“ไสหัวไปให้พ้น”
เสียงหนาของรัตติเอ่ยไล่พยาบาลคนใหม่ที่เขานั้นเพิ่งจะลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นในตอนเช้าของวันนี้
พร้อมกับมองไปอย่างคนเกรี้ยวกราดไม่พอใจนักที่ต้องเป็นคนพิการจนต้องมีคนมาคอยดูแลแบบนี้
“คุณแสงใจเย็นๆก่อนนะคะ”
พยาบาลสาวที่ถูกว่าจ้างมาด้วยเงินจำนวนมากพอสมควรพยายามใช้ความอดทนเข้าสู้กับคนป่วยอย่างรัตติ
เธอไม่ตอบโต้อะไรออกไปมากนัก นอกจากเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายที่เพิ่งจะตื่นนอนขึ้นมาใจเย็นลง
“กูบอกให้ออกไปไง”
รัตติตวาดพยาบาลหน้าใหม่ที่เขายังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเหมือนพยาบาลคนก่อนดังลั่นห้องนอน
“ไอ้แสงใจเย็นๆก่อน”
ภูผาที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณบ้านพักหลังเล็กที่เขายกให้รัตติใช้พักรักษาตัวรีบวิ่งเข้ามาทันที
เขารีบเข้าห้ามปรามน้องชายที่ออกปากไล่พยาบาลที่เพิ่งจะมาทำงานได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง
“กูไม่ชอบพยาบาลคนนี้ ไล่ออกไปซะ”
เมื่อไล่พยาบาลออกเองไม่ได้ผล รัตติก็หันหน้าไปมองพี่ชายของเขาที่เดินเข้ามาพอดี
สายตาของเขามองไปยังพี่ชายของตัวเองด้วยแววตาที่ไม่พอใจนัก ที่ตื่นมาแล้วต้องเจอกับพยาบาลคนนี้
“คุณพยาบาลเขาเพิ่งจะมาเมื่อเช้านี้เอง มึงยังไม่รู้ชื่อเขาเลยด้วยซ้ำ มึงจะไม่ชอบเขาแล้วเหรอ”
ภูผายังคงใช้ความพยายามเป็นอย่างมากเกลี้ยกล่อมรัตติผู้เป็นน้องชายของเขา เพื่อให้รัตติยอมให้มีพยาบาลเข้ามาดูแล
เพราะเขาต้องทำงานภายในไร่ศีขริน จะมาคอยดูแลน้องชายด้วยตัวเองก็คงไม่ไหว
“ไม่ไปใช่ไหม เพล้ง”
มือหนาของรัตติคว้าเอาแจกันใบเล็กๆพอดีมือจับขึ้นมาแล้วปาไปที่พยาบาลสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกล
พยาบาลสาวเบี่ยงตัวหลบได้ทัน แต่ก็ไม่ทั้งหมด แจกันนั้นเฉียดโดนตัวไปนิดแต่ก็ไม่มากไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บอะไร
“ไอ้แสง หยุดนะ”
ภูผาเข้าห้ามรัตติผู้เป็นน้องชายด้วยความรวดเร็วเมื่อรัตตินั้นคว้าเอาโคมไฟขึ้นมาตั้งท่าจะปาออกไปอีก
“เพล้ง”
เห็นผู้เป็นพี่ชายจะเข้ามาคว้าโคมไฟในมือ เขาก็รีบปามันลงไปที่พื้นใกล้ๆแทนเพื่อเป็นการทำลายข้าวของให้เกิดความสะใจ
“ฉันขอลาออกค่ะ”
พยาบาลสาวได้เห็นความเกรี้ยวกราดของคนป่วยที่จะต้องดูแลก็รีบลาออกไปในทันทีโดยที่ยังไม่ได้เริ่มทำงาน
เพราะถ้าขืนทำงานไปเธอได้เลือดตกยางออกทั้งตัวแน่ๆคนป่วยเกรี้ยวกราดได้ขนาดนี้ ถึงขึ้นแทบจะทำบ้านพังได้เลยแม้จะลุกเดินขึ้นมาไม่ได้
เมื่อตัวต้นเหตุสำหรับเขาเดินออกไปแล้ว รัตติก็สงบลงและนอนพักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็นต่อไป
โดยที่มีภูผาเป็นคนเก็บทำความสะอาดบ้านที่มีแต่ข้าวของแตกหักเต็มพื้นไปหมดนั้น
“คุณพยาบาลเขาเข้าใจดีค่ะ พี่หินไม่ต้องกังวลนะคะ”
อลิสสาเดินเข้ามาปลอบใจผู้เป็นสามีหลังจากที่เธอเพิ่งจะไปจัดการจ่ายเงินปลอบขวัญให้กับคุณพยาบาลมา
และเขาก็เพิ่งจะเดินกลับเข้าบ้านมาหลังจากที่ดูแลรัตติผู้เป็นน้องชายเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“สองวัน สองคน ไอ้แสงมันชักจะแผลงฤทธิ์มากเกินไปแล้วนะ”
ภูผาปรับทุกข์กับผู้เป็นภรรยาของเขาเมื่อรู้สึกจะรับมือไม่ไหวกับน้องชายของตัวเอง
“คุณแสงเธอไม่สบาย เดี๋ยวอีกสักพักเธอคนจะดีขึ้น”
อลิสสาพยายามให้กำลังใจเขาเหมือนกับในทุกๆครั้งที่เขาต้องเจอกับปัญหา เพื่อที่จะจับมือกันก้าวข้ามปัญหาไปให้ได้
“ถ้าไม่ดีขึ้นล่ะ พี่จะไปจ้างพยาบาลที่ไหนมาดูแล”
เขาถามย้อนกลับไปที่ภรรยาเพราะว่าน้องชายของเขาดูเหมือนจะมีอาการทางจิตใจหนักหนาขึ้นทุกวัน จนเขาแทบจะคิดอะไรไม่ออกแล้วที่จะหาทางช่วยน้องชายคนนี้
“ลองเปลี่ยนเป็นผู้ชายบ้างดีไหมคะ”
อลิสสาลองเสนอความคิดให้ผู้เป็นสามีฟัง โดยไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่ามันจะได้ผล เพราะรัตติค่อนข้างอาละวาดหนักไม่มีใครเข้าหน้าติดเลย แม้แต่เธอที่เคยพูดคุยกันได้ในยามปกติตอนนี้ยังเข้าไปใกล้แทบจะไม่ได้
“ก็ดีเหมือนกัน”
ภูผารับฟังความคิดเห็นนั้นของภรรยา และรีบโทรบอกให้น้องชายอย่างพายัพส่งบุรุษพยาบาลพิเศษเข้ามาดูแลน้องชายของเขาทันที
“อาหารเช้าและก็ยาครับ”
เช้าวันใหม่ของการต้องมาอยู่รักษาตัวที่ไร่ศีขริน รัตติลืมตาตื่นขึ้นในเวลาปกติ และก็ต้องพบกับคนดูแลคนใหม่ที่เป็นผู้ชาย
เขามองดูอยู่สักพักจนมั่นใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้ที่เขามาดูแล พี่ชายเขาเป็นคนจัดหามาให้แน่นอน
“กูไม่กิน เพล้ง”
มือหนาที่เร็วเท่าความคิดก็ปัดเอาอาหารเช้าและก็ยาที่ใส่อยู่ในถาดเดียวกันและถูกไว้ที่โต๊ะเล็กๆข้างเตียงนอนตกลงไปที่พื้น
อาหารเช้าที่เป็นข้าวต้มกับยาสองสามเม็ดกระจายเกลื่อนพื้นในทันที สร้างความสกปรกไปทั่วทั้งห้อง
“คุณแสงควรกินอะไรลงท้องบ้างนะครับ”
บุรุษพยาบาลที่พอได้ข้อมูลของคนป่วยมาบ้างว่ายังไม่ได้กินอะไรลงท้องเลยมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นรีบเอ่ยเตือนคนป่วย
เพราะการทำแบบนี้ไม่ส่งผลดีต่ออาการป่วย มีแต่จะทำให้ร่างกายแย่ลงแล้วก็พานจะหายช้าไปอีกด้วย
“อยากกินมึงก็เก็บกินเองซิ”
สายตาคมแสนดุดันจ้องมองไปยังบุรุษพยาบาลที่กล้ามาออกคำสั่งกับเขาอย่างอยากจะลุกขึ้นไปฉีกบุรุษพยาบาลคนนั้นออกเป็นชิ้น
“คุณแสง”
บุรุษพยาบาลที่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันกับคนป่วย เผลอเสียงดังออกไปที่ถูกสั่งแบบกดขี่ข่มเหงแบบนั้น
“ขึ้นเสียงเหรอ มึงกล้าเหรอ”
รัตติพยายามจะเข้าไปทำร้ายบุรุษพยาบาลที่กล้าขึ้นเสียงใส่เขา จนตัวเองตกลงจากเตียง
“โอ๊ย”
บุรุษพยาบาลรีบเข้าไปช่วยเพราะเห็นว่าเป็นคนป่วยที่ต้องได้รับการดูแลด้วยความรวดเร็ว
แต่กลับถูกรัตติชกเข้าที่ใบหน้าแทน เลยต้องปล่อยมือออกจากการช่วยเหลือและรีบวิ่งออกมาจากภายในห้องนอนนั้น
“ผมขอลาออก”
บุรุษพยาบาลคนนั้นวิ่งออกมาเจอเข้ากับภูผาผู้เป็นผู้ว่าจ้างเขาด้วยเงินจำนวนมากเพื่อให้มาทำงานที่เลวร้ายนี้
เขาลาออกทันทีอย่างไม่ลังเลพร้อมกับใบหน้าที่มีรอยช้ำที่เกิดขึ้นจากการโดนรัตติทำร้ายมา
ภูผาจำต้องให้บุรุษพยาบาลคนนั้นลาออกไปหลังจากทำงานได้ไม่ถึงชั่วโมงอีกตามเคย
และนอกจากจ่ายเงินเดือนไปให้หนึ่งเดือน ยังต้องจ่ายค่าเสียขวัญไปอีกด้วยเพื่อไม่ให้ทางนั้นเอาเรื่องออกไปพูดกับคนนอก
“ก็ได้ เดี๋ยวกูดูแลมึงเอง”
หลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จสรรพภูผาก็เดินเข้ามาภายในห้องนอนของนายชาย และตัดสินใจเป็นผู้ดูแลน้องชายด้วยตัวเอง แม้จะมีงานรัดตัวก็ตาม
“กูต้องการพยาบาล ไปหามาซิ”
รัตติตอบกลับอย่างยียวนทั้งที่ตัวเขาไม่ได้ต้องการใคร เพราะไม่อยากถูกดูแลเหมือนคนพิการคนหนึ่ง
“มึงไล่ออกหมด แล้วกูจะไปหามาจากที่ไหน”
ภูผาตอบกลับออกไปตามความจริง เพราะไม่ว่าเขาจะจ้างใครมารัตติก็ไล่ออกหมด
เขาไม่รู้จะไปเสาะหามาจากไหนอีกแล้ว เพราะไม่ว่าจะดีแค่ไหนก็ไม่ถูกใจคนป่วยอย่างรัตติสักที
“ส่งกูกลับกรุงเทพซิวะ”
รัตติที่อยากจะเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่อยากเจอใครเพราะใครๆก็คงพากันมองดูว่าเขาก็เป็นแค่คนพิการเอ่ยบอกพี่ชายที่ดูท่ากำลังจะหมดความพยายามในการดูแลเขา
เขาอยากจะกลับไปอยู่คนเดียวเพียงลำพัง เพราะนั้นมันคงดีกับเขาที่ทุกอย่างในชีวิตได้พังไปหมดแล้ว ไม่ต้องพบเจอใครเพราะในชิวิตก็ไม่ได้เหลืออะไรนอกจากความพิการ
“เฮ้อ”
ภูผาถอนหายใจดังลั่นห้องนอนสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มากนั้นของผู้เป็นน้องชายเพื่อระบายความอึดอัดที่มันเกิดขึ้นภายในใจออกไป
และเขาก็เริ่มต้นพยายามใหม่ในการเสาะหาพยาบาลดีๆมาดูแลผู้เป็นน้องชาย เพราะเขาไม่มีวันส่งน้องชายกลับไปอยู่คนเดียวแบบนั้นแน่นอน