หนึ่งปีผ่านไป
ปารดีเป็นนักศึกษาแพทย์ปีห้ามีการลงคลินิกมากขึ้นและลงอยู่เวรกับพี่ ๆ และเลิกดึกดื่นเที่ยงคืนในบางวัน ทำให้ปารดีต้องนอนที่ห้องพักแพทย์กับพี่ ๆ บ้างเพราะไม่ปลอดภัยในการจับแท็กซี่กลับคอนโดจึงเป็นโอกาสให้พิทยาทำหน้าที่พี่ชายที่หวังดีส่งข้าวส่งน้ำคนตัวเล็กบ่อยขึ้นและสะดวกขึ้น
..ปี๊ด..เสียงข้อความใหม่
ปารดีหยิบมือถือมาดูพบว่ามีข้อความจากพิทยา
พิทยา: ข้าวมาแล้วครับ วันนี้คุณตาพัฒนากับคุณยายพิชญามีเมนูอัดโปรตีนมาให้ครับ เพราะบางคนต้องอยู่เวรและนอนดึก
พิทยา: แนบรูปถ่ายอาหาร และรูปถ่ายคุณยายพิชญาถือตะหลิวกับคุณตาพัฒนาถือกระทะยิ้มแป้น
ปารดี: ส่งสติ๊กเกอร์เด็กหญิงยกมือไหว้สวยขอบคุณให้ไป
พิทยา: ฝากไว้ที่ห้องพักแพทย์นะครับ เลิกเวรแล้วรีบกินนะครับจะได้พักผ่อน สู้สู้ครับ
ปารดี: ค่า..ขอบคุณค่ะ ขับรถกลับบ้านดี ๆ น๊า
หลังจากเปิดอ่านข้อความเสร็จ คนตัวเล็กเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อกาวน์เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือรอยยิ้มสุขใจ
ส่วนตัวเธอปารดีไม่กล้าหวังอะไรแค่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ก็เพียงพอแล้ว เหมือนได้พบญาติพี่น้องที่จากกันมานานแล้วหากันเจอมีความสุขที่ได้พบกันอีกครั้งต่างปฏิบัติต่อกันอย่างอบอุ่นและไปมาหาสู่กันทั้งสองครอบครัวโดยมารดาของเธอมีอายุที่ไล่เลี่ยกันกับภัทราพี่สาวของพิทยาทำให้ทั้งสองคุยกันถูกคอมากยิ่งขึ้น
.............................................................
@คอนโดปารดี
เช้านี้ปารดีนอนพักหลับไหลอย่างอ่อนเพลียเพราะเมื่อคืนเข้าเวรดึกและวันนี้เป็นวันหยุดของเธอแต่ก็ต้องตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงใครบางคนที่คิดถึงตลอดมาจึงคิดจะลุกออกมาเซอร์ไพรส์สักหน่อยแล้วค่อยนอนต่อก็ยังได้ แต่...
อีกด้าน
"ดวงใจ พี่อยากให้เธอลดทิฐิลงบ้างมันคนละส่วนกัน เค้าทำในฐานะที่เค้าเป็นพ่อมันก็ถูกแล้ว เราเป็นแม่ต้องเห็นแก่ลูกซิ"
"หนูไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้น"
"เธอคงยังไม่รู้ว่าคุณนาย แม่ของคุณปราบน่ะตายแล้ว แล้วคุณปรางก็เจ็บหนักเป็นอัมพฤกษ์ตอนนี้ไปไหนไม่สะดวก คุณพรมแดนที่เป็นเพื่อนรักของคุณปราบที่เป็นพ่อตาของเจ้านายดูแลอยู่เพราะคนป่วยไม่มีลูกหลานที่ไหนอีกแล้ว ญาติก็ตัดขาดตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้น พี่จะบอกไว้เผื่อเธอยังไม่รู้ แล้วเธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าใครดีไม่ดีกับเธอ คุณปรางเธออยากพบหลานสาวคนเดียวที่สุดนะตอนนี้" แก้วตาทั้งอธิบายทั้งหว่านล้อม
"ฮื่อ...พี่แก้วหนูจะทำยังไงดี หนูอึดอัด ถ้าเค้ารักหนูกับลูกจริงทำไมไม่มาตามหาหนูก่อนนี้..ฮือ.." ดวงใจร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร
"มันคงเป็นชะตาลิขิตน่ะ แต่ตอนนี้เธอต้องเลือกแล้วว่าจะทำอย่างไรต่อไป ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจยังไง พี่ก็จะเคารพการตัดสินใจของเธอนะ" สองพี่น้องกอดกันร้องไห้คนพี่มีน้ำตาเอ่อคลอส่วนคนน้องมีน้ำตาไหลมาไม่ขาดสาย
ส่วนอีกด้านคนที่แอบจะมาเซอร์ไพรส์คนไกลมาได้ยินได้ฟังโดยบังเอิญได้แต่สงสัยเรื่องชาติกำเนิดของตัวเอง มารดากับป้าของเธอต้องมีอะไรปิดบังเธออยู่แน่ ๆ แล้วแผนการเข้าไปกอดเซอร์ไพรส์ป้าก็ต้องพับเก็บใส่ตู้ไว้อย่างมิดชิด
...............
ไลน์
ปารดี: สติ๊กเกอร์รูปเด็กทำมือเคาะประตู
พิทยา: ส่งสติ๊กเกอร์ตกใจมือทาบอก นอนอิ่มแล้วเหรอ เพิ่งออกเวรไม่ใช่รึไง
ปารดี: พอดีป้าแก้วมาน่ะค่ะ ดีใจเลยตื่นมาคุย
พิทยา: แล้วทำไมถึงอยากคุยกับพี่ล่ะ
ปารดี: พี่พิท...
พิทยา: ครับ ว่า
ข้อความไลน์เงียบไปแต่เป็นสัญญาณโทรออกจากคนตัวเล็กแทน พิทยารู้ทันทีว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น จึงรีบรับสายคนของหัวใจในทันที
พิทยา: ครับ มีอะไรหรือเปล่า
ปารดี: พี่พิทเป็นเพื่อนกันกับคุณแดนไตรใช่มั๊ยคะ แล้วคุณแดนไตรมีพ่อตาชื่อพรมแดนใช่มั๊ยคะ แล้วเป็นเพื่อนกับคุณปราบที่เสียชีวิตไปแล้วใช่มั๊ยคะ
พิทยา: .....เงียบตั้งสติสักพักแล้วจึงพูดต่อ ใช่ครับ อาพรมแดนเป็นเพื่อนรักกันกับอาปราบ
ปารดี: หนูแอบได้ยินแม่กับป้าคุยกันเรื่องของพ่อค่ะ หนูสงสารแม่ค่ะ ฮึ่ก แต่หนูไม่กล้าบอกว่าหนูได้ยินที่แม่กับป้าคุยกันหมดแล้ว..ฮึ่ก
พิทยา: ตอนนี้หนูอยู่ที่คอนโดใช่มั๊ย เดี๋ยวพี่ไปรับนะ
ปารดี: ค่ะ ติ๊ด กดวางสาย
สักพักไม่เกินสามสิบนาทีก็ได้ยินเสียงของคนตัวโตที่กำลังคุยกับแม่และป้าของเธออย่างอย่างออกรสออกชาติ
"อ้าว ออกมาแล้วเหรอจ๊ะ พี่เค้ามาขออนุญาตแม่กับป้าพาเราไปช้อปปิ้งน่ะ ไปแต่งตัวซิ" แก้วตาเอ่ยขึ้น
"ค่ะ" ปารดีรับคำอย่างว่าง่ายเข้าไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินออกมาด้วยชุดอยู่บ้านธรรมดา เสื้อยืดคอกลมพอดีตัวสีเหลืองกับกางเกงเอวสูงทรงบอลลูนเอวยืดยาวถึงหัวเข่าสีเข้ม ซึ่งคนตัวโตอยู่ในชุดเสื้อยืดคอโปโลสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้ม
"อ้าวไปช้อปปิ้งแล้วทำไมไม่แต่งตัวให้สวย ๆ กว่านี้ละคะว่าที่คุณหมอของป้า" แก้วตาเอ่ยแซว
"ชุดนี้ก็น่ารักดีอยู่แล้วครับ ผมว่าเอาที่สบาย ๆ จะดีกว่า ผมพาน้องไปก่อนนะครับ/ปะ" พิทยาบอกเป็นเชิงขออนุญาตและรีบจับจูงมือคนตัวเล็กไปอย่างรีบเร่งเมื่อออกห่างจากห้องนั่งเล่นไปแล้วแต่ก็ไม่พ้นสายตาที่แหลมคมของแก้วตาอยู่ดี