในฐานะสมรู้ร่วมคิดให้คุณสองคนทำเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้”
“ก็แล้วทำไมไม่รีบไปบอกๆ ซะทีล่ะ ถ้าไม่กล้าก็กรุณาอย่ามาเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ในเมื่อคุณเป็นเมียแต่ง ก็เชิญนอนกอดทะเบียนสมรสให้สมใจอยากไปสิ ส่วนฉันที่ถือว่าเป็นเมียของหนึ่งเหมือนกัน ก็จะนอนกอดนอนกกเขาไปแทนคุณก็แล้วกัน”
“ขอบคุณนะคะ ที่อุตส่าห์เอาตัวมาทำหน้าที่แทนฉัน ตั้งแต่วันส่งตัว ถ้าจะให้ดี ก็ช่วยรักษาตำแหน่งหน้าที่นี้เอาไว้เรื่อยๆ และนานๆ นะคะ ถึงเวลาเหมาะสม ฉันจะได้หย่ากับสามี โดยไม่ต้องเปลืองตัวสักนิด แถมได้ค่าสินสอดไปใช้ฟรีๆ หลายสิบล้านด้วย ถ้าไม่มีคุณมานี่ ฉันคงจะแย่เหมือนกันนะคะ”
จบคำปราณปริยาวดีก็ยื่นถุงในมือให้สุดา แล้วเดินหนีขึ้นบันไดไป ปล่อยให้รัตติกาลขบคิดกับน้ำคำอันกำกวมเมื่อครู่อยู่เป็นนาน