ยุริญดาตาเบิกโต รับรู้ถึงบางสิ่งที่พุ่งเข้ามาในปาก ไหนเพื่อนเคยบอกว่าหอมหวาน ไหนบอกว่าอร่อยเหมือนนมอุ่นๆ ไม่จริง! ขมฉิบหาย!
หมับ!
มือของแทนไทปิดปากยุริญดาอย่างแรง คนที่กำลังจะคายของเหลวในปากทิ้ง ก็เลยต้องเม้มไว้แน่น
“กลืน”
เธอส่ายหน้าระรัว เขายิ้มยั่วแล้วจับคางเธอให้แหงนหงาย
“กลืนเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นจะร้องบอกชาวบ้านว่าเธออยู่กับฉันที่นี่และกำลังทำอะไรกันอยู่”
ยุริญดาชั่งใจเพียงชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้เขาอย่างว่าง่าย แทนไทยิ้มกว้างสมใจ เธอไม่เคยเห็นเขายิ้มถูกใจมากมายขนาดนี้ ปกติแทนไทไม่ค่อยยิ้มหรอก เขามันพวกชอบทำตัวขรึมๆ เท่ๆ ให้สาวกรี๊ดน่ะ
“ว่าง่ายอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย” ชมหล่อนแล้วจับท่อนลำที่กำลังอ่อนตัวเข้าไว้ในกางเกง ยุริญดามองตามตาปรอยเชียว “บอกแล้วว่าจะติดใจ” เขาเยาะนิดๆ หล่อนยิ้มแห้งๆ ให้เขา ยิ้มแบบไม่เห็นไรฟัน ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ ใช้ปลายนิ้วสอดเข้าไปที่ขอบกางเกงชั้นใน
“ชอบละสิ หึๆๆ” หัวเราะเจ้าเล่ห์อย่างสะใจ ยุริญดาดึงขอบกางเกงชั้นในออกแล้วจ้องมองเจ้าสิ่งที่อยู่ในนั้น หล่อนคงชอบใจสินะ คงปรารถนามันอีก คงอยากจะดูดกลืน และ...
“ถุย!!!”
“เฮ้ย! นี่...เธอทำบ้าอะไรฮะ!?” ร้องถามอย่างตกตะลึงเมื่อแม่ตัวแสบบ้วนสิ่งที่อยู่ในปากลงในกางเกงชั้นในของเขา อย่าได้ถามว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร มัน...เละเทะ! ให้ตายเถอะ! ยัยคนนี้นี่!
ถึงทีของยุริญดาได้ยิ้มสมใจบ้าง เธอดึงชายเสื้อเขามาเช็ดปากดิบดี ในตอนที่เขาเอาแต่อึ้งจังงัง
“ก็ของพี่พี่ก็เอาคืนไปสิ รสชาติอุบาทว์ ไม่อร่อย!”
“หา!?”
“ฉันบอกว่าพี่น่ะ ไม่อร่อย! อย่ามายัดเยียดอะไรแบบนี้ให้ฉันกินอีกนะ เสียเวลา!” ร้องใส่หน้าเขาแล้วขยับถอยหลัง แทนไทคว้าแขนเธอไว้
“หยุดเลย! พูดแบบนี้แล้วจะหนีเหรอ!”
“แล้วจะให้อยู่ทำไม มันเหี่ยวขนาดนั้น ฉันไม่ฟินหรอก ไปนะ!”
“นี่! หยุดนะ!” ถึงร้องห้ามก็ไม่ฟัง ยุริญดาเผ่นไปแล้ว หล่อนชิ่งหนีเขาพร้อมกับทิ้งท้ายด้วยวาจาของแม่ตัวแสบ เห็นเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยหือค่อยอือ ที่แท้แม่ตัวร้ายชัดๆ
“พี่ริษา! ฉันอยู่นี่!” ยุริญดารีบร้องเรียกให้พี่เลี้ยงของเธอหันมา แทนไทจะได้เลิกรังควานเธอเสียที
“ฝากไว้ก่อนเถอะ ยัยตัวแสบ!” บ่นไล่หลังแม่ตัวร้ายแล้วจัดการกับกางเกงที่สวมอยู่ ต้องหลับตาลงแน่นๆ อย่างต้องการระงับความขุ่นเคืองเพราะการกระทำของหล่อน เป้ากางเกงเขาแฉะไปหมด เห็นทีว่าคงรอฝนซาไม่ไหว คงต้องวิ่งกลับบ้านตอนนี้แล้วกระมัง
ยุริญดาเห็นหลังแทนไทไวๆ เขาลอดออกมาจากอุโมงค์แล้ววิ่งไปทางประตูรั้ว เธอหันไปหาพี่เลี้ยงอีกครา เรียกหล่อนอีกครั้งให้อีกฝ่ายรีบมาไวๆ
ริษา รัตนาการ หญิงสาววัยมากกว่าเจ้านาย หันหลังกลับไปเมื่อได้ยินเสียงเรียก หัวคิ้วมนๆ ของสาวเจ้า ขมวดเข้าหากันยุ่งเหยิงยามสาวเท้าก้าวไป ร่มในมือถูกส่งให้คนเป็นนายในทันทีที่ถึงตัว ไม่สนว่าตัวเองจะกลายเป็นฝ่ายเปียกปอน การเป็นคนที่เกิดมาต่ำต้อย แล้วได้รับความเมตตาจากคุณท่านซึ่งเป็นบิดามารดาของยุริญดา ทำให้เธอซาบซึ้งบุญคุณยิ่งนัก เธอมีที่พัก มีอาหาร ได้รับการศึกษาที่ดี สิ่งที่ต้องตอบแทนครอบครัวนี้มีเพียงความจงรักภักดีเท่านั้น
สตรีสองนางรีบพากันวิ่งเข้าบ้าน ร่างกายของทั้งสองเปียกไม่ต่างกัน แต่กระนั้น ยามที่เข้ามาถึงห้องนอน ก็ยังเป็นริษาที่คอยหยิบผ้าขนหนูมาให้นายสาว ก่อนจะรีบไปเปิดน้ำอุ่นไว้รอท่า ด้านนอกนั้นฝนยังตกอยู่ อากาศเลยยิ่งเย็นลง
“พี่เปิดน้ำอุ่นให้แล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบลงแช่เถอะค่ะ”
“เดี๋ยวฉันไปน่า พี่ก็เปียกนี่ ไปอาบน้ำเถอะ” ยุริญดาต่อรอง
“คุณยุมาลงอ่างก่อนสิคะ”
คำแนะของพี่เลี้ยงสาวทำให้ยุริญดาต้องรีบเดินมาเข้าห้องน้ำ ส่วนริษาก็ได้ก้าวออกมา
“ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง” คนเป็นนายถามถึงงานที่บริษัท ด้วยว่าตอนนี้ริษาช่วยงานบิดาของเธออยู่ที่นั่น
“ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี อาบน้ำนะคะ เดี๋ยวเป็นหวัด” ตัดบทความใคร่รู้ของคนเป็นนายแล้วรีบหันหลังกลับออกมา เธอก้าวขาอย่างเร่งรีบเพื่อลงไปชั้นล่าง แต่ยังเดินไปไม่ถึงบันได ร่างบอบบางก็ถูกกระชากด้วยมือใหญ่ของใครบางคน
หวืด!
ริษาใจหายวาบ ตกใจที่ถูกฉุดเข้ามาในนี้
“อะไรคะคุณกร ตกใจหมดเลย” บอกเจ้าของห้องอย่างเกรงๆ พยายามไม่มองเจ้านายหนุ่มที่อยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียว
“งานฉันถึงไหนแล้ว ลืมหรือเปล่าว่าต้องส่งก่อน ถึงจะได้จบ”
ภากร ไกรวัลย์ พี่ชายของยุริญดา ส่งเสียงเรียบสนิท ถามเอากับคนที่รับปากว่าจะทำงานส่งอาจารย์ให้เขา
“ใกล้เสร็จแล้วค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ช้า ช่วงนี้งานริษายุ่งมากเลย”
“ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องของเธอ ไม่ต้องพูดมาก ทำงานให้เสร็จเร็วๆ ก็พอ แล้วนี่...เธอไม่รู้จักร่มเหรอ ใช้ไม่เป็นหรือไง”
ริษาตั้งท่าจะเดินหนีเมื่อถูกรวน แต่ร่างเธอถูกรั้งไว้
“ปล่อยค่ะ ตัวเปียก จะรีบไปอาบน้ำ”
“อยากหลบหน้าฉันก็บอก ทำไมล่ะ เกลียดฉันมากเหรอ ขอโทษทีนะ ต่อให้เกลียดยังไงฉันก็เป็นเจ้านายเธออยู่ดี”
“ทราบค่ะ เพราะถ้าคุณไม่ใช่เจ้านาย คงไม่ได้มายืนพูดใส่หน้าริษาแบบนี้แน่”
ภากรเลิกคิ้วสูง สงสัยว่าหล่อนจะหมดความอดทน ถึงได้กล้าเถียง
“ชักไม่น่ารักแล้วสิ!”