“ใช่แล้วพี่สาม ข้าจะสั่งสอนเขาเอง” หวังซีซวนเน้นยำกับพี่ชายอีกครั้ง แล้วแกล้งทำเสียงตวาดใส่เซี่ยฟาน “กลับมานี่ เจ้าทำให้ข้าขายหน้า” หวังซีซวนรู้ดีว่าหวังเยี่ยนหลงไม่สนใจตนเองเท่าใดนัก คงจะเห็นว่ากำพร้ามารดาเหมือนกันกระมัง
พอเห็นเซี่ยฟานเดินคอตกไปหาหวังซีซวนที่อ่อนกว่าก็ได้แต่สมเพช เขาเลิกคิ้วมองตามด้วยความสงสัยแล้วเดินจากไปอย่างว่าง่าย
“เฮ้อ!” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่คิดว่าหวังเยี่ยนหลงจะเดินผ่านมาทางนี้ เพราะเรือนใบไผ่ของพี่ชายอยู่อีกทางด้านหนึ่ง “เซี่ยฟาน เจ้าไม่ต้องเศร้าไปหรอก แค่หลบน้ำร้อน คนผู้นั้นทำได้สบายอยู่แล้ว”
“คุณชายหมายความว่าอะไร” เซี่ยฟานเงยหน้ามองเขาไม่เข้าใจสิ่งที่พูด เพราะเขาก็เห็นอยู่ว่าชายกางเกงของหวังเยี่ยนหลงเปียกน้ำ
“เซี่ยฟาน พี่สามน่ะ ฝีมือเป็นรองแค่พี่ใหญ่กับพี่รองเท่านั้น เรื่องแค่นี้เขาหลบหลีกได้อยู่แล้ว ปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะยุ่งกับข้าเท่าใดนัก แต่ทางที่ดี เจ้าระวังเขาเอาไว้ให้มาก ๆ ข้าเห็นเขามานาน การกระทำของเขายากจะคาดเดา”
สิ่งที่หวังซีซวนพูดนั้นเป็นความจริง แม้หวังเยี่ยนหลงจะไม่มาวุ่นวายกับเซี่ยฟานในเวลานี้ แต่ก็คอยจับตามองความสัมพันธ์ของหวังซีซวนกับเซี่ยฟานมาตลอด
นับตั้งแต่นั้นมา เซี่ยฟานก็หูไวตาไวมากยิ่งขึ้นเพราะได้หวังซีซวนสอนเคล็ดวิชาทางฝั่งมารดาให้ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งช่ำชองวิชา หลัง ๆ มาแทบจะหลบสายตาบรรดาพี่น้องของหวังซีซวนได้แล้ว แต่คนที่วิชาแก่กล้าขึ้นไม่ได้มีแค่พวกเขา ทุกคนที่อยู่ในสำนักล้วนต้องฝึกฝนตนเองอย่างหนักหน่วงเช่นกัน ดังนั้นแล้ว บางครั้งทั้งสองคนก็หนีไม่พ้นอยู่ดี พอถูกจับได้ก็พากันเล่นละครตบตาว่าคุณชายห้ากำลังดุด่าสั่งสอนทาสในเรือน แล้วทำทีลากเซี่ยฟานไปลงโทษต่อในที่ลับตาคน
เรื่องราวเช่นนี้ดำเนินมาเรื่อย ๆ จนเข้าสู่ปีที่สาม เซี่ยฟานอายุได้สิบสี่ ส่วนหวังซีซวนอายุสิบปี
ในปีนี้ หวังซีซวนไม่อาจต่อรองเลื่อนการฝึกวิชาได้อีก บิดาของเขาสั่งให้เข้าร่วมการฝึกพร้อมกับลูกศิษย์รุ่นเล็ก ทั้งยังพยายามบีบคั้นเขาให้คายวิชาลับที่สืบทอดจากมารดา
ช่วงเช้าของทุกวัน หวังเฉิงเย่จะให้ทุกคนตื่นตั้งแต่ตะวันยังไม่ขึ้นแล้วนั่งทานข้าวอย่างอิ่มหมีพีมัน จากนั้นให้ไปที่ภูเขาหัวโล้นเพื่อดันหินก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงตีนเขา ขึ้นไปด้านบนเขาก่อนตะวันตกดิน ผู้ใดทำไม่ได้จะอดข้าวเย็นและโดนลงโทษให้นอนในเล้าหมู
แรกเริ่มหวังซีซวนแทบจะไสหินก้อนใหญ่ไม่ได้แม้แต่น้อย น้ำหนักของหินนั้นถูกลงวิชาถ่วงดุล แรงกดของก้อนหินแทบทะลุหน้าดินลงไปถึงสามชุ่น เขาถูกลงโทษอย่างนั้นอยู่สามเดือน
ทว่า เซี่ยฟานรู้ดีว่าเด็กน้อยผู้นี้เหนื่อยหนาสาหัสเพียงใด จึงแอบทำอาหารชิ้นเล็ก ๆ รวมถึงนำยาสมุนไพรชูกำลังมาให้เขาใช้ฟื้นฟูตัวเองทุกวัน หวังซีซวนจึงกลับมามีกำลังวังชามากกว่าคนอื่น ในทุก ๆ เช้า
ครั้นได้ดื่มสมุนไพรบ่อยเข้า หวังซีซวนก็เริ่มที่จะไสก้อนหินใหญ่ขึ้นเขาได้วันละนิด ๆ การฝึกวิชาของเขานำหน้าลูกศิษย์รุ่นเดียวกันมาก แต่ไม่มีผู้ใดแปลกใจเท่าใด ระดับบุตรชายของเจ้าสำนัก พลังเท่านี้ดูจะอ่อนด้อยเกินไปด้วยซ้ำ
“เซี่ยฟาน เจ้ารีบกลับไปเถิด เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” หวังซีซวนดันเซี่ยฟานออกไปจากเล้าหมู พลางมองซ้ายมองขวา
“คุณชาย ดื่มยาอีกสักนิดเถิด พรุ่งนี้คุณชายจะแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม จะได้ผ่านฉลุยอย่างไรเล่า” เซี่ยฟานพยายามยื่นขวดสมุนไพรสีทึบให้เขา
“เซี่ยฟาน ต่อให้ดื่มไปเท่าใด ก็ยังไม่ได้ผลมากนักหรอก ไม่ใช่ยาวิเศษเสียหน่อย เจ้ารีบกลับไปได้แล้ว” หวังซีซวนดุเขา เบา ๆ
“ขอรับ พรุ่งนี้ข้าจะมาใหม่ ถ้าคุณชายสอบตก” เซี่ยฟานมองหน้าเขา “ขอให้สอบผ่านนะขอรับ จะได้กลับไปนอนที่เรือนสบาย ๆ” ดั่งคำพูดของเซี่ยฟานเป็นคำอวยพร หวังซีซวนรู้สึกชื้นใจ มีกำลังฮึกเหิมมากขึ้น
รุ่งเช้าวันต่อมา
หวังซีซวนรวมตัวอยู่ด้านล่างเขาพร้อมกับบรรดาศิษย์คนอื่น ๆ ที่สภาพแต่ละคนเหมือนผ่านสนามรบมานับไม่ถ้วน นอกจากจะซูบผอมเพราะใช้พลังเยอะแล้วยังดูอ่อนระโหยเพราะต้องนอนในเล้าหมูอีก
“คุณชาย ท่านมีเคล็ดวิชาอะไรหรือ ทำไมท่านดูแข็งแรงนัก” ศิษย์คนอื่นถามเขา อันที่จริงทุกคนก็สงสัยมานานแล้วว่า คุณชายห้ามีของดีอะไร
“มีที่ไหนเล่า ถ้ามีจริง ข้าจะยังต้องมาไสหินเหมือนพวกเจ้าหรือ” หวังซีซวนตอบไปเรื่อย เขาจะเปิดเผยความลับให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด
เมื่อเสียงสัญญาณดังขึ้น ทุกคนต่างวิ่งไปที่ก้อนหินของตนเอง สองขายืนบนพื้นให้มั่น มือสองข้างแปะไปที่ผนังของก้อนหิน นับหนึ่งถึงสามแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ รวบรวมพลังอันน้อยนิดเพื่อผลักก้อนหินไปตามทาง แต่หินก้อนนี้ หากมีพลังน้อยกว่า มันจะยิ่งดันกลับมาทางตรงข้าม
“คุณชาย! คุณชาย! ช่วยข้าด้วย” ศิษย์ที่อายุน้อยสุดตะโกนขอความช่วยเหลือจากหวังซีซวน เพราะก้อนหินเริ่มไหลมาหาตัวเขาแทนที่จะขึ้นไปด้านบนภูเขา
“ไม่ไหวหรอก เจ้าช่วยตัวเองเถิด” หวังซีซวนตอบกลับเขาเช่นนั้น ดูเหมือนจะไร้น้ำใจ ทว่าก้อนหินนั้นกำลังไหลมาทับเขาเช่นกัน
เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันทดสอบครั้งที่แปดสิบของด่านแรก พวกคนใช้ที่ดูแลคุณชายและลูกศิษย์จึงได้รับอนุญาตให้มาดูการทดสอบเป็นพิเศษ ด้านข้างของสนามจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่ส่งเสียงให้กำลังใจคนของตนเองตลอดเวลา
เมื่อเซี่ยฟานเห็นว่าหวังซีซวนกำลังจะไม่ไหว เขาจึงออกมายืนข้างหน้าฝูงชนด้วยความกังวล กลัวว่าคุณชายห้าจะได้รับบาดเจ็บ ช่วงที่หวังซีซวนหันมาก็เผอิญสบตาเซี่ยฟานพอดี จึงได้เห็นว่าเซี่ยฟานกำลังโบกไม้โบกมือให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ
ครั้นได้เห็นเซี่ยฟานก็เหมือนได้ยาชูกำลัง เขาคิดถึงห้องนอน สวนสมุนไพร เวลาว่างที่ได้เที่ยวเล่นกับเซี่ยฟานอย่างสนุกสนาน หวังซีซวนจึงพยักหน้า เม้มปาก แล้วรวบรวมพลังที่มีทั้งหมดผลักก้อนหินใหญ่ขึ้นภูเขา
ก้อนหินของหวังซีซวนเริ่มเคลื่อนไปข้างหน้า แซงลูกศิษย์ที่อายุน้อยกว่าทีละคน จากนั้นก็มาถึงจุดกลางเขาที่คุณชายหก คุณชายเจ็ดกำลังหันหลังพิงก้อนหินใหญ่เพื่อพักเหนื่อย เขาไม่หยุดพักเหมือนสองคนนั้น ยิ่งคิดถึงอาหารชุดใหญ่ที่เซี่ยฟานทำให้ยิ่งอยากจะผ่านการสอบโดยเร็ว
สาม สอง หนึ่ง กึก!
หวังซีซวนผลักก้อนหินถ่วงดุลมาจนถึงยอดเขาได้สำเร็จ เสียงของคนข้างล่างไชโยโห่ร้องยินดีไปด้วย
พอได้เห็นว่าคนอ่อนแออย่างหวังซีซวนทำได้ คนอื่น ๆ ที่เหลือก็ย่อมฮึดมีกำลังใจ เพราะแต่ละคนคิดว่าตนเองเก่งกว่าหวังซีซวนหลายเท่า ขนาดคนผู้นั้นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้
ก้อนหินของคนที่เหลืออยู่เริ่มขยับ คนใช้ที่คอยให้กำลังใจอยู่ข้างสนามก็ยิ่งส่งเสียงดังมากขึ้น
ในที่สุด ทุกคนก็ผ่านการทดสอบอย่างพร้อมเพรียงกัน
หวังซีซวนแอบยิ้มให้เซี่ยฟาน ในใจคิดว่าจะได้กลับไปนอนที่เรือนของตนเองแล้ว เพียงแต่ว่าการฝึกวิชาของสำนักตระกูลหวังนั้นโหดกว่าที่ใด ในเมื่อผ่านด่านแรกไปแล้ว ย่อมต้องย้ายไปฝึกด่านที่สองในทันที
หลังจากได้ยินเสียงประกาศ เซี่ยฟานมองหน้าหวังซีซวนพลางตบบ่าให้กำลังใจ อย่างน้อยวันนี้เขาก็มีโอกาสได้กลับมานอนที่เรือนหนึ่งคืน เพราะทำสำเร็จเป็นคนแรก ทั้งสองยิ้มให้กันและกันอย่างอบอุ่น
ทางฟากหนึ่งของสนาม สายตาของหวังเยี่ยนหลงกำลังจ้องมองมาที่ทั้งคู่
“แปลกนัก” เขาพึมพำกับตัวเองที่เห็นคนทั้งสองแอบยิ้มให้กัน ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้ว มักจะเห็นว่าหวังซีซวนชอบดุด่าเซี่ยฟาน