บทที่8. ระบายอารมณ์

1098 Words
กระสอบทรายที่แขวนไว้เป็นเป้าซ้อม แกว่งตามแรงของหมัดเล็กๆ เหวี่ยงเข้าใส่เหมือนกำลังระบายอารมณ์ที่หงุดหงิดใส่มากกว่าซ้อมป้องกันตัวเหมือนทุกครั้ง  “กระสอบทรายมันไปทำอะไรหนูตาเรอะ”     “ลุงศักดิ์”   โยษิตาสะดุดเมื่อถูกลุงศักดิ์ชัยเจ้าของค่ายมวยร้าง ปัจจุบันมันกลายสภาพคล้ายสนามกีฬาของเด็กๆชุมชนสวนขวัญ       หญิงสาวหลบสายตาที่จ้องมองหาคำตอบ เธอเดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นซับเหงื่อที่โทรมหน้า    ในหนึ่งสัปดาห์เธอจะหาวันว่างมา ‘ซ้อมป้องกันตัว’ ที่นี่เป็นประจำ  ลุงศักดิ์ของเด็กๆ อดีตเป็นนักมวยของเวทีราชดำเนิน แต่ด้วยอุบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ล้มจนขาหัก  ทำให้ไม่สามารถเป็นนักมวยได้อีก ผันตัวเองมาเปิดค่ายมวยเสียเองก็ไม่รุ่ง โชคดีที่ยังเหลือรถกระบะเก่าๆอยู่คันหนึ่ง   จึงใช้รถคู่ใจรับจ้างทั่วราชอาณาจักร  ด้วยความรักที่มีต่อค่ายมวยที่บุกเบิกมาจึงไม่ยอมรื้อถอนค่ายมวยทิ้งอย่างที่ใครออกความคิด แต่กลับชักชวนเด็กๆ ในชุมชนสวนขวัญที่แกอาศัยอยู่มานานนับสิบปีมาฝึกแม่ไม้มวยไทยแบบไม่คิดสตางค์ ส่วนผู้หญิงก็สอนป้องกันตัวไม่ให้โดยพวกมิจฉาชีพหรือพวกเสือผู้หญิงทำร้ายเอาได้ ซึ่งมันก็ใช้ได้ผลอย่างที่โยษิตาจัดการกับผู้ชายบ้ากามคนนั้นมาแล้ว   “ก็ดูหนูตาต่อยกระสอบทรายซิ! ถ้าเป็นหน้าคนคงยับเยินจนหมอไม่รับเย็บ” ลุงศักดิ์หัวเราะเสียงดังวันนี้ไม่ค่อยมีเด็กๆ มาสักเท่าไหร่ “ช่างหนูเถอะ” หญิงสาวกระเง้ากระงอด เดินมานั่งที่โต๊ะม้าหิน  “แซวก็ไม่ได้ เออ!ข้าวซอยไปไหนละ ไม่เห็นมาซ้อมมวยพร้อมกับหนูตาเลยนิ”    “ไปขายข้าวต้มมัดกับยายจ๊ะ” เธอยิ้มบางๆ ความจริงก็อยากไปเสียเองแต่ติดที่ยายห้ามไว้อยากให้หลานตัวน้อยหัดดูแลตัวเองให้เป็นตั้งแต่ยังเด็ก   “แล้วข้าวซอยจะอยู่ที่นี้อีกนานไหม มันใกล้จะเปิดเทอมแล้วนิ”   “ไม่รู้เหมือนกันจ๊ะลุง”       ‘หนูก็กลุ้มใจอยู่’ เธอได้แต่พึมพำประโยคหลังในใจไม่กล้าพูดออกไปเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า เธอรังเกียจน้องตัวเอง ถึงจะไม่ใช่น้องแท้ๆ แต่ก็ไม่ต่างกันนักหรอก มันน่ากลุ้มไหมละ!มาอยู่สองอาทิตย์แล้วไม่เห็นมีท่าทีจะมารับกลับ ใกล้จะเปิดเทอมของเด็กประถมแล้ว จะเอายังไงก็ไม่รู้ ครั้งนี้แปลกกว่าทุกครั้งที่ข้าวซอยหนีออกจากบ้าน ที่ผ่านมาแค่สองสามวันคุณป้าอำภาก็จะมารับกลับแล้ว แล้วไหนจะค่าใช้จ่ายในบ้านที่เพิ่มขึ้นอีก ถึงมีรายได้จากการขายข้าวต้มมัดแสนอร่อยจากสองยายหลาน แต่เธอก็ไม่อยากให้ยายต้องมาลำบากตอนแก่อย่างนี้ ไอ้งานที่สมัครไว้กี่ที่ก็เงียบเป็นเป่าสากแถมเจอทั้งคนขับรถใจแคบเหยียบน้ำกระเด็นใส่ อ้อ! ถ้าเจอตาหื่นกามอีกนั่นอีก จะไม่ให้ซัดหมัดหนักๆ รั่วใส่กระสอบทรายอย่างนี้ได้ยังไงเล่า!   “น้องตา น้องตาอยู่มั๊ยจ๊ะ”            เสียงสำเนียงเหน่อๆ ดังอยู่ริมรั้วค่ายมวย (เก่า) ของลุงศักดิ์ชัย คนถูกเรียกถอนหายใจหนักๆ แต่ครูฝึกป้องกันตัวของเธอกลับปล่อยหัวเราก๊ากเสียงดัง หนุ่มวินมอเตอร์ไซด์หน้าเหลี่ยมยิ้มกว้างเมื่อมองเห็นคนที่มาตามนั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินใต้ต้นไม้             วันนี้หญิงในดวงใจของเขาสวมเสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงวอร์มสีน้ำเงินกรมท่า ไม่ว่าเธอจะอยู่ในชุดไหนก็เป็น ‘นางฟ้าประจำใจ’ ของนายอ๋องคนนี้เสมอ “มีอะไรคะพี่อ๋อง” หญิงสาวถามออกไปไม่อยากชวนคุยมากนัก ก็เธอรู้ว่าน้ำเสียงหวานๆ ที่ส่งมาแฝงความรู้สึกอะไรไว้  “มีคนมาหาที่หน้าบ้านนะจ๊ะ เห็นว่ามาหาน้องข้าวซอยหรือไงเนี่ย”   ‘คุณป้าอำภามารับข้าวซอยแน่ๆ’ โยษิตายิ้มกว้างดีใจรีบลุกขึ้นเดินไปหาวินมอเตอร์ไซค์หนุ่มประจำซอยสวนขวัญ            “วานพี่อ๋องช่วยไปรับยายเอียดกับข้าวซอยได้ไหมจ๊ะ”  “เพื่อน้องตาพี่อ๋องคนนี้ทำได้ทุกอย่าง พี่จะรีบบึ่งรถไปนะ”   หญิงสาวฝืนยิ้มหวานให้ เธอไม่ได้รังเกียจว่าอีกฝ่ายเป็นแค่หนุ่มขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง แต่เธอไม่เคยคิดอะไรกับเขาเลยนอกจากเพื่อนร่วมชุมชนเดียวกัน   “หนูไปก่อนนะค่ะ ลุงศักดิ์”   โยษิตา รีบวิ่งเหยาะๆ กลับมาที่บ้านด้วยหัวใจที่พองโต บางทีปัญหาที่เธอกลุ้มใจทั้งหลายจะคลี่คลายลงในวันนี้แล้วก็เป็นได้ ที่หน้าบ้านไม้หลังเล็กสองชั้นที่ปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลากชนิด  มีร่างของหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปียืนอยู่ริมรั้วพร้อมกระเป๋าเดินทางใบโต จนเจ้าของบ้านนึกแปลกใจ “สวัสดีค่ะป้าอำภา” หลานสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อมตามมารยาทแต่อีกฝ่ายกลับเชิดหน้าหนีไม่รับไหว้อีกต่างหาก  “ฉันมายืนรอตั้งนานแล้วนะยะ”  โยษิตาสะดุ้งกับหางเสียงของผู้เป็นป้า เธอรีบไขกุญแจบ้านแล้วเชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งพักภายใน  หญิงสาวลอบถอนหายใจเบาๆ ยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เดินตามหลัง  ป้าอำภาอายุสี่สิบกว่าแล้ว แต่ยังแต่งตัวเปรี้ยวด้วยเสื้อลายดอกดวงสีสดใสกับกางเกงรัดรูปเน้นสัดส่วน  บนใบหน้าแต่งแต้มสีสันเข้มจัดจ้าน แม้แต่ผมก็ดัดเป็นลอนแถมทำเป็นสีแดงอมม่วงสะท้านใจผิดกับแม่ของเธอลิบลับ แทบนับครั้งได้ที่แจะเห็นแม่แต่งหน้าเข้มๆ เพราะไปงานกลางคืนกับพ่อ จำได้ว่ามีคนพูดบ่อยๆ ว่าไม่มีใครเชื่อว่าป้าอำภากับแม่อำพรเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน เพราะนิสัยใจคอผิดกันลิบลับ แม่ของเธอไม่ค่อยสอนให้เธอแต่งหน้าเท่าไหร่ เธอมักจะเรียนรู้มาจากเพื่อนในกลุ่มหรือไม่ก็นิตยสารวัยรุ่นมากกว่า แต่เอาเข้าจริง เรื่องแต่งหน้าทาปากก็ไม่ใช่งานถนัดของเธอเลย คล้ายปลงใจว่า แต่งยังไงก็ไม่สวยไปกว่านี้อีกแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD