วิฬาเกือบปรี๊ดแตก ดีทว่ายั้งอารมณ์ไว้ทัน เธอไม่ได้มีน้ำหนักตัวมากขนาดที่ชายตรงหน้าจะอุ้มไม่ไหว คำแดกดันนั่นทำให้อารมณ์เธอพุ่งสูงปรี๊ดแต่จำใจข่มเอาไว้ มันก็ดีไม่ใช่เหรอ การให้ชายตรงหน้าแตะต้องเนื้อตัวมากไป เธอนั่นแหละที่เสียเปรียบ การอยู่ห่างๆ เขาไว้เธอเองก็จะได้ไม่เปลืองตัว
หมอคนเดิมวิ่งเหยาะๆ กลับมาพร้อมกับกล่องใส่ยา เขาลงมือทำงาน พยายามไม่มองสีหน้าบิดเบี้ยวของคนไข้ ซึ่งไม่น่าเกิดจากอาการเจ็บปวดจากบาดแผล
ไม่ถึงสิบนาทีบาดแผลก็ถูกชำระล้างคราบโคลนที่ฝังอยู่ด้านใน วิฬารู้สึกเจ็บนิดๆ แต่หลังจากล้างแผลเสร็จเธอรู้สึกดีขึ้น ความเจ็บลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“กินยาสักสองสามวันน่าจะเดินได้แล้วครับ ช่วงนี้งดการทิ้งน้ำหนักตัวไปที่เท้าที่เป็น จะทำให้แผลหายเร็วขึ้นครับ” วิฬานิ่งฟังด้วยความใจเย็น เธอต้องรีบติดต่อให้ใครสักคนมารับ ไม่อยากรบกวนชายตรงหน้าให้เป็นหนี้บุญคุณมากกว่านี้
อชิระพาเธอกลับ หลังรับยามาเรียบร้อย
“เห็นกระเป๋าสตางค์ของฉันมั้ยคะ?” เธอถามหากระเป๋า รวมถึงของใช้ส่วนตัวชิ้นอื่น
“อยู่ที่บ้านนั่นแหละ ถามป้าสายเอานะครับ” คำตอบห้วนและสั้นจนจับอารมณ์อะไรไม่ได้เลย
“ค่ะ” และวิฬาก็จนคำถาม แม้จะมีเรื่องติดค้างในใจหลายอย่าง
เขามาส่งเธอ จัดแจงอุ้มเธอขึ้นไปส่งที่เดิม แบบที่ขัดขืนไม่ได้ด้วย เพราะหากไม่ใช่ชายผู้นี้ วิฬาเองก็ไม่มีปัญญาขึ้นไปบนบ้านหลังนั้นด้วยตัวเอง เธอถอนใจหลังอชิระถอยห่าง เขาเดินออกจากห้องนอนของเขาไป แบบไม่พูดอะไรสักคำ
หลังจากนั้นไม่นาน คนของเขาก็เอากระเป๋ากับของใช้ส่วนตัวของเธอมายื่นให้ วิฬาไม่ได้สนใจอย่างอื่นที่เป็นของนอกกาย เธอฉวยกระเป๋าควานหาโทรศัพท์ส่วนตัว และรีบกดโทรออกสายแรกคือพี่ชายคนที่เป็นนายตำรวจ
“พี่วิน วิเองค่ะ วิอยู่ที่ ส่งใครมารับวิที วิเจ็บเท้า กลับเองไม่สะดวก” วิฬารีบกรอกเสียงพูด ไม่รอให้พี่ชายทักทายก่อน
“แกไปทำอะไรที่นั่นหะยัยวิ” ธาวินพี่ชายคนโต คนเดียวที่วิฬาควรคิดถึงก่อนที่จะบุกมาหาอชิระ
“กลับไปวิจะเล่าให้ฟังค่ะ พี่วินส่งคนมารับวิที วิไม่อยากนอนที่นี่คืนนี้นะคะ” วิฬาไม่สะดวกที่จะเล่ารายละเอียด เลยบอกปัดไว้ก่อน
“ถูกผู้ดีบ้านหลังใหญ่โกงเอาสินะ พี่เตือนแล้วไม่ใช่หรือไงยัยวิ” ธาวินเปรยเสียงขุ่น น้องสาวสุดรั้น เชื่อมั่นในตัวเองสูงจนน่าเป็นห่วง
“วิไม่ยอมเสียเงินฟรีหรอกค่ะพี่วิน กลับไปวิขอปรึกษาพี่ด้วยนะคะ ทำยังไงวิถึงจะได้เงินคืนทุกบาททุกสตางค์” วิฬาพูดเสียงลอดไรฟัน
“ส่งพิกัดมา เดี๋ยวพี่ให้ลูกน้องไปรับ” ธาวินตัดบท น้องสาวตัวแสบได้บทเรียนครั้งนี้มากพอที่ครั้งต่อไปจะได้ไม่ประมาท คนสมัยนี้มองแต่หน้าตาหรือฐานะทางสังคมไม่ได้ คนตระกูลใหญ่อย่างทิวากร ตอนนี้เหลือแค่ชื่อ หลังสิ้นต้นโพธิ์ร่มไทรอย่างนายเอก ทิวากรก็แทบจะล้มหายตาจากตามเจ้าของเดิมไปด้วย เมื่อลูกหลานบ้านนั้นดีแต่ผลาญ ไม่รู้จักหาเพิ่ม ต่อให้รวยเป็นร้อยล้าน พันล้าน ย่อมมีทางหมด หากคนในไม่รู้จักทำมาหากิน
ตอนที่ 4.เวรกรรมตามทัน
อรุณวตีเดินหน้าตึงออกมาจากบ่อนเล็กๆ กลางเมืองกรุง วันนี้เป็นอีกวันที่โชคไม่เข้าข้างเธอ เธอขายเครื่องเพชรชิ้นสุดท้ายที่พี่ชายแบ่งให้หลังบิดาลาโลก เงินก้อนนั้นเป็นก้อนใหญ่พอสมควร เธอหวังใช้เงินก้อนมาต่อยอดสร้างกำไร แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้
เงินก้อนสุดท้ายถูกละลายในบ่อนเหมือนเดิม
“ฉันจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายหนี้ไอ้เสี่ยกวงนั่นละโว้ย” ทุกวันนี้อรุณวตีวิ่งหาเงินจ่ายค่าดอกเบี้ย บ้านหลังที่อาศัยนอนก็ติดจำนองอยู่ รถคันที่ใช้ก็ยังอยู่ในไฟแนนซ์ จากคนที่เคยมั่งมี หลังบิดาตายไม่ถึงห้าปี เธอแทบจะเหลือแต่ตัว
อรุณวตีลากขาเดินอยู่ข้างทาง น้ำมันรถยนต์ของเธอหมด ตอนที่ขับรถยนต์ออกมาจากบ่อนไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร แถมในกระเป๋าก็ไม่มีเศษสตางค์พอจ่ายค่าแท็กซี่ เธอจอดรถไว้ข้างทาง แล้วเดินกระแทกเท้าออกมา
“คุณวตี จะไปไหนครับ ให้ผมไปส่งมั้ย?” เสียงแตรรถ กับคำถามที่อรุณวตีไม่คิดจะได้ยิน เธอหรี่เปลือกตามองชายคนหนึ่ง ที่รู้สึกคุ้นหน้าพิกล
“ผมเอง เชี่ยว ผมทำงานที่บ่อนนั่นไงครับ” เชี่ยวเป็นคนคุมบ่อน เขาถูกใจอรุณวตี และหาโอกาสที่จะใกล้ชิด ผู้หญิงที่เข้ามาเล่นการพนัน หมดเนื้อหมดตัวและยอมขายตัวเพื่อมาต่อทุนเยอะแยะ เชี่ยวเจอมาหลายราย เขาเลยเล็งอรุณวตีไว้ สักวันหล่อนไม่มีทางพ้นมือเขา หากอรุณวตียังมัวเมาอยู่กับอบายมุข
แต่หญิงตรงหน้าก็หยิ่งเกินกว่าจะทำเช่นนั้น หล่อนหายหน้าไปพักใหญ่ หลังเสียเงินก้อนโต เชี่ยวอดเสียดายไม่ได้ เขาน่าจะทาบหล่อนเมื่อไม่นานมานี้ ไม่คิดเหมือนกันว่าอรุณวตีจะย้อนกับมา พร้อมกับเงินอีกก้อนหนึ่ง ซึ่งก็ถูกละลายทิ้งในบ่อนเช่นเดิม
“ไม่ละ ขอบคุณ ฉันไม่ชอบนั่งรถคนที่ไม่สนิทด้วย” อรุณวตีไหวไหล่แล้วเดินหน้าต่อ เธอไว้ใจคนแปลกหน้าคนนี้ไม่ไหว ท่าทางกักขฬะแบบนั้น ทำใจให้เชื่อว่าคนคนนี้มาดีไม่ลง
“จากตรงนี้ถึงถนนใหญ่ไม่มีรถประจำทางผ่านหรอกนะครับ ส่วนใหญ่คนที่มาแถวนี้มีรถส่วนตัวแทบทุกคน” เชี่ยวแย้งและเกือบจะสตาร์ทรถยนต์เคลื่อนที่ไปต่อ เขาเองก็ไม่ได้พิศวาสหญิงผู้นี้มากมายอะไรนัก หล่อนก็แค่หญิงที่มีอายุแต่ยังดูดี ท่าทางผยองนั่นทำให้เขาอดหมั่นไส้ไม่ได้
อรุณวตีจิปาก เธอคงเดินลากขาไปไม่ถึงถนนเส้นหลักหรอก เธอเหนื่อยและอยากพักเต็มแก่ เพียงแต่...
“ถ้าอยากช่วย ช่วยซื้อน้ำมันมาเติมรถให้ฉันหน่อยสิ รถฉันน้ำมันหมดน่ะ”
อย่างน้อยหากรถยนต์ของเธอมีน้ำมัน เธอก็คงกลับไปพักที่บ้านตัวเองได้ เพราะต่อให้เดินไปถึงถนนเส้นหลัก หรือถึงปั๊มน้ำมัน เธอก็ไม่มีวิธีซื้อน้ำมันมาเติมรถยนต์ตัวเองได้ บัตรเครดิตทุกใบของเธอถูกระงับหมดแล้ว
“อ้อ...ได้สิครับ” เชี่ยวรับคำไม่ได้ถามอะไรต่อ
อรุณวตีมองตามไฟท้ายรถยนต์ชายแปลกหน้าคนนั้นไป ก่อนจะตัดสินใจเดินย้อนกลับไปที่รถยนต์ตัวเองที่จอดทิ้งไว้ เธอยืนพิงด้านข้างตัวถังรถยนต์ยัดปลายนิ้วใส่ปาก สลับกับเงยหน้ามองถนน ไม่ถึงยี่สิบนาที ไฟหน้ารถยนต์คันหนึ่งก็สาดแสงใส่ตา อรุณวตีเพ่งมองฝ่าแสงไฟสว่างจ้านั้น ในที่สุดเธอก็ยิ้มออก เพราะจำสีและรุ่นของรถยนต์คันที่เคลื่อนที่เข้าหาตัวเองได้
“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับ พอดีปั๊มไม่มีแกลลอนน้ำมัน ผมต้องวิ่งไปหาอีกปั๊มหนึ่งให้” เชี่ยวเปิดประตูลงมายืนด้านข้างพร้อมกับอธิบาย เขาเดินเลยไปด้านหลังรถ ยกแกลลอนที่บรรจุน้ำมันเต็มถังมาเทใส่ถังน้ำมันรถยนต์ของอรุณวตี มีอรุณวตียืนมองใกล้ๆ
“ครั้งหน้าก่อนออกจากบ้าน เช็กน้ำมันก่อนก็ดีครับ ทางเปลี่ยวๆ แบบนี้มันอันตรายกับผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณ” เชี่ยวแสร้งทำเป็นหวังดีและเตือนด้วยความเป็นห่วง
“เท่าไหร่คะ ฉันจะโอนสตางค์คืนให้ ตอนนี้ฉันไม่มีเงินสดเลย”
เชี่ยวกระตุกยิ้มสีหน้าซีดเซียวของหญิงตรงหน้า หล่อนคงถังแตกวันนี้ เขาไม่ได้ติดใจเรื่องเงินขี้ปะติ๋วที่ตนเองจ่ายไป เขารู้ เขากอบโกยจากหญิงผู้นี้ได้ในอนาคต
“ไม่เป็นไรครับ นิดหน่อยเอง” เชี่ยวปฏิเสธ แล้วก็เดินเอาแกลลอนน้ำมันไปเก็บที่ท้ายรถยนต์ของตัวเอง
อรุณวตีเม้มปาก ล้วงนามบัตรของตัวเองที่เหลือติดก้นกระเป๋าไว้ และยื่นส่งให้ อย่างน้อยนามสกุลของเธอก็พอเป็นหลักประกันได้
“หากคุณต้องการสตางค์ค่าน้ำมันคืน โทรหาฉันเบอร์นี้นะคะ ฉันจะโอนสตางค์คืนให้”
เชี่ยวยื่นมือมารับ แล้วก็ยัดนามบัตรนั่นใส่กระเป๋าเสื้อแบบไม่ใคร่สนใจ
อรุณวตีเดินกลับไปที่รถยนต์ เธอส่งยิ้มให้ ก่อนจะผลุบหายเข้าไปด้านใน เชี่ยวยิ้มกริ่ม เขารู้จักหญิงผู้นี้ดี เขาสืบข้อมูลหล่อนมาพอสมควร ทายาทเศรษฐีที่ตกอับเพราะหลงใหลอบายมุข ยังไงหล่อนก็พอมีสมบัติเหลือให้เขากอบโกย ตระกูลนี้ยังพอมีทรัพย์สินให้เปลี่ยนเป็นเงินได้อีกเยอะ