05-บ้านใกล้ เรือนเคียง

1816 Words
ผักริมรั้วและสวนหลังบ้าน ถูกเด็ดใส่ตะกร้าหวายใบใหญ่ ทั้งยอดชะอม ยอดฟักทอง ถั่วฝักยาว กระเจี๊ยบเขียว มะเขือ แตงไทย ถั่วพู ฝนโปรยชโลมต้นผักสวนครัวให้แข่งกันงามจนคนปลูกกินไม่ทัน ต้นกล้วยสูงตระหง่านออกเครืองามลูกสวยชวนกิน สมบุญค่อยๆ ขยับไม้ไผ่ที่ค้ำพยุงต้นกล้วยต้นที่ออกเครืองามให้ค่อยๆ โน้มยอดลง แม้ว่ากล้วยจะยังไม่สุก แต่หากล้มลงฟาดพื้นอย่างเต็มแรงเข้าก็อาจจะเสียหายได้เช่นกัน เมื่อเครอกล้วยลงสู่พื้นแล้วเธอใช้มีดอีโต้ที่พกติดมือมาด้วยฟันชำแหละกล้วยออกจากเครือทีละหวีอย่างชำนาญ “โห....ตั้งสิบสองหวีเชียวรึ” เธออุทานอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปหยิบเอากระสอบปุ๋ยในตะกร้าหวายออกมาคลี่แล้วบรรจุกล้วยที่ชำแหละเรียบร้อยแล้วใส่เข้าไป เธอแบกกระสอบกล้วยพร้อมกับหิ้วตะกร้าผักออกมาที่แคร่หน้าบ้าน “เฮ้อ...ปีนี้ผักมันงามดีจริงๆ กินไม่ทั่วไม่ทันเล้ย” สมบุญบ่นไปพลางก็แยกผักแต่ละอย่างออกเป็นกองๆ “เอาไปฝากไอ้เล้งมันบ้างสิ เพิ่งย้ายมาคงไม่มีผักติดตู้หรอก จะได้ไปคุยเล่นกับมันด้วย ไม่เจอกันนาน” วันชัยที่กำลังนอนดูโทรทัศน์ ร้องบอกกับภรรยา สมบุญนั้นก็เห็นด้วยกับความคิดของสามี ผักมากมายขนาดนี้กินเก็บเอาไว้หมด ก็คงจะกินไม่ทันเน่าเสียไปเปล่าๆ แน่ เมื่อคิดได้อย่างนั้น เธอจึงเดินเข้าไปหยิบเอาถุงพลาสติกที่เก็บสะสมไว้ในครัว ออกมาใส่ผัก พร้อมกับใช้เชือกร้อยกล้วยอีกสองหวีเตรียมไปให้เพื่อนบ้าน “พี่จะไปด้วยกันไหมล่ะ” เธอหันไปถามสามี เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปปิดโทรทัศน์จากนั้นก็เดินตามสมบุญไปที่บ้านข้างๆ “มลเอ๊ย!! มล!!” เสียงร้องเรียกของผู้มาเยือนทำให้มลที่กำลังช่วยสามีทำกับข้าวต้องปลีกตัวออกมาต้อนรับแขกที่หน้าบ้าน เมื่อเธอเห็นสองชายหญิงที่มาเยี่ยมเยือนก็พลันคลี่ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ “พี่บุญ พี่ชัยหวัดดีจ่ะพี่ ขึ้นมาๆ” บ้านของเล้งเป็นบ้านไม้ขนาดเสา 18 ต้น ตัวบ้านยกใต้ถุนสูงประมาณครึ่งเมตร สภาพบ้านโดยรวมแม้จะเก่าทรุดโทรมไปบ้างแต่ก็ยังพออยู่ได้อย่างไม่เดือดร้อน “ไปยังไงมายังไงกันล่ะพี่” มลว่าพร้อมกับเดินไปหยิบกระบอกน้ำจากตู้เย็นและแก้วออกมาวางรับแขก วันชัยกวาดสายตามองดูรอบๆ เพื่อสำรวจดูสภาพบ้าน เขาเองก็แอบชื่นชมช่างที่สร้างบ้านว่าเลือกใช้ไม้ได้ดี เพราะบ้านที่ไม่ได้มีการดูแลรักษามานานนับสิบปี แต่ยังคงสภาพที่ดีเอาไว้พอสมควร “เอาผักหลังบ้านมาฝาก แล้วก็ว่าจะมาคุยเล่นด้วย ทำอะไรกันอยู่หรือ ยุ่งอยู่หรือเปล่า” มลว่าพลางยื่นถุงผักกับกล้วยให้เจ้าบ้าน “อ๋อ กำลังทำกับข้าวกันพี่ พี่อี้เค้าซื้อหมูซื้อไก่มาให้จากตลาด แล้วก็ให้ฟักทองจากสวนเค้ามาลูกหนึ่ง ก็เลยว่าจะแกงไก่กับฟักทอง แต่เดี๋ยวก็เสร็จแล้วพี่” “อ๋อ...พี่ไม่ค่อยว่างกันเลย เห็นอี้มันมาถางหญ้าตัดกิ่งไม้ ก็นึกว่ามันขายบ้านให้ใคร ไม่เคยได้ถามเลย เพิ่งจะเห็นเล้งมันตัดต้นไม้หน้าบ้านเมื่อเช้า ถึงรู้ว่าเป็นพวกเอ็ง แล้วนี่กลับมาเที่ยวหรือจะมาอยู่ยาวเหรอ” “มาอยู่ยาวจ่ะพี่ สถานการณ์ที่กรุงเทพมันหนักขึ้นเรื่อยๆ ถึงโรคมันหายแล้ว แต่เศรษฐกิจมันจะยังไงเราก็ไม่รู้ เลยกลับมาอยู่บ้านเราดีกว่า” “เออๆ พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ เมื่อกี้ดูข่าวยอดคนติดเชื้อมีแต่เพิ่มขึ้นๆ กลับมาบ้านเราอย่างน้อยก็ไม่ต้องไปเสี่ยงโรค” วันชัยเสริมขึ้นบ้าง “อ้าวพี่บุญพี่ชัย หวัดดีพี่” เล้งที่เพิ่งจะยกหม้อแกงลงจากเตา เดินออกมาสมทบกับภรรยาที่นอกชานบ้าน “ไงเล้ง ไม่เจอกันนาน ดูไม่แก่ลงเลยนะ” วันชัยเอ่ยทัก เขากับเล้งสมัยหนุ่มนั้นเที่ยวด้วยกันตลอด จนกระทั่งตอนที่เล้งออกไปทำงานกรุงเทพถึงได้ห่างกัน “โห...พี่ก็พูดเกินไป แล้วเป็นไง เห็นพี่อี้บอกว่างานล้นมือเลยสิ” “ก็พอมีให้ออกทุกวันนั่นแหละ แต่ก็อีกหน่อยคงต้องวางมือแล้ว หลังชักจะไม่ไหว” “ผมอยากจะทำร้านอาหารตามสั่งตรงหน้าบ้านหน่อย พี่จะพอมีคิวให้ผมหรือเปล่า” เล้งเข้าเรื่องอย่างไม่อ้อมค้อม เขาคิดว่าเรื่องนี้คงใช้เวลาคุยกันพอสมควร ถ้ามัวโอ้เอ้เดี๋ยวจะเสียเวลาเปล่า “อืม...ตรงปากทางเข้านั่นเลยเหรอ พี่ว่าที่มันต่ำไปหน่อยนะ ถ้าจะทำคงต้องถมดินสักสองเที่ยว” วันชัยเสนอความเห็น เพราะจากที่ดูด้วยตาเปล่า ก็เห็นว่าที่ตรงนั้นมีน้ำขังอยู่ หากไม่ถมดินก่อนเวลามีฝนตกมา น้ำก็จะไหลไปขังรวมกันตรงนั้น “พี่อี้ก็พูดเหมือนกัน แล้วอย่างถ้าผมจะทำร้านพี่จะคำนวณงบคร่าวๆ ให้ผมได้มั้ย รวมตั้งแต่ถมดินเลย” “ถมดินสักสองเที่ยวมันตกเที่ยวละประมาณห้าร้อยก็ตกพันหนึ่ง จ้างรถมาไถเกลี่ยประมาณสามร้อย พื้นเองจะเอาเป็นพื้นดินหรือเทปูนล่ะ” “เทปูนแพงหรือเปล่าพี่” ใจจริงเล้งก็อยากจะทำร้านให้ดีไปเลย เพราะเท่าที่ฟังจากอี้ถ้าเขาทำร้านให้ดีก็จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้อยากเข้าร้านได้ อีกอย่างเขาตั้งใจว่าจะมาอยู่ที่นี่ถาวรแล้ว เลยอยากทำทีเดียวให้มันดีไปเลย แต่ก็ต้องแน่ใจเรื่องงบก่อน เพราะต้องแบ่งบางส่วนเพื่อไปรีโนเวตและซ่อมแซมบ้านด้วย ไหนจะค่าใช้จ่ายรายเดือนอีก เขาจำเป็นต้องจัดสรรปันส่วนการเงินให้ดีดี “ถ้าเอาแบบสำเร็จเหมามาก็ต้องเอาเยอะหน่อย แต่ถ้าไม่ได้เทเยอะผสมเทเองก็ได้ ซื้อหิน ซื้อทราย ซื้อปูนมา เอ็งพอจะกะได้ไหมว่าจะเอาขนาดแค่ไหน” “ได้พี่งั้นเดี๋ยวผมจะลองคิดดูก่อนว่าจะเอาขนาดเท่าไหร่ แบบไหน ได้เรื่องยังไงค่อยไปคุยกับพี่อีกที” หลังจากที่พูดคุยเรื่องร้านกันไปแล้ว เล้งก็ยังทาบทามว่าจะรีโนเวตบ้านเล็กน้อย และอยากซ่อมแซมต่อเติมอีกหน่อย ซึ่งวันชัยก็ยินดีจะหาเวลาทำให้ ทั้งสี่คนพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ กันอย่างเพลิดเพลิน เล้งได้รู้ว่าที่นี่เจริญขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก มีผู้คนจากต่างจังหวัดเข้ามาซื้อที่ดินและตั้งหลักแหล่งที่นี่จำนวนมากจนบ้านเมืองเล็กๆ กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้นและเจริญมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวถูกพัฒนาและมีการโปรโมทให้เป็นที่รู้จัก เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะมีปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 แต่ก็ยังคงนักท่องเที่ยวในพื้นที่แวะเวียนกันมาเที่ยวเรื่อยๆ เมื่อคุยกันจนอิ่มแล้ว วันชัยกับสมบุญก็ขอตัวกลับ เพราะที่บ้านเขานั้นยังไม่ได้หุงหาอาหารอะไรเลย “เหมย เหมย!! มากินข้าวเร็วลูก” เสียงมลร้องเรียกลูกสาวที่เอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์ตลอดทั้งวัน ให้ออกมารับประทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน เหมยรีบลุกขึ้นจากเตียงไม้เก่าๆ ที่พ่อกับแม่สละให้เธอ แล้วออกมาที่ครัว “เหมยเดี๋ยวเอาแกงฟักทองไปให้บ้านป้าบุญหน่อยได้ไหม เมื่อเย็นเค้าเอาผักมาให้เยอะแยะเลย บ้านเรายังไม่ได้ปลูกอะไร ไม่มีอะไรไปคืนเค้าเลย” เล้งบอกกับลูกสาว พร้อมกับยื่นถ้วยแกงฟักทองที่ตักแบ่งไว้ให้เพื่อนบ้านให้กับเหมย “เป็นคนต่างจังหวัดเต็มตัวแล้วสิแบบนี้” ลูกสาวแกล้งว่าพร้อมกับรับถ้วยจากมือพ่อมาแต่โดยดี เธอจำได้ว่าธรรมเนียมนี้ สมัยที่ยังอยู่กับย่าที่ต่างจังหวัด เธอก็ทำเสมอ ย่ามักจะทำกับข้าวหม้อใหญ่ทั้งที่อยู่กับเธอแค่สองคน แล้วก็จะเอากับข้าวใส่ถุงให้เธอเอาไปให้คนนั้นคนนี้จนทั่ว เธอจึงคิดว่าธรรมเนียมแบบนี้ คงเห็นได้แค่ตอนอยู่ต่างจังหวัดเท่านั้น เพราะตอนที่อยู่กรุงเทพก็ไม่เคยเห็นใครเอาอะไรมาให้ แม้แต่พ่อแม่ของเธอเองก็ไม่เคยเอาอะไรให้ใครเช่นกัน นอกจากลูกจ้างในร้าน “ป้าบุญ!! ป้าบุญ!!” เหมยเดินมาที่บ้านของสมบุญพร้อมกับถ้วยแกงฟักทองที่เพิ่งตักจากหม้อ ควันยังลอยคลุ้งจากถ้วยแสดงให้เห็นถึงความร้อนของตัวแกง “อ้าว...เหมยเหรอ ป้าดดด โตเป็นสาวแล้วมันสวยจริงๆ มากินข้าวด้วยกันก่อนสิลูก ป้าทำแกงเลียงเพิ่งเสร็จพอดีเลย” “โอ๊ะ ไม่เป็นไรค่ะป้า พอดีป๊ากับม๊าก็ตั้งวงแล้วเหมือนกัน” “อ๋อ...งั้นเอาไว้โอกาสหน้ามากินข้าวด้วยกันนะ เออๆ เดี๋ยวรอแปบนะ เดี๋ยวป้าไปเปลี่ยนถ้วยให้ แล้วก็เดี๋ยวจะตักแกงเลียงให้ด้วย แบ่งกันกิน” สมบุญเดินหายเข้าไปในบ้านพร้อมกับถ้วยแกงของเหมย ไม่นานเจ้าบ้านก็กลับออกมาพร้อมกับถ้วยใบเดิมที่แกงในถ้วยนั้นเปลี่ยนไปเป็นแกงเลียง พร้อมกับคนที่ถือมานั้นไม่ใช่สมบุญ แต่เป็นลูกชายของเธอ “เค็มหน่อยนะ แม่ทำกับข้าวแก่เค็ม” กวินว่าพลางยื่นถ้วยให้กับหญิงสาวที่ยืนรออยู่บ้านหน้าบ้าน เธอรับถ้วยแกงไปพร้อมกับรอยยิ้มขบขันคำพูดของกวิน “แต่ว่าแกงของป๊าเราวินต้องห้ามพลาดเชียวนะ เพราะอร่อยมาก” “อืม...ยังไงก็ขอบใจนะ ที่เอาแกงมาช่วยไตเรา” “เหอะๆ เราจะฟ้องป้าบุญ” “แม่ไม่เชื่อหรอก แม่ชอบคิดว่าเราพูดแบบนี้เพราะเราไม่กินผัก” “แล้วไม่กินจริงไหมล่ะ?” “กิน แต่ไม่ได้กินทุกอย่างหรอก โดยเฉพาะผักที่แม่เอาไปทำกับข้าว” “เฮ้อ...เราขอตัวก่อนนะ วันนี้ไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วย หิวมาก ไว้วันหลังจะมาคุยเล่นด้วยนะ” กวินพยักหน้ารับพร้อมกับยืนมองร่างบางเดินจากไปสนลับสายตา กับข้าววันนี้คงจะอร่อยเป็นพิเศษจริงๆ นั่นแหละ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD