และยิ้มให้ด้วยความสะใจไม่น้อย ทว่าก็ยังเห็นเจ้าหล่อนตีหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านกับภาพของเขากับเจ้าสาวอยู่นั่นเอง
รวมไปถึงตอนเจ้าหล่อนเข้ามาประคองสังข์น้อย แล้วหลั่งน้ำลงมายังมือของเขา ก็ยังเห็นเจ้าตีหน้ายิ้มแย้มเป็นปกติอยู่ได้ แถมก้มลงไปกระซิบใกล้ๆ เขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาให้ได้ยินแค่สองคนเท่านั้น
“เอหวังว่าพี่หนึ่งจะมีความสุขกับคนที่เลือกนะคะ และหวังว่าพี่หนึ่งคงจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่”
แล้วเจ้าหล่อนก็ยิ้มหวานให้เขา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาเองก็ยิ้มรับอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ก็แอบชำเลืองมองเจ้าหล่อน กำลังรดน้ำลงบนมือเจ้าสาว แล้วเดินกลับไปโดยไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้ปราณปริยาวดีแปลกใจสักนิด หรือจะแปลกใจก็ตรงที่ ทำไมคนบ้านใหญ่ถึงมาร่วมงานด้วยได้ตั้งแต่เช้ามากกว่า
“ทำไมเราต้องมาร่วมงานทุกช็อตด้วยล่ะค่ะพี่เป้ ไว้ตอนกินเลี้ยงค่อยมาอีกรอบก็ได้นี่คะ เอเริ่มจะเหนื่อยแล้วนะ”
แต่ปิยธิดาก็เก็บอาการอิจฉาริษยากึ่งเสียดายลึกๆ ไว้ไม่ได้ ว่าทำไมงานแต่งของตัวเอง ถึงไม่มีนั่นไม่มีนี่เหมือนงานของคนรักเก่ากับแม่ลูกเมียน้อยบ้าง
ขณะต้องทนนั่งอยู่ในโบสถ์ ร่วมในพิธีคริสที่เจ้าบ่าวเป็นคาทอริคมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายแล้ว
เมื่อเปียโนบรรเลงเพลงไบรดัลคอรัส (Bridal Chorus) ขึ้น แขกที่นั่งอยู่ในโบสถ์ ต่างหันหลังไปพร้อมกัน รวมทั้งปิยธิดาด้วย แล้วสายตาอันร้อนผะผ่าว หัวใจก็สั่นคลอน
ตาก็จ้องเขม็งไปยังเจ้าสาว มือบางเกี่ยวแขนคุณตาเปล่ง เดินเข้าโบสถ์มา ควบคู่กับเสียงเปียโนอันไพเราะพริ้ง พลิ้วหวานจับจิตจับใจทุกดวง ที่อยู่ในงานให้นิ่งงันจนแทบลืมหายใจ
ขณะจับจ้องอยู่กับร่างสูงโปรง ในชุดสีทองไล้ท์แชมเปญเกาะอก เผยให้เห็นสร้อยเพชรมูลค่าหลายล้านบาท ผิวเนื้อขาวได้จากเชื้อจีนฝ่ายผู้พ่อ ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าลูกไม้ฝรั่งเศส ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski) ทั้งตัว
ชายกระโปรงแต่งลูกไม้เป็นช่อๆ อย่างสวยงาม แปลกตา และยาวกว่าสามเมตร มีเด็กชาย เด็กหญิง ในชุดน่ารักประคองเดินตามมาถึงห้าคู่
สายตาคนในงานจ้องมองไปยังเจ้าสาว กำลังถูกเจ้าบ่าวเปิดชายผ้าบางคลุมเอาไว้แต่แรกออก เผยให้เห็นโฉมหน้าอันงดงาม จนหัวใจที่แห้งแล้งจากรักถึงกับกระตุกเต้นในวินาทีแรกที่เห็น
แต่ไม่นานเขาก็ควบคุมมันเอาไว้ได้เป็นปกติ แล้วยืนสงบนิ่ง ให้บาทหลวงทำพิธีต่อไปจนจบ
ถึงวินาทีสำคัญ คือเจ้าสาวต้องโยนช่อดอกไม้ เรียกเสียงฮาจากสาวๆ ได้ไม่ยากสักนิดนั้น คนที่ได้ช่อดอกไม้ไปครอบครองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน นั่นคือรัตติกาล ที่มาร่วมงานตั้งแต่ช่วงเช้าด้วยความขมขื่นใจ
เมื่อเผลอไผลรักหนุ่มคู่ขาไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และขัดขวางงานแต่งไม่ได้ เพราะทั้งสองต่างมีข้อตกลงว่า จะไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกันและกัน
พลาธิปยิ้มร่าออกมา เมื่อคนใกล้ตัวยืนประคองช่อกุหลาบขาวไว้ด้วยความภาคภูมิใจอย่างไม่ปิดบัง ปราณปริยาวดีบังเอิญหันมามองเขาพอดิบพอดี
จึงได้เห็นแววตาที่มีต่อคนถือดอกไม้ ว่ามีความหมายลึกๆ ซุกซ่อนอยู่ แต่พอเขาหันมาหา ดวงตาคู่สวยก็หันไปยิ้มให้เพื่อนคนอื่นๆ แทน
ผู้เป็นเจ้าบ่าวไม่ใคร่อยากจะยอมรับนักว่า เวลานี้สาวในชุดขาวสะอาดตานั้น สะสวยกว่าวันไหนๆ ที่เคยเห็น แม้จะเป็นเพียงไม่กี่ครั้ง ระหว่างอยู่ในฐานะคนรักของปิยธิดา ที่จะได้เห็นเจ้าหล่อนก็ตามที
หรืออีกนัยคือ เขาไม่ใคร่จะหันไปมองเจ้าหล่อนเวลาเดินผ่านบ้านใหญ่สักเท่าไหร่ด้วย แต่เขาก็จำได้ว่าไม่มีครั้งไหน ที่เจ้าหล่อนจะสวยเท่าครั้งนี้และวันนี้
คงจะเป็นเพราะทีมจัดงานกระมัง ที่เนรมิตรความงามให้เจ้าหล่อน แต่เขาก็เผลอจ้องมองเจ้าหล่อนอีกจนได้ เมื่อก้าวออกจากโบสถ์ ไม่นานก็ถูกทีมงานหิ้วไปขึ้นรถ ตรงเข้าโรงแรมหรูหรา
ซึ่งจะเป็นที่จัดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ แม้อยากจะรู้ว่าเจ้าหล่อนจะออกมาในชุดไหน แต่เขาก็เดาได้ไม่ยากว่า คงจะสวยเด่นเป็นสง่าตามประสาเจ้าสาวอยู่นั่นเอง
“เอ้ย! ได้เมียสวยนี่หว่าไอ้หนึ่ง ไม่เบานะแก อกหักไม่กี่เดือนก็หาใหม่ได้แล้ว แถมสวยซะด้วย ไปยืนแถวไหนแนะนำบ้างสิวะ จะได้ไปเตร่ๆ แถวนั้นหน่อย เผื่อจะได้จัดงานอย่างแกไงล่ะ”
รหัทใส่ชุดทักซิโดในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว เดินเข้ามาตบบ่าเขาแรงๆ ก่อนเพื่อนคนอื่นๆ จะตามมาสมทบ เพราะเป็นวินาทีทองหาได้ไม่ง่ายนัก ที่จะได้คุยกันแบบนี้
“ไม่ยักรู้นะ ว่ายัยเอจะมีน้องสาวสวยๆ ซุกซ่อนไว้ แกนี่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจริงๆ ไม่ได้พี่ก็คว้าน้องมา ไม่คิดจะชอบลูกสาวบ้านไหนเลยหรือไงวะ นอกจากลูกคุณลุงปิยะ เสียดายจังเลย รู้อย่างนี้ไปบ้านยัยเอบ่อยๆ ก็ดีหรอก จะได้จีบคุณหนึ่งตัดหน้าแกไปก่อน สวยจริงๆ มองมุมไหนก็สวย เผลอๆ สวยกว่าพี่ด้วยนะแกว่ามั้ยหนึ่ง”
วัทน์เองก็อดแซวไม่ได้ และใช้มือป้องปากกระซิบใกล้ๆ เขา เพื่อไม่ให้ใครได้ยิน
“น้อยๆ หน่อยแก มานินทาเมียฉันระยะเผาขนได้ยังไงกัน”
แต่ภาธรที่เดินมายืนอยู่ข้างหลังวัทน์ก็ได้ยินอยู่ดี เลยใช้ฝ่ามือหนา ตบบ่าแรงๆ เพื่อเตือนว่าอย่าริ วัทน์ตกใจเล็กน้อย แล้วหันไปยิ้มเจื่อนๆ ให้ ก่อนจะแซวกลับ
“อุ้ย! ไอ้เป้มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แล้วไม่มีเมียตามมาคุมหรือไง เห็นไปไหนไปด้วยกันเป็นปลาท่องโก๋เลยนี่นา”
“กลับไปแล้ว ต้องรีบไปทำผมให้ทันงานเลี้ยงเย็นน่ะ ได้เมียสวยนะหนึ่ง แต่สวยน้อยกว่าเมียฉันว่ะ”
ภาธรตอบเพื่อนแล้วหันไปแซวเจ้าบ่าวด้วยความเคยชิน แม้จะไม่แน่ใจ ว่าเพื่อนจะลืมเลือนความบาดหมางทางใจที่ถูกสลัดรักจากเมียเขาแล้วหรือยังก็ตามที
แต่เขาก็ไม่อยากให้เรื่องหญิงๆ มาทำลายมิตรภาพที่มีให้กันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมลงเลย มันออกจะไร้เหตุผลสิ้นดี