บทที่ 3
ในรถในราก็ไม่เว้น
อันที่จริง แม้แต่ตอนยืนรอชาไข่มุกของแม่ตัวแสบนั้น แทนไทก็ยังงงอยู่ว่าอะไรทำให้เขาต้องมายืนอยู่ตรงนี้ แต่เขาคิดว่าทำถูกแล้วที่ได้เอ่ยรับปากหล่อนไป อย่างน้อยๆ ก็เห็นแก่ความเป็นเพื่อนระหว่างเขากับภากร การบริการน้องสาวหล่อนบ้างเป็นครั้งคราว คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงกระมัง
ผู้ชายที่คิดหาเหตุผลจนอ้อมโลก ได้คำตอบที่พึงใจสำหรับการกระทำของตัวเองแล้ว เขายืนหน้าหงิกอยู่หน้าซุ้มขายชาไข่มุกท่ามกลางแดดร้อนจัดกับบรรดาเพื่อนๆ นักศึกษา หล่อนไม่ได้พูดเกินจริงเลย อย่างน้อยก็มีมากกว่าสิบชีวิตที่ยืนอออยู่หน้าร้าน และในที่สุด หลังจากที่รอเกือบยี่สิบนาที เขาก็ได้แก้วชามาถือไว้ในมือ
เขาแลหาคนที่บอกว่าจะมารออยู่หน้าตึกคณะ พอไม่เจอเลยโทรหา นั่นไง หล่อนโบกมือหย็อยๆ อยู่บนชั้นสามของตึกสูงที่ตั้งอยู่ข้างกัน แม่คุณบอกว่าไปรอเจอเพื่อนที่นั่น ให้เขารีบขึ้นไปไวๆ
รอยยิ้มสดใสของแม่ตัวแสบแทนคำขอบคุณทั้งหมดทั้งปวง หล่อนยืนอยู่ริมระเบียงของชั้นสาม และกำลังเดินกึ่งวิ่งเข้ามา ไม่ใช่มาหาเขาหรอกนะ แต่มาหาชาไข่มุกของหล่อนต่างหาก
“อ๊า! ชื่นใจ!” แม่ตัวแสบร้องดังๆ เมื่อได้ลิ้มรสชา มิได้สนเพื่อนนักศึกษาที่กำลังเดินหน้าเพื่อเข้าสู่ห้องเรียน
แทนไทไม่ได้พูดอะไร แค่แอบมองยุริญดาบ้างตอนที่ปากเล็กๆ กำลังดูดชานมจากหลอดอันอวบอ้วน หล่อนเคี้ยวเม็ดไข่มุกจนแก้มตุ่ย คงจะชอบจริงๆ
“จะไปไหนอีก” เขาถามเมื่อหล่อนไม่ยอมหันหลังไปขึ้นลิฟต์ แต่กลับเดินหน้าไปเรื่อยๆ
“หาที่นั่งไง”
“แล้วไหนล่ะเพื่อน เจอกันแล้วเหรอ”
“อือ...เดี๋ยวคงมามั้ง”
“เธอมีเพื่อนด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อนะ”
ยุริญดาค้อนเพื่อนพี่ชายเข้าให้
“ฉันก็ต้องมีบ้างสิ เรียนมาสามปีแล้วนะ ถึงไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็มีไว้พอได้เมาท์มอย ไม่คุยเรื่องฉันได้ปะ รู้สึกเป็นปมด้อยยังไงไม่รู้ที่พ่อแม่รักเกินไปเหมือนไข่ในหิน ในขณะที่พี่กรแรดไปนั่นมานี่ได้ตามอำเภอใจ”
“ก็เธอเป็นลูกสาว พ่อแม่ก็ต้องห่วง”
“จะลูกสาวหรือลูกชาย พ่อแม่ก็ควรห่วงเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“ไม่รู้สิ แต่คง...ไม่ใช่ลูกชายอย่างฉันมั้ง”
ท้ายเสียงมีแววเยาะหยันที่ยุริญดารับรู้ได้ แทนไทมองไปทางอื่นราวกับไม่อยากให้เธอเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา เธอดูดชาอีกอึกใหญ่ กลืนของเหลวรสนมหอมๆ ลงท้อง แล้วเคี้ยวเม็ดไข่มุกที่หวานหนึบหนับ
“พี่”
“อือ...”
“กินชาปะ อร่อยนะ”
แทนไทหยุดยืน เมื่อรู้ว่าแม่ตัวแสบจงใจดึงเขาออกจากวังวนของประโยคสนทนาที่มีผลต่อจิตใจ หล่อนยิ้มให้เขาจนตาหยี ปากดูดชานมเข้าไปจนแก้มป่อง และพอหันซ้ายแลขวาแล้วพบว่าเพื่อนนักศึกษาบางตาลง เขาก็ได้เอ่ยบางอย่างกับหล่อน
“ถ้าป้อนด้วยปากก็อยากจะชิมสักคำ”
คนถูกยั่วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนพี่ชาย
“เอาไว้...พี่เลิกสำส่อนเมื่อไหร่ ฉันจะเอาชานมราดตั้งแต่หัวแล้วให้พี่ชิมทั้งตัวเลย ดีปะ!?”
“อา...ยัยคนนี้นี่ เก่งกล้าขึ้นทุกนาทีจริงๆ” มิใช่แค่ประชดแต่ขยับเข้าหายุริญดา เดินหน้าเข้าหาหล่อน จนร่างหล่อนใกล้จะติดกับผนัง
“ฉะ...ฉัน ฉันล้อเล่นหรอกน่า”
แทนไทไม่ยอมรับคำแก้ต่างของแม่ตัวแสบ กระทั่งแผ่นหลังหล่อนแนบชิดกับผนัง แล้วท่าที่เม้มปากแน่นราวกับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเองนั้นช่างน่าเอ็นดู เขาลูบแตะริมฝีปากหล่อนด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างค้ำผนังไว้กันหล่อนหนี ความเงียบงันเกิดขึ้นชั่วนาที ราวกับว่าเวลานี้สวรรค์เป็นใจ เขาโน้มหน้าลงไปหาหล่อนช้าๆ ปลายนิ้วหัวแม่มือรั้งริมฝีปากล่างของหล่อนลงจนมันเผยออ้า แต่ยุริญดา...ก็คือยุริญดา
“เฮ้ย!!!”
“อะไร! อะไรของเธอฮะ?” พอหล่อนร้องอย่างตื่นตกใจ เขาก็พลอยตกใจไปด้วย แม่ตัวแสบผลักเขาออกด้วยแรงที่มี ก่อนที่รอยยิ้มของหล่อนจะบังเกิดพร้อมกับนิ้วที่ชี้ไปยังประตูห้องเรียน
“บังเอิ๊ญ...บังเอิญเนาะ! เดินไปเดินมาถึงคลาสเรียนของอาจารย์พี่พอดีเลย!”
แทนไทส่ายหัวให้แผนการอันร้ายกาจของหล่อน นี่หลอกเขามาใช่ไหม
เขารีบหันหลังกลับอย่างไว แต่ยุริญดาดึงแขนเขาแน่น
“หยุดนะ! มาถึงแล้วก็เข้าเรียนหน่อยจะเป็นไรไปเล่า ไป! เข้าไปเดี๋ยวนี้!!!”
แล้วแม่คนตัวเล็กก็ลากเพื่อนพี่ชายเข้าห้องเรียน ทั้งสองยื้อยุดฉุดกระชากอยู่ที่ประตูสักพัก อาจารย์ที่ทำการสอนก็เดินมาพอดี แทนไทจึงไม่มีเหตุผลที่จะโดดเรียนอีกต่อไป เขาเดินเข้าห้องในขณะที่ปากให้พรแม่ตัวแสบไปด้วย
ยุริญดายิ้มร่า ทั้งโบกไม้โบกมือให้แทนไทอย่างสมใจ ก่อนจะเผ่นแน่บจากตรงนั้น พร้อมกับชาไข่มุกแก้วโต