บทที่6.หลอกล่อตะปบเข้ากรง...

1554 Words
“ไม่หรอกค่ะ หากเขายังมีความเมตตาแสดงว่าเขาน่าจะเป็นคนดีในระดับหนึ่งค่ะ” เมวิกามัวแต่ปลาบปลื้ม เธอเลยไม่ทันมอง เอกสารถูกเซ็นชื่อจนหมดเพราะความเคยชิน แวซ็องตวัดปากกาเซ็นชื่อตัวเองแล้วจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาอยู่ในนามของเซดริก ตัวเขาไม่มีสิทธิ์เซ็น แต่บังเอิญเป็นความโชคดีของชายหนุ่ม เมวิกาไม่ทันใส่ใจเธอเลยพลาดช็อตเด็ดนี้ไป เสียงเป่าปากด้วยความโล่งอก เพราะผ่านสถานการณ์ที่ความลับเกือบแตกไปหวุดหวิด “ตอนเย็นฉันเลี้ยงข้าวคุณนะคะ ขอขอบคุณแทนน้องๆ แต่แค่อาหารธรรมดานะคุณ งบฉันมีน้อย” เมวิการีบออกตัวเสียงอ่อย “ได้สิ” แต่ชายหนุ่มรีบตอบรับอย่างไว แค่เข้าห้องได้ อีกไม่นานหรอกน่า... ต่างคนต่างความคิดคนหนึ่งเปิดใจเพราะวางใจ อีกคนเสแสร้งตั้งแต่แรกไร้ความจริงใจ น่าสงสารคนที่ไม่รู้เรื่องจะต้องมาเสียทีเพราะความหลอกลวงของอีกฝ่าย ก่อนจะถึงอาหารมื้อค่ำ ฝนก็พรำลงมาเหมือนเคย คนทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน จึงรีบอาบน้ำอาบท่านอนพัก ไม่สนใจทุกสิ่งรอบตัว เมื่ออากาศเย็นสบายชวนนอน กับข้าวง่ายๆ แค่ไข่เจียวกับต้มยำปลากระป๋อง แต่กลับเอร็ดอร่อยเหลือจะบรรยาย เมื่อคนที่นั่งกินด้วยกันก้าวผ่านความหวาดระแวงมาจนได้ “คุณไม่ต้องฝืนนะคะ หากไม่ถูกปากฉันก็ไม่บังคับ” “ใครว่าล่ะ...อร่อยดีนะ ฉันไม่ได้แกล้งชมให้เธอสบายใจด้วย แต่มันเยี่ยมจริงๆ ไม่เชื่อถามดิเย่ร์มันสิ?” ชายหนุ่มรีบหาตัวช่วย ไอ้หมาแสนรู้มันก็รู้สมชื่อ พอชายหนุ่มถามมันก็เห่าสวนกลับมาเลย “โฮ่งๆ” อาการกระดิกหางดุกดิกเห่าเสียงดังๆ รับลูกแวซ็องช่างเหมาะสมจะเป็นเจ้านายลูกน้องกันดีจริง! “ถามจริงเถอะค่ะ? คุณเซดริกเมื่อไรคุณจะกลับบ้านคุณคะ...ฉันไม่ได้ไล่นะแค่อยากรู้” เจ้าตัวรีบพูดจนเสียงรน เพราะชายหนุ่มแววตาสลดวูบลงไปแทบจะทันที เขาผินหน้าหนี แต่เมวิกาคาดผิด...การที่ชายหนุ่มทำหน้าเศร้า เพราะคิดว่าเธอพูดถึงน้องชาย แต่เมื่อมานึกดูดีๆ พร้อมกับการได้ยินเสียงรนๆ ของหล่อนตอบกลับมา จึงเพิ่งถึงบางอ้อ... ...ตอนนี้เขาอยู่ในคราบไอ้เซดริกนี่หว่าไปอิจฉามันทำไม? ... “กลับไปฉันก็คงเหงาเหมือนเดิม...ทำแต่งาน” แวซ็องไม่ได้พูดเกินจริง...ชีวิตของเขามีแต่งานและงานที่สุมเข้ามา ได้ปลดปล่อยก็ช่วงเลิกงานเป็นวัฏจักรเดิมๆ ที่เพิ่งจะนึกเหนื่อยหน่าย เขาวนเวียนใช้ชีวิตแบบนี้มาได้ยังไงเป็นสิบๆ ปี “คนทำงานหมายถึงเขายังมีค่านะคะ คุณลองคิดดูสิ...หากไม่ทำงานอะไร คุณจะไร้ค่าขนาดไหน?” เมวิกากล่าวตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง การมีงานทำหมายความว่าตัวเรายังมีความหมาย อีกอย่างมันทำให้ใจชื้นขึ้นว่าเรายังมีลมหายใจ ยังมีคุณค่ากับคนอื่นๆ ไม่ได้ไร้คุณค่าจนถูกลืม “อืม...มันก็จริง” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ...เขาเป็นที่ต้องการสำหรับคนอื่นเสมอ หากมีเงินในกระเป๋า มาเสียเซลฟ์ก็ตอนเจอกับเมวิกานี่ล่ะ หล่อนไม่แยแสหากเขาจะมั่งมีหรือยากจน...หล่อนระวังตัวทุกฝีก้าวจนเขาเจาะเข้าไปไม่ถึงสักที “คุณโชคดีแล้วละค่ะที่ยังมีคนให้กลับไปหา...ผิดกับฉัน” เสียงของเมวิกาสั่นจนเขาจับได้...คิดๆ ไปหล่อนก็น่าเวทนาไม่น้อย เป็นคนคนเดียวบนโลก ไม่มีใครให้ห่วงใย ไม่มีใครสนใจการมีตัวตน หากเขาเป็นเช่นนั้นจะเคว้งขนาดไหนกันนะ? เป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่ผุดขึ้นมากะทันหัน...ความรู้สึกสงสาร เวทนา และอยากประคับประคองหล่อนไว้ แวซ็องรีบปัดความคิดเช่นนั้นทิ้ง...หล่อนจะถูกห้อมล้อมหลังจากนี้ เพราะเขาจะมอบเงินตราให้หล่อนอย่างเหลือเฟือ...ให้กินใช้อย่างสบายๆ โดยไม่เดือดร้อน แล้วความรู้สึกผิดที่กำลังเกิดขึ้นนี่ก็จะหายไปในที่สุด...แวซ็องมั่นใจ!! “เธอยังมีฉันนะ...เม” มือแข็งแรงเอื้อมมาจับมือเธอไว้และบีบแรงๆ เมวิกาอุ่นวาบในหัวใจ เธอคลี่ยิ้มทั้งที่ริมฝีปากยังสั่นไม่หยุด ปลายนิ้วชี้เคลื่อนมาเกลี่ยไร้คราบน้ำตาที่ไหลออกมาประจานความอ้างว้างของตัวเอง มันอุ่นซ่านจนอยากจะโถมเข้าใส่ พอดีกับที่แวซ็องรั้งเธอเข้าไปกอดไว้ เมวิกาจึงปล่อยโฮดังลั่น ความเหงา ความอ้างว้างพรั่งพรูออกมาท่วมท้น ชายหนุ่มกะพริบเปลือกตาปริบๆ เขาโอบกอดร่างสั่นระริกไว้หลวมๆ ความรู้สึกผิดวิ่งเข้าเกาะกุมหัวใจ...เอาน่า เขาไม่ได้ทำผิดกับเธอสักหน่อย แค่อยากเปลี่ยนการดำเนินชีวิตให้แก่เธอ เมวิกาจะได้มีทุกอย่างที่ตัวเองปรารถนา...ถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คน หลังเขาจากไป... มือแข็งแรงตวัดช้อนอุ้มเมวิกาขึ้นจากเก้าอี้ จุดหมายของเขาคือฟูกนอนเก่าๆ ชิดผนังห้อง...และหล่อนมัวแต่สะอึกสะอื้น จึงไม่รู้ว่าขณะนี้เธอกำลังถูกมัจจุราชไร้หัวใจกำลังจะลากลงไปในนรกอเวจี... กว่าจะทันได้รู้ตัว ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะสายเกินแก้... ทันทีที่แผ่นหลังแตะฟูกนอนเก่าๆ ของตัวเอง เมวิกาสะดุ้ง เธอผละออกจากอ้อมอกอบอุ่นที่ซุกแนบแน่น หญิงสาวกะพริบเปลือกตาถี่ๆ กำลังจะปรับความรู้สึกให้กลับคืนมา...แวซ็องก็โน้มตัวลงมาใกล้ๆ เขาประทับจุมพิตที่ริมฝีปากของหล่อน เพื่อปิดกั้นเสียงห้ามสั่นๆ พร่านั้น... “ยะ อย่า” เมวิกาทำได้แค่นั้นเอง หลังจากนั้นหัวของเธอก็หมุนคว้าง เพราะฤทธิ์จุมพิตหวานหอม...ที่เกิดขึ้น หญิงสาวไม่เคยรู้เลยว่าอานุภาพของรสจูบ!! จะรุนแรงเช่นนี้ ร่างกายร้อนวูบสลับกับเย็นยะเยือก ผิวแก้มร้อนฉ่า ร่างกายร้อนระอุทุกหย่อมหญ้า น้ำในกายแทบจะระเหิดหายไปเพราะความร้อนในร่างกายที่วิ่งวน หมุนเร็วจี๋! เสียงหวานๆ ที่กระซิบห้ามไม่มีผลอะไรกับตัวชายหนุ่มเลย เมื่อไฟปรารถนาลามเลียกัดกินเขาไปทั่วทั้งตัวเสียแล้ว สิ่งที่เขาควรทำคือ...การเร่งทำทุกทางให้หญิงสาวคล้อยตามและหยุดการต่อต้าน ขณะนี้เขากำลังทำให้เธอพบกับความหวานฉ่ำระหว่างเพศรส และเรียนรู้ความแปลกแตกต่างของเรือนกายของกันและกัน มือใหญ่ไต่ดะ เอื้อมเข้ามาใกล้ ปลายนิ้วแข็งร้อนค่อยๆ ปลดพันธนาการที่รัดรึงร่างนุ่มออกทีละชิ้นๆ แล้วก็ถูกต่อต้านเล็กน้อยจากเจ้าของร่างอวบที่กำลังสับสน เพราะความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันปุบปับเกินไป...แต่เมื่อชนวนถูกจุด มีหรือว่าใครจะห้ามความปรารถนานั่นได้ ในที่สุดชุดอยู่บ้านแสนสบายก็ถูกปลดออกไปอย่างง่ายดาย เมื่ออีกฝ่ายมีทั้งความช่ำชองและมนตรา เขาปรนเปรอจนเธอหลงละเมอ เผลอตัวคล้อยตามจนได้ มือร้ายกาจค่อยๆ ร่นชุดสวมสบายเปิดเปลือยความงดงาม เผยให้เห็นสัดส่วนอะร้าอร่ามข้างใต้ รูปโฉมโนมพรรณกระตุ้นความปรารถนาของแวซ็องให้ร้อนผะผ่าว คุโชนราวอุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงปรี๊ด! เหมือนสัญญาณเตือน...จากพื้นดินที่เงียบสงบ เวลานี้ใต้พื้นนิ่งสนิทกำลังปั่นป่วน รอวันจะ...ระเบิดพร่าง... เสียงครางหวานๆ ดังแผ่วๆ ยามที่ชายหนุ่มโน้มตัวแนบชิดและคลุกเคล้า ร่างกายร้อนผ่าวของทั้งคู่เบียดส่ายเสียดสีกันจนเมวิกาสะท้านเยือก เธอยกแอ่นลำตัวแนบชิด เมื่อเขาถอยหนี ความรู้สึกหนาวเหน็บอ้างว้างพุ่งเข้าใส่ เพียงแค่เขาผละห่างจนอดใจไม่ไหวต้องตามติด พร้อมทั้งครางเสียงแผ่วๆ ด้วยความขัดใจ แวซ็องยิ้มหวานฉ่ำ แล้วจึงกดจุมพิตมุมปากของเธออีกครั้งแรงๆ รู้สึกกระตือรือร้นที่จะได้ครอบครองผู้หญิงที่ตัวเองต้องตา ความรู้สึกเหมือนกำลังคว้าชัยชนะอยู่แค่เอื้อม...มันทำให้เขาตื่นเต้นและลำพอง เขาต้องการเป็นเจ้าของเธอให้เร็วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้ และเวลานี้อยู่แค่เอื้อมมือคว้าไว้แค่นั้นเอง เขาแทบจะอดใจรอไม่ไหว แม้จะต้องใช้กลโกง ใช้เหตุลวงล่อ...ชายหนุ่มก็งัดเอาออกมาใช้ เพื่อลวงล่อเธอโดยไม่ละอายใจ และแล้ววันที่ตั้งตารอคอยก็มาถึงจนได้...เวลานี้เธอนอนทอดกายอยู่ใต้ร่างของเขา กำลังจะครวญครางด้วยเสียงที่สั่นพร่า... มีเพียงเสียงครางแผ่วๆ เป็นสิ่งกระตุ้น แวซ็องจึงไม่รอช้า เขาเคล้นคลึงความอวบอิ่มอย่างเกษมสันต์ยิ่งได้สัมผัสยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เฝ้ารอคุ้มค่า ความครัดเคร่ง อวบอิ่มเต่งตึงของสาวบริสุทธิ์ที่ผู้ชายส่วนใหญ่ปรารถนา ผิวของเมวิกาเหมือนผิวทารกแรกเกิด มันเนียนละเอียดเสียจนเขาไม่อยากผละห่าง กลิ่นกายของเธอเหมือนกลิ่นดอกมะลิยามเช้าที่ผลิบานรับแสงอรุณ ทั้งหอมทั้งหวาน และสดสะอาด ปลายจมูกโด่งๆ จึงวนเวียนสูดดมไม่สร่างซา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD