“ว่าไงพลาธิป”
แต่เขาก็ถือว่านั่นคือยาชูกำลัง จะทำให้ลูกชายคนแรกเข้มแข็งขึ้น พร้อมจะก้าวไปในตำแหน่งใหญ่กว่า ที่เขากับพี่ชายและผู้บริหารทุกคนคาดหวังอยากจะให้เป็น
แต่ถ้าทำไม่ได้ นั่นจะหมายถึงภัคพลซึ่งเป็นแคนดิเดทอีกคนจะชิงชัยไปอย่างแน่นอน
“ผมรับประกันว่าไตรมาสนี้ผมจะทำยอดให้ทะเป้าที่ตั้งไว้ด้วยซ้ำครับ สงครามยังไม่จบ อย่าพึ่งนับศพทหารฉันท์ใด ก็อย่าพึ่งมาเดาสุ่ม ว่าผมจะทำไม่ได้ฉันท์นั้น ปีที่แล้วยอดผมสวยงามแค่ไหน ทุกคนคงยังจำได้นะครับ ตอนนี้ใครจะนำไปกี่ก้าวผมก็ไม่หวั่น อยากต่อให้ด้วยซ้ำ แล้วผมตามขย่ำทีหลังยังได้เลยครับ”
มีหรือคนอย่างนายพลาธิปจะยอมให้อีกฝ่ายเหยียบจมูกอยู่ฝ่ายเดียว แม้จะหวาดหวั่นกับระยะเวลาที่เหลือ และกับตัวเลขที่นอนกอดอยู่สักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่มีวันยอมให้ใครมาแย่งตำแหน่งที่เขาหมายมั่นไว้อย่างแน่นอน เหนือไปกว่านั้น เขาจะต้องได้มันมา ด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ หรืออย่างน้อยก็ให้อีกฝ่ายได้คะแนนนิดหน่อยเท่านั้น ถึงจะสมศักดิ์ศรีลูกพ่อ
“แน่ใจเหรอหนึ่งว่าจะทำได้อย่างที่พูด”
ผไทคนเป็นลุงอดห่วงไม่ได้ เพราะตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ (MD) ของเขา ที่หลานทั้งสองกำลังหมายมั่นปั้นมือจะก้าวขึ้นมาแทนที่ ส่วนเขาจะเลื่อนขึ้นไปเป็นประธานกรรมการ
หลังจากมั่นใจในตัวคนจะมารับช่วงต่อเรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าตำแหน่งเหล่านี้ พาทิศกับเขา สงวนไว้ให้เฉพาะทายาทสืบสายเลือดเท่านั้น
ผู้บริหารคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์ แม้อายุการจะมาก ประสบการณ์จะช่ำชอง เขาก็ไม่ปล่อยไว้ในมือใครที่ไม่ใช่ทายาท นี่คือหลักถือปฏิบัติมาตั้งแต่ทวดของเขาแล้ว
แต่ทายาทที่จะได้ตำแหน่งเหล่านี้ มาก็ไม่ใช่จะให้กันโดยง่าย จะต้องมีการแข่งขันเพื่อความยุติธรรม และเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับทายาทที่จะเป็นผู้นำรุ่นต่อไป
พลาธิปจึงเป็นแคนดิเดทอันดับหนึ่ง ภัคพลเป็นอันดับสอง ที่เขากับพี่แอบตั้งไว้ในใจอยู่แล้ว แต่ไม่คิดจะเผยให้คนทั้งสองรู้โดยเด็ดขาด ไม่งั้นการแข่งขันจะไม่เข้มข้น
กระบวนการคัดสรร ก็จะไม่ได้คนที่ใช่ดังที่ใจอยากจะได้ และแม้จะรู้ดีว่าทั้งสองคน คอยห้ำหั่นฟาดฟันกันด้วยความสามารถสักแค่ไหน แต่ก็จำต้องทำเป็นมองไม่เห็น ไม่ยุ่งเรื่องของเด็กๆ จะเน้นผลงานเป็นหลักก่อน
“มั่นใจขนาดนั้น ก็ทำให้ได้อย่างที่คุยก็แล้วกันนะ”
พาทิศส่งประโยคขู่ ไปหาลูกด้วยความหมั่นไส้นิดๆ ที่โม้จนเกินงาม แม้จะมีความมั่นใจอยู่บ้างว่าลูกอาจจะทำได้ แต่เขาไม่ใคร่ชอบให้ลูกโอ้อวดตัวเองนัก
โดยเฉพาะกับคู่แข่งกินแหนงแคลงใจเรื่องส่วนตัวกันอยู่ลึกๆ อย่างภัคพลด้วยแล้ว เขายิ่งไม่สนับสนุนให้ลูกคนแรกแสดงกิริยาแบบนี้ออกมาเลย แต่จะทำยังไงได้
“แน่นอนอยู่แล้วครับท่านประธาน”
พลาธิปจ้องมองหน้าพ่อ และทุกคนในห้องประชุมอย่างมาดมั่น
“โอเค! งั้นเรามารอดูกัน มีใครจะเพิ่มเติมอะไรอีกหรือเปล่า”
พาทิศมองกวาดไปหาทุกคน ที่ต่างก็เหนื่อยกับเวลาสองชั่วโมงอันยาวนานในห้องนี้ เลยไม่มีใครเอ่ยอะไรเลย
“งั้นก็ปิดประชุม ขอบคุณทุกคนครับ”
พลาธิปรีบหอบแฟ้มลุกออกจากห้องทันที โดยไม่สนใจจะหันมองว่าลูกเมียน้อย จะคอยประจบอะไรพ่อกับลุงบ้าง เพราะเขาออกจะเบื่อเต็มทีกับการแข่งขันบ้าๆ นี่
แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะมันคือศักดิ์ศรีและฝีมือของตัวเอง ที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขาเหมาะสมกว่าไอ้บ้านั่นเป็นไหนๆ
“คุณหนึ่งคะ เมื่อกี้คุณเป้โทรมาถาม ว่าคืนนี้จะไปงานวันเกิดเพื่อนที่เป็นลูกนายพลหรือเปล่า ถ้าไป แกจะได้ไปด้วย เพราะไม่รู้เพื่อนคนอื่นๆ ไปหรือเปล่า แต่แกว่าควรจะไปเพราะมันจะเป็นผลดีกับโปรเจคที่เขาใหญ่ค่ะ”
กัลยารายงานทันที เขาเดินเข้าห้องนั่งลงกับเก้าอี้อย่างคนหมดแรง สมองก็ขบคิด ว่าเป็นวันเกิดเพื่อนคนไหนกัน สำคัญมากพอที่จะต้องไปขนาดไหน
สักพักก็คิดออก และรู้ดีว่าควรจะไปอย่างที่เพื่อนบอกไว้ แต่ให้ตายสิ เขายังไม่อยากเจอเพื่อนที่ได้คนรักเขาไปครองเลยสักนิด
จึงแค่นั่งเอนหลังพักนิ่งๆ แล้วคิดไปเรื่อยๆ ด้วยความเบื่อหน่าย ทั้งในงานและชีวิตรัก เมื่อคิดไม่ออกว่าจะเอายังไง เขาจึงเปิดแฟ้มตรงหน้าแทน เช็คสั่งจ่ายทีมออกาไนท์เซอร์อยู่ตรงหน้ารอให้เขาจรดปากกาลงไป
ช่วยให้คิดอะไรดีๆ ได้ จึงตัดสินใจโทรไปหาภาธรเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ เดือน ที่ไม่คิดจะโทรหาสักนิด ถ้าไม่เพราะอยากจะรู้จริงๆ
“แกจะเอาใครไปด้วยหรือเปล่าล่ะคืนนี้”
ไม่มีคำทักทายใดๆ เหมือนเคย และเมื่ออีกฝ่ายตอบมาแล้วเขาก็วางสายทันที จากนั้นก็รีบโทรไปอีกที่ต่อ
“ป้าสุครับ ฝากโทรบอกเมียผมให้ด้วย ว่าเย็นนี้เตรียมตัวไปงานวันเกิดเพื่อนผม สักทุ่มหนึ่งจะไปรับ ให้แต่งตัวสวยๆ ด้วยนะครับ”
วางสายได้เขาก็ยิ้มออกมาทันที เมื่อวาดภาพได้ว่างานนี้จะสนุกสักแค่ไหน
แต่สำหรับอีกคนนั้น ไม่ได้สนุกด้วยเลยสักนิด เมื่อเดินเข้าบ้านมาตอนใกล้จะหกโมง แล้วได้รับคำบอกเล่าจากสุดา แต่พอคิดอีกทีว่านี่คือหน้าที่ของเมียบวกกับมีแม่สามียืนอยู่ไม่ห่าง
แทนการบอกปัดผ่านสุดาออกมา ปราณปริยาวดีก็รับคำสั้นๆ แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเงียบๆ เท่านั้น
ชุดสายเดี่ยวผ้าลูกไม้ แต่งดิ้นเงินสีชมพูกระโปรงผ้าซาตินตัดต่อผ้ามุ้งชั้นนอก แต่งโบว์ที่เอวมีสายผูกด้านหลังสั้นแค่เข่า คือชุดที่มีในตู้เพียงชุดเดียวที่คิดว่าน่าจะคว้าสวมใส่ได้
เพราะไม่มีรายละเอียดว่าจัดงานแบบไหน แต่งกายยังไง ผู้คนที่ไปมีใครบ้าง จึงเลือกแต่งแต่พอดีไว้ก่อน
ส่วนผมยาวสลวย ก็ถูกรวบมัดไว้กลางหลัง แล้วตลบปลายเข้าไปเก็บไว้จนหมด แล้วใช้มือจัดให้ผมพองออก ก่อนจะใช้ปิ่นรูปดอกไม้ปักลงไปตรงกลางเพื่อปิดรอยต่อ