เสียงเบรกดังลั่นของรถยนต์สีดำมันวาวปาดมาจอดหน้าโรงแรมหรูระดับห้าดาวของบนถนนเพลินจิต
ชายหนุ่มผู้นั่งตัวตรงหลังพวงมาลัยระบายลมหายใจหนักๆ ในขณะที่หญิงสาวผิวขาวละเอียดและมีดวงตาหยีเล็กบ่งบอกถึงสายเลือดที่มีเชื้อจีนอยู่ถึงครึ่งหนึ่ง ริมฝีปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดเม้มสนิทจนเป็นเส้นตรง
“พี่ต้องพาลูกค้าไปชมโรงงานนะครับน้องลิน” ชายหนุ่มพยายามสะกดอามรณ์ที่ขุ่นมัว เขาเองก็ไม่ค่อยชอบที่ต้องคอยเอาอกเอาใจใครนัก
“ก็น้องลินอยากให้พี่ฮาคีมไปดูหนังด้วยกันนี่ค่ะ” เกวลินกระเง้ากระงอดน้อยใจคู่หมั่นนักธุรกิจอายุน้อยที่เป็นจับตามองที่สุดในยุคนี้
“หนังดูเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พี่ปล่อยให้ลูกค้าจากอินโดฯ รอไม่ได้” เขาเอื้อมข้ามหญิงสาวที่นั่งข้างๆ เปิดประตูรถออก สาว
หมวยแทบจะกรี๊ดใส่หน้าแต่ก็อายสายตาของพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ยืนมองอยู่ทางเขาโรงแรม
“ก็ได้ค่ะ…คราวหน้าห้ามเบี้ยวนัดนะ”
“ครับ”
หญิงสาวหยิบกระเป๋าสะพายใบหรูเข้ากับเสื้อไหล่กว้างและกระโปรงยาวเหนือเข่าเล็กน้อย เธอยื่นหน้าไปประทับริมฝีปากกับแก้มเปื้อนเคราเบาๆ ของชายหนุ่มก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถเดินเข้าโรงแรมที่เป็นกิจการของครอบครัวเธอ
ฮาคีม เรกิวลุส ยกมือเช็ดแก้มตัวเองให้แน่นใจว่าไม่มีร่องรอยใดฝากไว้ที่แก้มของเขา ก่อนจะพารถพุ่งไปตามจุดหมายของวันนี้ เขายกข้อมือขึ้นดูเวลาอีกไม่เกินครึ่งชั่วโมงน่าจะถึงที่หมายตอนนี้น้องสาวคนละแม่คงรับรองลูกค้าแทนเขาก่อนได้
นี่ถ้าไม่มัวแต่ต้องเอาใจ ‘เกวลิน’ คู่หมั้นของเขาตามคำสั่งของคุณหญิงกาญจนาแล้วละก็…เขาคงไม่ต้องรีบร้อนจนลนลานขนาดนี้ แค่กินมื้อเที่ยงก็ต้องให้เขาไปรับ เพื่อนฝูงก็มีเยอะแยะจะอ้างแค่ว่าเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกก็ไม่ได้แล้ว เพราะนี้ก็สามเดือนเข้าไปแล้วที่เขาต้องเสียเวลางานมาเทคแคร์คู่หมั้นที่มีผลทางการเงินต่อบริษัทอย่างนี้
เมื่อครู่ที่เขารีบมากขนาดแซงซ้ายเบียดฟุตปาธจนเหยียบน้ำกระเซ็นใส่คนที่ยืนรอจะข้ามถนน ตั้งใจจะถอยรถไปขอโทษแต่เกวลินก็ดันทำมารยาทไม่ดีออกไป คนมีเงินเนี้ยแหละน๊า! คงคิดว่าเงินสามารถแก้ปัญหาได้ทุกเรื่อง แล้วตัวเขาเองเล่า! ที่ต้องเตรียมตัวแต่งงานในอีกห้าเดือนข้างหน้าเนี่ย ไม่ใช่เพราะเงินหรอกหรือ? หมั้นทั้งๆ ที่ไม่เคยคิดจะรักผู้หญิงแบบนี้ได้
ชายหนุ่มจอดรถรอสัญญาณไฟจราจรพลางเลือกซีดีเพลงฟังให้คลายเครียด ความจริงเกวลินไม่ใช่ผู้หญิงเลวร้ายอะไรนัก เธอช่างเข้าสังคมเก่งใช้ชีวิตแบบสาวไฮโซสุดฤทธิ์ข้าวของเครื่องใช้เบรนด์เนมเที่ยวผับหรูจัดปาร์ตี้ที่บ้านหรือไม่ก็โรงแรมของบิดาเธอบ่อยเสียจนเหมือนเป็นกิจวัตรปกติของเธอ แต่สิ่งที่เธอเป็นมันตรงข้ามกับเขาทุกอย่าง
เสียงบีบแตรจากรถยนต์คันหลังทำให้สะดุ้งตื่นจากภวังคเขายกมือเป็นสัญญาณขอโทษก่อนจะพารถเคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมสลัดความคิดต่างๆ ออกจากสมองคิดแต่เรื่องงานและวิธีเกลี้ยกล่อมให้นักลงทุนต่างชาติเข้าร่วมกิจการของ ‘บริษัท เรกิวลุส’
ร่างเพรียวบางในชุดเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มสีเดียวกับกระโปรงยาวคลุมเข่าหยุดชะงักเมื่อรู้ว่าท่านประธานบริษัทฯเข้ามาถึงแล้ว หญิงสาวขยับแว่นสายตากรอบบางสีเงินให้กระชับใบหน้าทีเจือเครื่องสำอางอ่อนๆ แต่ดูรับกับผมสั้นประบ่า เธอยิ้มบางๆ ให้ลูกค้าชาวอินโดนิเซียห้ารายที่เข้ามาเยี่ยมชมโรงงานผลิตเครื่องสำอาง ‘พราว’ แล้วถอยออกมาปล่อยให้ประธานบริษัท เรกิวลุสรับหน้าที่ดูแลต่อ
“เหนื่อยเหรอครับคุณหนูสิริมา” เสียงลุงสมาน คนขับรถประจำตัวเอ่ยถามเบาๆ เมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามานั่งแล้วถอนหายใจที่เบาะหลังของรถ
“บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกฉันว่าคุณหนู” น้ำเสียงราบเรียบจนคนฟังเดาอารมณ์ไม่ถูก
“ครับคุณสิริมา เอ่อ…แล้วจะกลับบ้านเลยหรือว่า…”
“แวะไปเอาเอกสารที่บริษัทก่อนได้ไหม ฉันต้องเอาไปอ่านไว้พรีเซนต์ลูกค้าพรุ่งนี้” เธอเอ่ยเบาๆ ก่อนถอดแว่นสายตาแล้วเอนตัวพิงพนักเบาะนั่งอย่างเหนื่อยล้า
“เอ่อ ท่าทางคุณสิริมาเหนื่อยๆ นะครับทานมื้อเที่ยงรึยังครับ” คนขับรถวัยสี่สิบถามอย่างอาทรพร้อมสตาร์เครื่องรถ
“ยังเลย…เวลาเครียดฉันกินอะไรไม่ลง นึกว่าคุณฮาคีมจะปลีกตัวจากคุณเกวลินมาไม่ทัน ไม่งั้นมันจะเหมือนกับเราไม่ให้ความสำคัญกับเขา” แม้ว่าจะทำงานมาได้หลายปีแต่อาการเกร็งเพราะความเครียดจนทำให้ไม่อยากอาหารไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย “แถวนี้มีอะไรกินบ้างไหม”
“มีก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าอร่อยริมทางครับ!สุดยอด เอ๊ย!ขอโทษครับ” คนขับรถรู้สึกผิดทีเสนอร้านอาหารข้างทางให้คุณหนูลูกคนรองของตระกูลเรกิวลุส
“อร่อยรึเปล่า?” เธอถามยิ้มขำ
“อร่อยครับ ผมแวะมากินบ่อยเวลาขับรถมาส่งคุณสิริมาที่โรงงาน”
“ดีค่ะ ถ้าลุงสมานรับรองความอร่อยก็ไปลองชิมแล้วละ”
ร้านก๋วยเตี๋ยวเรือไม่มีชื่อริมทางช่วงบ่ายสามโมง คนไม่ค่อยมากเท่าไหร่นัก สิริมาถอดเสื้อสูทไว้ที่รถก่อนเดินตามลุงสมานเข้ามานั่งในร้านเล็กๆ เธอสั่งเส้นเล็กเนื้อน้ำตกสองชามและปล่อยให้คนขับรถสั่งทานได้ตามสบาย
นี่แหละตัวเธอ! คุณหนูสิริมาที่ใครต่อใครมองว่าสุดเชิดและแสนหยิ่ง ทั้งที่ความจริงเธอเป็นคนเรียบง่ายอย่างนี้และไม่ได้เป็นคุณหนูอย่างที่ใครเข้าใจ แค่ได้ใช้นามสกุลเรกิวลุสก็เป็นบุญคุณกับชีวิตเธอและแม่อย่างเหลือล้นแล้ว
ก๋วยเตี๋ยวเนื้ออร่อยสมคำเชิญชวนของลุงสมานจนเธอต้องสั่งอีกชาม พอดีกับสายตาของเธอมองที่เด็กหญิงวัยสิบขวบถือกระจาดใบโตมีข้าวต้มมัดอยู่ภายใน มีกระเป๋าสตางค์สีชมพูน่ารักแต่ขะมุกขะมอมคล้องคอ
“ข้าวต้มมัดอร่อยๆ ฝีมือยายละเอียดมาแล้วค่าาาา”
เสียงใสเจื้อยแจ้วดังขึ้นในร้าน…ไม่น่าเชื่อเลยว่าเด็กตัวแค่นี้จะรู้จักทำมาหากินแล้ว แต่จะว่าไปข้างหลังเด็กหญิงก็มีคุณยายท่าทางแข็งแรงเดินตามอยู่ห่างๆ
“ทำไมวันนี้มาเสียบ่ายเลยละหนูข้าวซอย” เสียงป้าเจ้าของร้านถามอารมณ์ดีแถมเป็นลูกค้าประจำฝีมือขนมยายละเอียดอีกต่างหาก
“ยายเอียดก็…ไม่เห็นต้องให้หลานมาทำแบบนี้เลย ฝากไว้ที่ร้านก็ได้ไม่ต้องกลัวฉันโกงหรอก เราคนกันเองเห็นหน้ามาเป็นสิบปี” ป้าคนเดิมดึงแขนหลานสาวจอมซนมานั่งข้างๆ
“ไม่ลำบากเลยจ๊ะป้า…สนุกดี…พอดีเดินไปขายตรงแถวก่อสร้าง...กว่าจะมาถึงป้าก็เลยบ่าย” เด็กหญิงข้าวซอยเอ่ยเสียงใสแล้วยิ้มกว้าง คนเป็นยายได้แต่หัวเราะแล้วลูบหัวหลานสาวเบาๆ
“เก่ง…เก่ง คนเก่งอย่างนี้ต้องมีรางวัล จะกินอะไรดีเดี๋ยวป้าทำให้”