บ้านไกรวัลย์ตอนย่ำค่ำ
ชุดราตรีแสนสวยสีฟ้าน้ำทะเล ประดับอยู่บนร่างยุริญดาเรียบร้อย ถึงไม่ได้ใส่ชุดที่หวือหวาเกินไป แต่ก็ทำให้เธอดูดีกว่าตอนใส่ชุดนักศึกษา ไม่รู้ว่าวันนี้แทนไทได้เรียนจนครบทุกวิชาที่มีสอนหรือเปล่า หวังว่าเขาจะเห็นความหวังดีที่เธอมีให้นะ แทนไทเป็นคนเรียนเก่ง ความจำเขาดีมากด้วย ถ้าเขาขยันสักนิด อนาคตเขารุ่งแน่
“กี่โมงแล้วเนี่ยคุณ เร็วๆ ได้ไหม สายแล้ว”
เสียงของมารดาที่เคารพดังอยู่หน้าบ้าน ยุริญดารีบก้าวขาให้ไวขึ้นเพื่อจะได้ออกไปรวมกับทุกคนที่นั่น เป็นเรื่องปกติที่บ้านของเธอมักไปงานเลี้ยงสังสรรค์ มันเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ และพองานไหนที่ต้องไปกันทั้งบ้าน ความวุ่นวายก็มักเกิดขึ้นตามมา แน่นอนว่าต้นเหตุความวุ่นวายก็คือมารดาของเธอเอง
“แม่ริษา! รองเท้าฉันอยู่ไหน ริษา!”
ยุภา ไกรวัลย์ สตรีวัยสี่สิบแปดรูปร่างอวบอิ่มเจ้าเนื้อ ร้องเรียกเด็กที่ตัวเองอุปการะมานานปี ริษาคือคนที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งอย่างในบ้านนี้ แม้ว่าอายุหล่อนจะมากกว่าลูกสาวเธอแค่ปีสองปีก็ตาม
“มาแล้วค่ะคุณท่าน รองเท้าค่า”
ริษาวิ่งออกมาพร้อมรองเท้าสองคู่ที่แตกต่างกัน ยามที่วิ่งมานั้น ชายของเดรสที่สั้นแค่เข่าก็ได้ปลิวพลิ้วไปกับสายลม เธอวางรองเท้าลงตรงหน้าคุณยุภา ช่วยหล่อนสวมรองเท้าคู่สวยราวกับพนักงานในร้านรองเท้าปฏิบัติต่อลูกค้าผู้มีอุปการะคุณ ก่อนจะหันไปหาคนที่เพิ่งเดินมาถึง ยื่นรองเท้าไปให้ยุริญดา จะช่วยสวมให้สาวเจ้าแต่อีกฝ่ายเลื่อนเท้าหนี
“ฉันใส่เองได้น่า พี่ไปช่วยคุณแม่เถอะ”
ยุริญดาบอกด้วยความเกรงใจ ถึงอีกฝ่ายมีหน้าที่ดูแลครอบครัวของเธอ แต่บางครั้งเธอคิดว่ามากเกินไป มารดาเธอนั้น หากพี่ริษาอยู่บ้านละก็ เจ้าหล่อนจะไม่ได้นอนเล่นอยู่ในห้องเฉยๆ แน่ และทั้งที่มีสาวใช้รอบกาย แต่มารดาของเธอก็เรียกหาแต่พี่ริษาอยู่ดี
ริษายิ้มให้นายสาว เธอหันไปดูคุณยุภาอีกรอบ ช่วยจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่
“วันนี้คนใหญ่คนโตมากันเยอะเชียว นักลงทุนหน้าใหม่ก็มีไม่น้อย ถ้าจีบมาร่วมงานกับเราได้ก็คงดี” ชนะชัยเปรยขึ้นในตอนที่คนรถกำลังเปิดประตูรอท่า สองมือที่เริ่มเหี่ยวย่นกำลังจัดเนกไทราคาแพง แต่มันไม่ยอมอยู่ในตำแหน่งที่สมควร
“หนูช่วยค่ะ” ริษาเอ่ยอาสาแล้วช่วยจัดเนกไทให้เจ้านายสูงวัย พอเสร็จก็ขยับไปหาลูกชายของท่านที่ยืนหน้ายุ่งรออยู่
“ผูกให้ฉันด้วยสิ น่ารำคาญจริงๆ” ทำเป็นเอ่ยอย่างนั้นเพื่อให้ริษาขยับมาไวๆ และพอหล่อนมายืนอยู่ตรงหน้า ได้มองดวงตาและริมฝีปากชัดๆ ก็รู้สึกดีบอกไม่ถูก “หอมจัง” เขาแอบกระซิบไม่ให้บิดามารดาได้ยิน กลิ่นหอมอย่างดอกไม้ที่กรุ่นมาจากซอกคอนั้นมันหอมจริงๆ นะ หอมจนอยากฝังปลายจมูกไว้ตรงนั้นสักคืนสองคืนเป็นอย่างต่ำ วันนี้หล่อนสวยเสียด้วย ชุดเดรสสั้นสีเขียวเข้มช่วยขับผิวขาวๆ ของหล่อนให้โดดเด่นน่าลูบไล้เหลือเกิน
“เสร็จหรือยังแม่ริษา อ้อยอิ่งอยู่นั่นแหละ” ยุภาจีบปากจีบคอท้วงเด็กในปกครอง ไม่ชอบใจที่เห็นริษาใกล้ชิดกับลูกชายของตนอย่างนี้ ยิ่งอายุอานามไล่เลี่ยกันก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น
“เสร็จแล้วค่า” ริษาบอกนายผู้หญิงแล้วเรียกหากระเป๋าและไอแพดของตนจากสาวใช้ที่ยืนอยู่ เธอพร้อมแล้วกับงานเลี้ยง พร้อมแล้วกับการทำงานที่ไม่มีเวลาเลิก แต่เธอสู้เสมอ สักวันหนึ่งอนาคตคงดีกว่านี้ เธอเชื่ออย่างนั้น
ชนะชัย ยุภาและยุริญดา ก้าวไปขึ้นรถคันใหญ่ แต่ริษาถูกภากรรั้งไว้
“ให้ริษาไปกับผมได้ไหม”
“อะไรอีกตากร” ยุภาท้วงลูกชาย
“ก็ผมจำคนที่พ่อให้จำไม่ได้ เกิดทักผิดไปได้ขายหน้าพอดี” เขาให้เหตุผล “ให้ริษานั่งไปด้วยเถอะ เทรนผมสักนิดก่อนเข้างานน่าจะดี”
“แต่ว่า...”
“เอาน่าคุณ ไปเถอะ สายแล้ว”
ชนะชัยแนะภรรยาแล้วก้าวขึ้นรถ ยุริญดาช่วยรุนหลังมารดาอีกแรง พวกเธอจะได้รีบไปให้ทันงาน
รถยนต์คันงามแล่นออกนอกรั้วไปในนาทีนั้น ริษาก้าวขาจะตรงไปยังที่นั่งหลังพวงมาลัยของรถอีกคัน
“หยุดเลย จะทำอะไร”
“ขับรถไงคะ”
“ฉันจะขับเอง”
“แต่ว่า...”
“ฉันขับเองได้น่า ไม่ได้เมาซะหน่อย” เขาเอ่ยอย่างเคืองๆ
ริษารีบเดินไปขึ้นรถอย่างรู้หน้าที่ ในมือยังมีกระเป๋าใบเล็กที่ใส่ของจุกจิกและไอแพดเครื่องเก่ง เธอรู้ว่าเขาไม่ได้สนใจเรื่องข้อมูลของนักธุรกิจที่อาจเป็นคู่ค้าของ บริษัทไกรวัลย์ หรอก แต่อยากหาเรื่องแกล้งเธอมากกว่า
“วันนี้เราจะกลับกันกี่โมงคะ ริษาสัญญาว่าจะเล่านิทานให้สไมล์ฟังก่อนนอน” เธอหมายถึงเด็กชายสไมล์วัยห้าขวบ ลูกหลงของคุณท่านทั้งสอง เด็กชายน่ารักและติดเธอแจยิ่งกว่าพี่เลี้ยงคนเก่งอย่างน้าจุ๋มเสียอีก
“กว่าเราจะกลับคงหลับไปแล้วน่า เลิกสนใจสไมล์ได้ไหม เจ้าเด็กนั่นมีแต่คนเอาใจจนจะเสียคนอยู่แล้ว”
ริษาไม่หือไม่อือ แม้อยากจะเถียงว่าคนที่เสียคนน่าจะเป็นพี่ชายของแกมากกว่า เธอนั่งเงียบๆ สองตามองท้องถนนที่ความมืดมิดคลี่คลุมทุกพื้นที่ หากไม่มีแสงสว่างจากดวงไฟ คงมองไม่เห็นสิ่งใด บางทีเป็นความมืดก็ดีนะ อย่างน้อยก็ยังได้เจอแสงสว่างไง แต่เธอนี่สิ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากวังวนของบุญคุณ แต่เธอทนได้ละนะ ทนได้ทุกอย่างนั่นแหละ พวกเขาคือผู้มีพระคุณนี่นา
“เลิกกับแฟนหรือยัง”
“ถามเรื่องที่รู้อยู่แล้วทำไมคะ” เธอย้อนด้วยเสียงอันเรียบนิ่ง เขาน่าจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว แล้วจะถามเธอทำไม
“ไอ้หมอนั่นมันเป็นใคร มันหล่อเหรอ รวยเหรอ เธอถึงชอบ”
“เขาเป็นคนดี”
“ฉันเป็นคนเลวสินะ”