“เรื่องราวใดกัน”
“ข้าเคยได้ยินว่าฝ่าบาททรงตรอมพระทัยกับหญิงนางหนึ่งหลายปี ในแต่ละปีในวันครบรอบวันตายของนาง ฝ่าบาทจะต้องแวะไปที่หลุมศพของนางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นทั้งวันทั้งคืน บ้างก็บอกว่าฝ่าบาทคิดถึงนางมากจึงแวะเวียนไปเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาทั้งปีให้นางฟัง”หลันเล่อเลิกคิวสูงยิ้มขบขัน
“คนเย็นชาคนนั้นนะหรือจะทำเรื่องแบบนั้นได้มีคนแบบนี้อยู่ด้วยหรือผู้ที่มั่นคงในรัก”
“วังหลวงแคว้นหานต่างรับรู้กันทุกคน”
“แล้ว แล้วนางคือใคร”
“ข้าในตอนนั้น ได้ยินเพียงเรื่องเล่าฝ่าบาทเป็นคนทำให้นางต้องตาย ได้ยินเพียงผู้คนเรียกขานนางว่าคุณหนูลี่”
“นางคงงดงามไม่น้อย”
“คงจะงดงามจริงดั่งเจ้าพูด แม้น้องสาวของจื่อจื่อแม่นางเมิ่งเม่ย ที่เฝ้ารอคอยฝ่าบาทมาช้านาน ฝ่าบาทก็ยังไม่ยอมลงเอยกับนาง ด้วยว่ารู้สึกผิดกับ คุณหนูลี่ผู้นั้น”
“แม่นางเมิ่งเม่ยนี่เป็นคนรักของฝ่าบาทอย่างนั้นหรือ” หลันเล่อนึกหวั่นใจไม่น้อย ถงหมิ่นยิ้ม
“นางเป็นคนที่ฝ่าบาทเคยหมายปอง ใครๆ ก็คิดว่าฝ่าบาทจะต้องลงเอยกับนาง แต่มาตอนนี้แม้แต่สนมนางยังไม่มีโอกาสได้เป็น เพราะฝ่าบาทก็คงไม่อยากให้นางเป็นแค่สนมหรืออาจอยากให้เป็นฮองเฮาแต่ก็คงติดกับคำว่ารู้สึกผิดกับคุณหนูลี่ผู้นั้น เจ้าไปที่นั่นก็ต้องพบกับแรงกดดันจากนางบ้างเป็นธรรมดา เพราะนางเองก็หมายปองฝ่าบาทและตำแหน่งฮองเฮา” หลันเล่อเบ้ปาก
“แล้วทำไมถึงแต่งข้าเป็นฮองเฮาเล่าอาจารย์..เอะไม่ได้การแล้วหากข้าไปที่แคว้นหานแม่นางเมิ่งจะต้องเกลียดชังข้าใช่ไหม”ถงหมิ่น ยิ้มบางๆ
“เจ้า …”กำลังจะบอกว่าหลันเล่อมีใบหน้าเหมือนคุณหนูลี่หลันเล่อแต่จื่อจื่อกับ เข้ามาเสียก่อน
“ถงหมิ่น ฝ่าบาทให้เจ้าล่วงหน้าไปก่อนข้าจะอยู่ที่นี่คอยอารักขาฝ่าบาทกับฮองเฮาเจ้าไปที่หน้าด่านแคว้นหาน บอกให้ส่งคนมาอารักขาเพิ่มเพราะการเดินทางช่วงนี้จะต้องผ่านเส้นทางที่ติดกับแคว้นใต้”ถงหมิ่นประสานมือ
หลันเล่อถอนหายใจ
“อาจารย์ระวังตัวด้วย”
“ขบวนเสด็จจะรั้งอยู่ที่นี่จนกว่าทหารอารักขาจะมาถึง รีบไปรักษาตัวด้วย”จื่อจื่อสั่งถงหมิ่นที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้า ก่อนจะยื่นซาลาเปาให้กับหลันเล่อ
“ฮองเฮา ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำซาลาเปามาให้ฮองเฮาเป็นเครื่องเสวยเช้า”
“อาจารย์ อาจารย์ กลับมาก่อน”ถงหมิ่นกระตุกบังเ**ยนม้าให้หันกลับทั้งๆ ที่บ่ายหน้าไปด้านหน้าแล้ว
“อาหารเช้าท่านยังไม่ได้กินอะไรนี่ข้าแบ่งให้ท่านพกมันไปเผื่อหิว”
ถงหมิ่นยิ้ม รับเอาซาลาเปาอย่างว่าง่าย จื่อจื่อถอนหายใจในความมีน้ำใจของหลันเล่อ แต่สายตาคมดุของต้าหมิงคุนที่จับจ้องอยู่แสดงความไม่พอใจอย่างที่สุด
“รีบไปได้แล้วรีบไปทำตามบัญชา อย่างน้อยจะต้องกลับมาที่นี่ก่อนโพล้เพล้ เพราะกลางคืนเราจึงจะออกเดินทางอีกครั้ง”
“ย้าาาา”ถงหมิ่นกระตุกบังเ**ยนม้าให้พุ่งออกจากขบวนเสด็จไปในทันที หลันเล่อนั่งลงใต้ต้นไม้ใหญ่ กัดซาลาเปาที่เหลือเพียงลูกเดียวในมือ ต้าหมิงคุนเดินเข้ามาทรุดกายลงข้างๆ ยื่นสั่งซาลาเปาให้อีกสองลูก”
“ข้า เอ่อ..หลันเล่อกินแค่เพียงหนึ่งก็อิ่มแล้ว”กลัวว่าหากรับเอา ต้าหมิงคุนจะกล่าวหาเรื่องที่ยกซาลาเปาส่วนของตัวเองให้กับถงหมิ่นจึงแสร้งทำเป็นอิ่ม
“ เจ้ากินน้อยแบบนี้จึงผอมเพรียว รับไว้แล้วกินมันเสีย การเดินทางอีกยาวไกลอดบ้างอิ่มบ้าง เราไม่ได้มีเสบียงมากพอสำหรับทุกคน หทารบางส่วนอดเพื่อให้เจ้าอิ่ม บางคนกินเพียงหนึ่งมื้อในแต่ละวันโชคดีหน่อยได้กระต่ายป่ามาย่างกิน เราจึงเร่งเดินทางเพื่อให้ถึงแคว้นหานโดยเร็วถึงที่นั่นก็จะต้องเลี้ยงสุราอาหารพวกเขาเป็นการตอบแทนที่อดมานาน ฉะนั้นพวกเขาเสียสละให้เจ้ากับข้า เจ้าก็ควรรับน้ำใจมิใช่ส่งต่อให้กับคนอื่น”
น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าคำพูดล้วนตำหนิชัดเจน
“ไม่เอา ไม่กิน ท่านนำซาลาเปานี่ไปให้พวกเขากินเสีย ข้ามิใช่ไม่เคยอดก่อนหน้านั้นข้าแอบหนีออกมาเที่ยวนอกวังหลวงอดบ้างอิ่มบ้างเช่นกัน อดแค่มื้อหรือสองมื้อไม่ตาย”
“นั่นอย่างไรเล่าอาจารย์เจ้าอดแค่มื้อหรือสองมื้อก็ไม่ตายเช่นกัน เขาเป็นบุรุษ เจ้าเสียอีกจะต้องกินให้มาก”
ยัดซาลาเปาใส่มือหลันเล่อเหมือนเดิม แต่หลันเล่อกลับไม่ยอมแบมือ ต้าหมิงคุนถอนหายใจยัดซาลาเปาใส่ในปากบาง ที่เอียงตัวหลบ
“กินเสียประเดี๋ยวจะแสบท้องเพราะกินไปน้อย เสด็จแม่ของเจ้าจะกล่าวโทษข้าได้ว่าข้าสัญญาจะดูแลเจ้าแต่กลับไม่มีความสามารถให้เจ้ากินจนอิ่ม”
น้ำเสียอ่อนโยนลงจนหลันเล่อในทีแรกตั้งใจจะโวยวายกลับนิ่งเสีย ยอมงับเอาซาลาเปาในมือของต้าหมิงคุนโดยดี
ต้าหมิงคุนลุกขึ้นก้าวเดินจากไปหลันเล่อดึงมือใหญ่ไว้ กระตุกเบาๆ
“ท่านอา ฝ่าบาท..จะปกป้องดูแลหลันเล่ออย่างที่สัญญากับเสด็จแม่จริงๆ ใช่ไหม”ดวงตาใสซื่อน่าเอ็นดูยิ่ง
“ข้อตกลงไม่ให้ข้าแตะต้องตัว แต่ดูรึเจ้าบังอาจล่วงเกินข้า”พูดไปยิ้มไป
“ฝ่าบาท หลันเล่อยอมเรียกฝ่าบาทแล้ว จะต้องยอมปกป้องหลันเล่อใช่ไหม”น้ำเสียงออดอ้อน ดวงตากลมใสสบตา ต้าหมิงคุนที่เผลอยกมือขึ้นจับที่แก้มเนียนเบาๆ
“ข้าสัญญา”ยิ้ม ด้วยแววตาจริงใจ ใบหน้ายามแย้มยิ้มของต้าหมิงคุนที่หลันเล่อไม่เคยเห็นมาก่อน
《*********》******【****】 **********,*****?******“เมิ่งเม่ย ไท่จือยิ้มได้ตราตรึงใจยิ่งนักเมิ่งเม่ยเจ้าเห็นหรือไม่”สาวน้อย ลี่หลันเล่อกับ ถังเมิ่งเม่ย เดินชมตลาดกับพานพบต้าหมิงคุนเข้าโดยบังเอิญรอยยิ้มพิสุทธิ์ที่ลี่หลันเล่อเผลอยิ้มตามจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาตาไม่กะพริบ
“เจ้าคง ต้องตาไท่จือผู้หล่อเหลาผู้นั้นเข้าเสียแล้ว”
เมิ่งเม่ยอมยิ้มกับท่าทีตื่นเต้นของลี่หลันเล่อ
“ก็..ก็เจ้าเห็นหรือไม่ ใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มเปิดเผยเช่นนั้นข้าเคยสงสัยมานานมากแล้วว่าเหตุใดไท่จือจึงไม่แย้มยิ้มบ้างหากเขาแย้มยิ้มจะน่าััมองเพียงใดวันนี้ได้เห็นกับตาช่างตราตรึงใจยิ่งนัก”
“ข้าก็เห็นว่าคุณหนูลี่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนของไท่จือก็จะชื่นชมไปเสียหมด”
“เมิ่งเม่ยเราเดินไปตรงนั้นกัน เดินไปข้างหน้านั่นกัน ข้าอยากเห็นไท่จือชัดๆ กว่านี้”เมิ่งเม่ยยิ้มส่ายหน้าไปมาอย่างระอาใจ
เดินนำ ลี่หลันเล่อที่มีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ปกติลี่หลันเล่อกล้าพูดกล้าทำนางไม่มีทางเขินอายไม่ว่าเรื่องใดแต่มาวันนี้กลับทำท่าทีดังสาวน้อยเดียงสาพบบุรุษต้องตาถูกใจ หลบอยู่ด้านหลังเมิ่งเม่ย
“ถังเมิ่งเม่ย คารวะไท่จือ”ต้าหมิงคุนหันหน้ามามองร่างบางของเมิ่งเม่ยที่ย่อกายลงช้าๆ ตาประสานตา รอยยิ้มพึงใจปรากฏขึ้นที่ริมฝีปาก ส่งผ่านเลยมายังลี่หลันเล่อที่ยืนนิ่งตะลึงตาค้างกับรอยยิ้มนั้น
“ละละลี่หลันเล่อคารวะไท่จือเช่นกัน”
หูอื้อตาลาย ในช่วงเวลาโพล้เพล้ก่อนที่พลุแสงสีจะถูกจุดขึ้นบนฟ้าดำมืดต้าหมิงคุนไม่มองพลุสว่างนั้นแต่กลับมองใบหน้างดงามของเมิ่งเม่ย ส่วนลี่หลันเล่อนั้นเล่าก็มองเพียงใบหน้าหล่อเหลาของต้าหมิงคุนมิได้มองพลุสว่างบนฟ้าเช่นกัน
“คุณหนูบ้านถัง ข้าช่างมีวาสนาได้พบเจ้าจื่อจื่อยืนห่างออกไปยิ้มบางๆ เมื่อเห็นว่าน้องสาวยืนเคียงข้างไท่จือ ลี่หลันเล่อก้มหน้านิ่งเมื่อต้าหมิงคุนไม่แม้แต่จะชายตามองลี่หลันเล่อแม้แต่เพียงน้อยนิด
ดึงอาภรณ์สำรวจตัวเอง ลี่หลันเล่อในอาภรณ์คล้ายบุรุษ เกล้าผมในแบบบุรุษ ไร้การแต่งแต้มสีสันบนใบหน้า เพียงเพื่อต้องการปกป้องเมิ่งเม่ยในเมื่อเมิ่งเม่ยมักจะถูกทางบ้านเข้มงวดให้อยู่ในกรอบและไม่เคยให้ออกมาเที่ยวยามราตรีเช่นนี้ ลี่หลันเล่อจึงอาสา ปกป้องนางเสียเอง
“ข้าทำไมเพิ่งจะพบเจ้า”ต้าหมิงคุนถามเมิ่งเม่ยที่หันรีหันขวางอยากจะแนะนำลี่หลันเล่อแต่มืออุ่นกับคว้าข้อมือบาง
“เข้าใจแล้ว จื่อจื่อเคยเล่าเรื่องน้องสาวผู้ถูกสั่งสอนและถูกเข้มงวดจนไม่ได้ออกมาข้างนอกตระกูล คงเป็นเจ้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นวันนี้ข้าอาสาพาเจ้าเที่ยวให้สนุกสมกับที่เจ้านานๆ ได้ออกมาครั้งหนึ่ง”
ลี่หลันเล่อยิ้มเศร้าๆ มองตัวเองที่แม้แต่อาภรณ์สวยสดยังไม่อาจได้นุ่งห่ม
“ไท่จือนี่คุณหนูลี่ ลี่หลันเล่อนางเป็นสหายของข้า”เพียงแค่เหลือบตามอง แม้ว่าลี่หลันเล่อจะพยายามยิ้มกว้างเพียงใดอีกคนก็หาสนใจกล่าวคำทักทายไม่
“ไปกันเถอะ ด้านนู่นมีของกินอร่อยๆ มากมายข้าเป็นเจ้ามือเอง”คว้าข้อมือเมิ่งเม่ยวิ่งไปท่ามกลางฝูงชน ทิ้งให้ลี่หลันเล่อยืนมองแผ่นหลังของต้าหมิงคุนอยู่ตรงนั้น
“แม่นางลี่ ข้าหยางซานชิงอยากมีโอกาสได้รู้จักแม่นางน้อย”ลี่หลันเล่อหันไปพบกับบุรุษองอาจผู้หนึ่ง ข้างกายมีผู้ติดตามในมือมีกระบี่ข้างกาย
“ขะข้าลี่หลันเล่อ บุตรีขุนนางกรมคลัง”
“อืม ข้าหยางซานชิง ไยต้องปิดบังฐานะข้าคือไท่จือของแคว้นใต้เร้นกายท่องเที่ยวชมความรุ่งเรืองของแคว้นหานกำลังหาคนที่คุ้นเคยกับแคว้นหานเพื่อนำเที่ยวหวังว่าแม่นางลี่จะยินดีนำทาง”ลี่หลันเล่อยิ้มสดใส
“ยินดีอย่างยิ่ง”ภัยกำลังจะถึงตัว ข้อหาสมคบคิดกับต่างแคว้นที่ไม่อาจปฏิเสธ จื่อจื่อยืนมองหยางซานชิงด้วยความมั่นใจว่าเขาจำได้ไม่ผิดว่าคือไท่จือของแคว้นใต้เข้ามาเพื่อสอดแนมแคว้นหานที่รุ่งเรือง