ร่างนี้มีชื่อว่า มู่ฟางซิน อายุ 16 ปี เป็นบุตรสาวคนเดียวของอดีตเจ้าเมือง มู่ตงฟาง ซึ่งเวลานี้เสียชีวิตด้วยโรคชราไปแล้วหลังจากที่งานแต่งจบลงไม่ถึงเดือน
ฟางซินแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเอกของ เยว่เทียน อายุ 20 ปีปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นกุนซือของกองทัพ และเนื่องจากบิดาของเขาและบิดาของนางที่เป็นสหายกันนั้นได้มีสัญญาต่อกันว่าจะให้บุตรของทั้งคู่แต่งงานกันเมื่อพวกเขาโตขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องจำใจแต่งนางเข้ามาเป็นภรรยาเอก เยว่เทียนก็มีคนรักอยู่ก่อนหน้าแล้ว เขาจึงไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาไม่ยินยอมที่จะเข้าหอกับนางและไม่เคยเหยียบย่ำไปที่เรือนนอนของนางนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากที่แต่งนางเข้ามาได้สามเดือน เขาก็แต่งหญิงสาวคนรักเข้ามาเป็นภรรยารอง นางมีชื่อว่า ไฉ่หง อายุ 16 ปี เป็นบุตรสาวของรองแม่ทัพไฉ่เต๋อ หลังจากที่เขาแต่งนางเข้ามาก็สั่งย้ายให้ฟางซินไปอยู่ที่เรือนหลังเล็กท้ายจวนทันที ฟางซินก็ยินดีย้ายไปอยู่ที่นั่นเพราะไม่อยากมีปัญหากับเขา ถึงแม้ว่าจะต้องไปอยู่ที่เรือนท้ายจวน นางก็ยังได้รับความสุขสบายตามที่เขามอบให้ เพรารู้ว่าหญิงสาวไม่ค่อยแข็งแรงดีสักเท่าไหร่
แต่เพราะดวงจิตของนางไม่สมบูรณ์จึงทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง เจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง ร้อนถึงเทพชราจำต้องไปดึงดวงจิตของปาลินเข้ามาหลอมรวมกัน จึงจะช่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป และแน่นอนว่าเป็นคำสั่งของคนผู้นั้นด้วย
" แบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องทนเห็นหน้ากัน แต่ก็ยังถือว่ามีคุณธรรมอยู่บ้างละนะที่ไม่ได้ให้อยู่อย่างยากลำบากอะไร แค่เรือนท้ายจวนหลังเล็กๆเท่านั้นเอง " ปาลินหรือ ฟางซินเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่ดวงจิตของเธอกับร่างนี้หลอมรวมกันแล้ว ตอนนี้กำลังนอนมองเพดานของห้องใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเผลอหลับไป และตื่นขึ้นมาในต้นยามเฉิน [07.00-08.59]
" ฮูหยิน ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ " สาวใช้ของนางเอ่ยถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของนางที่กำลังขยับตัว
" อืม ข้าตื่นแล้ว "
" เช่นนั้นรอสักครู่นะเจ้าคะบ่าวจะไปเอาน้ำมาให้ท่านล้างหน้า "
" อืม "
สาวใช้ของนางเดินกลับออกไปด้านนอก แล้วเดินเข้ามาพร้อมกับอ้างไม้ในเล็ก ด้านหลังยังมีสาวใช้อีกคนที่เดินเข้ามาด้วยกัน จากความทรงจำที่รับรู้มานั้น สาวใช้ทั้งสองคน เป็นคนของนางที่นำมาจากบ้านเดิม ซึ่งทั้งสองนั้นเป็นพี่น้องกัน บิดาซื้อพวกนางมาจากครอบครัวชาวนายากจน เพื่อให้มาเป็นเพื่อนเล่นและสาวใช้ข้างกายตั้งแต่นางยังเด็กๆ
" เสี่ยวมี่วันนี้มีอะไรให้ข้ากินบ้าง " นางเอ่ยถามซูมี่ที่เดินตามมา
" เช้านี้มีน้ำแกงไก่กับผักดองเจ้าค่ะ "
" อืม ยกมาเถอะ " จากนั้นนางก็ล้างหน้าล้างตาจนเสร็จและให้ซูลี่ยกออกไปทิ้ง สองพี่น้องจึงช่วยกันยกสำรับอาหารเช้าเข้ามาที่โต๊ะซึ่งอยู่ในเรือนหลังนี้ ภายในเรือนหลังเล็กสะอาดสะอ้านเป็นอย่างมากเพราะสาวใช้ทั้งสองของนางนั้นรักษาความสะอาดอยู่เสมอ
" พวกเจ้าไปหาอะไรกินเถอะไม่ต้องเฝ้า "
" เจ้าค่ะ "
หลังจากที่นางกินอาหารเช้าจนเสร็จแล้ว แม่นมหวงจากจากเรือนใหญ่ได้มาแจ้งว่า นายท่านผู้เฒ่าให้นางไปพบ
" ฮูหยินน้อย นายท่านสั่งให้ไปพบเจ้าค่ะ "
" อีกเดี๋ยวข้าจะตามท่านไปแม่นมหวง " ฟางซินจึงต้องแต่งกายเสียใหม่เพื่อไปพบกับพ่อสามีที่เรือนใหญ่ตามคำสั่ง
เมื่อเดินมาถึงก็เจอกับสามีและคนรักของเขานั่งอยู่ที่ห้องโถงรออยู่ก่อนแล้ว
" หึ ไร้มารยาทสิ้นดี ให้คนอื่นต้องมานั่งรอ " เยว่เทียนเอ่ยขึ้น พลางจ้องมองไปที่นางอย่างหงุดหงิดใจ ฟางซินจึงจ้องเขากลับด้วยแววตาที่ว่างเปล่า
" เผื่อว่าท่านจะลืมนะเจ้าคะ ว่าเรือนหลังเล็กอยู่ไกลจากที่นี่มาก ข้าคงไม่สามารถวิ่งมาในเวลาที่รวดเร็วได้หรอกนะเจ้าคะ " นางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไร้อารมณ์ใดๆต่อเขา ส่วนเยว่เทียนนั้นหลังจากที่เขาได้คำพูดตอกกลับของนางก็นึกแปลกใจ เพราะนางไม่เคยโต้กลับเลยสักครั้ง
" เอาเถอะมาแล้วก็มานั่งลง " เยว่หวงซึ่งเป็นพ่อสามีเอ่ยขึ้น ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะอายุ 42 ปีแล้วก็ตาม ยังคงมีตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้น กุมอำนาจทหารมากกว่าแสนนาย รับความเชื่อใจจากฮ่องเต้อย่างมาก นั่นเพราะทั้งสองเป็นสหายกันมาตั้งแต่เรียนหนังสือด้วยกัน ที่หอศึกษาหลวง
" เจ้าค่ะ "
" เอาล่ะเมื่อมากันครบแล้ว ข้าก็จะพูดกับพวกเจ้าในครั้งเดียว เวลานี้ที่ชายแดนเกิดปัญหาขึ้น มีราชโองการให้พวกเราย้ายไปประจำการที่นั่น อีก 20วันออกเดินทาง พวกเจ้าก็ไปเตรียมตัวให้พร้อม "
" ขอรับ "
" เจ้าค่ะ "