ซูลี่คิดว่าที่เจ้าของร่างเดิมและกลุ่มพ่อค้าคนอื่น กล้าที่จะดูถูกตระกูลฉู่เช่นนี้ เพราะว่าพวกเขาเข้าใจว่าลูกชายคนโตของตระกูลได้เสียชีวิตอยู่ในสนามรบไปแล้ว
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือลูกชายคนโตไม่ได้เสียชีวิตในสนามรบแต่อย่างใด เพราะในเวลานี้เขากำลังช่วยเหลือฮ่องเต้ในการปกป้องบัลลังก์
ในขณะที่คนเหล่านี้กำลังกลั่นแกล้งครอบครัวของเขา พระเอกของเรื่องก็กำลังต่อสู้อย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องอาณาจักรและพยายามสร้างอำนาจให้กับตนเอง
แต่เมื่อความขัดแย้งของการชิงบัลลังก์ได้สงบลง และพระเอกได้กลับมาจากชายแดน เขาก็ได้พบกับข่าวร้าย ในเวลานี้คนในตระกูลของเขาไม่มีใครเหลือรอดเลยสักคน บ้านของเขาถูกเผาทำลายจนหมดสิ้น
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาทุ่มเทไปทั้งหมดเพื่ออำนาจในทุกวันนี้ แต่ครอบครัวของตนเองกลับไม่ได้อยู่ชื่นชมและมีจุดจบที่น่าเศร้า พระเอกโกรธแค้นเป็นอย่างมากแล้วก็เริ่มชำระบัญชีแค้นอย่างบ้าคลั่ง
เพื่อแก้แค้นให้กับคนในตระกูล เขานำอาวุธวิเศษ และมิติที่ติดตัวเขามาตั้งแต่เกิดออกมาใช้ทั้งหมด
เมื่อนึกถึงในตอนที่นิยายดำเนินมาถึงฉากที่พระเอกแขวนตัวเจ้าของร่างเดิมเพื่อทรมานให้ตายอยู่หน้าประตูเมือง ซูลี่ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา นางตั้งปณิธานกับตนเองไว้ว่าจะเป็นซูลี่คนใหม่ และต้องช่วยเหลือครอบครัวของพระเอกให้รอดจากภัยร้ายครั้งนี้ไปให้ได้
เมื่อเสี่ยวอวิ๋นเข้ามาพร้อมกับหมอชราก็เห็นว่านายของตนกำลังตัวสั่น เด็กสาวที่เห็นว่าผู้เป็นนายอาการดีขึ้นแล้วก็กังวลว่านางจะเกิดอาการป่วยขึ้นมาอีกครั้ง แต่หลังจากหมอวินิจฉัยก็พบว่านางเพียงแค่เป็นหวัดเล็กน้อยเท่านั้น กินยาสองสามเทียบและนอนหลับพักผ่อนสักคืนก็หายดีแล้ว
ฝ่ายฉู่เยว่เมื่อกลับมาถึงเรือนหลังจากยุ่งอยู่รับกิจการร้านค้าด้านนอกมาทั้งวัน นางก็ไปหามารดาที่เรือน หญิงชราดื่มยาจนหมดถ้วยก่อนจะมองลูกสาวคนเล็กด้วยแววตารู้สึกผิด "ต้องโทษที่แม่ไม่ได้เรื่อง...เจ้าควรจะเป็นคุณหนูอยู่ในห้องหอไม่ควรต้องออกไปลำบากข้างนอกเลย..."
ฉู่เยว่ไม่อยากให้มารดาคิดมากนางพูดตอบด้วยรอยยิ้ม "ข้าชอบทำการค้า ไม่ชอบเป็นคุณหนูที่วันๆ เอาแต่เย็บปักถักร้อย แม้ว่ามันจะเหนื่อยอยู่บ้าง...แต่ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ"
คำพูดของเด็กสาวเป็นเรื่องจริงนางมีบุคลิกที่คล่องแคล่วกล้าหาญและไม่ชอบถูกกักขังอยู่ในเรือนหลัง แทนที่จะแข่งขันกับกลุ่มสตรีเพื่อแย่งชิงตำแหน่งกุลสตรีผู้เพียบพร้อม นางชอบที่จะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวมากกว่า
เมื่อได้ฟังลูกสาวพูดเช่นนั้นหญิงชราจึงไม่ได้กล่าวเรื่องนี้อีกนางเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นแทน
"แม่ได้ยินมาว่าพี่สะใภ้รองของเจ้าป่วยเพราะว่าถูกเจ้ากักขังอยู่ในโกดัง...ถึงอย่างไรนางก็เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า อย่าได้ทำกับนางรุนแรงเช่นนี้เลย..."
ท่านแม่ฉู่รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณลูกสะใภ้คนรองมากเพราะสถานการณ์ของลูกชายตนเองนั้น ค่อนข้างจะเป็นเรื่องยากที่จะหาสตรีมาแต่งงานด้วย ดังนั้นเมื่อเห็นลูกสะใภ้เอะอะโวยวายส่วนมากนางจะทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งไม่รับรู้
ฉู่เยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของมารดา เพราะตัวนางเองไม่ค่อยชอบพี่สะใภ้คนรอง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านแม่ของนางใจดีคอยปกป้องอยู่ตลอดเวลา เด็กสาวคงจะมอบหนังสือหย่าให้พี่สะใภ้แทนพี่ชายของตนเองไปแล้ว
แต่เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของพี่ชายคนรอง หลังจากหย่าร้างกับพี่สะใภ้คนนี้ไปแล้วก็คงไม่มีใครยอมที่จะแต่งงานกับเขาอีก
เนื่องจากพี่ชายคนโตของนางได้จากไปแล้ว หากพี่ชายคนรองไม่มีลูก ตระกูลฉู่ของพวกนางก็จะไร้ผู้สืบทอด
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ดวงตาของฉู่เยว่ก็เคร่งเครียดนางพูดกับมารดาด้วยเสียงแผ่วเบา "ข้าจะพยายามเจ้าค่ะ"