นี่ยังไม่นับรวมกับลูกค้าชาวต่างชาติ เขาจะนำเข้ามาสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกปีละเป็นร้อยล้าน ทีมงานของเขาก็อธิบายให้ผู้นำชุมนุมฟังนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เอกสารก็แจกจ่ายให้ไปอ่านหลายสิบรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่วายถูกบางกลุ่มมาต่อต้านในทุกครั้ง เวลาส่งทีมมาดูหน้างาน
“ข้าวหน้าเป็ดร้านนั้นอร่อย เดี๋ยวเราไปกินกัน”
เขาหันไปหาคนข้างๆ แล้วก้าวไปจับจองโต๊ะนั่งตรงหน้าร้าน เบียดเสียดกับผู้คนเดินไปมา ราวกับว่าเขาไม่ใช่เศรษฐีหมื่นล้านในความคิดของสมชัย ผู้ไม่ห่วงเรื่องคลุกกับดินกินกับทรายนัก เพราะงานแต่ละชิ้นมักจะปักหลักอยู่ท่ามกลางฝุ่นกับแดดมาแล้วทั้งนั้น
ระหว่างนั่งรออาหาร สองหนุ่มก็จิบน้ำลำไยเย็นๆ ดับร้อนไป แล้วสายตาคู่คมมีแว่นกันแดดบดบังเอาไว้ ไม่ให้คนรู้ว่าเขากำลังมองไปทิศทางไหนอยู่นั้น ก็พลันเห็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งสั่งให้เลขา คอยจัดดอกไม้ส่งให้ทุกวันทำงานล่วงหน้าไว้ถึงสามเดือนพอดิบพอดี การยืนอยู่กับเครื่องปั่นน้ำผลไม้นั้น บอกได้ชัดเจนว่าเธอไม่ใช่ลูกค้าหรือคนมาเที่ยวแน่ๆ
แต่การจะเอ่ยปากถามผู้คนแถวนั้น มันเป็นความคิดไม่เข้าท่านัก มือถือเลยถูกคว้าขึ้นมาใช้งานแทน ด้วยการส่งคำสั่งไปให้เลขา แม้จะไม่ใช่วันและเวลาทำงาน แต่เขารู้ว่าจะรับคำสั่งได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว จากนั้นก็ส่งไลน์ไปหาเพื่อนรัก ตอนนี้คงหน้าดำคร่ำเคร่งประชุมกับทีมแพทย์หรือพยาบาลอยู่เป็นแน่
‘ขอประวัติน้องไวน์คนสวยทีเพื่อน ให้คนเอาไปฝากไว้คอนโดฉันนะ/แท้งคิ้ว’
พิมพ์ภิษาจอดรถต่อจากปิ๊กอัพ ที่ลัดดาขับกลับบ้านก่อนตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้ว เพราะต้องรีบกลับมาดูแลสามี แล้วก็เตรียมเมนูที่จะไม่ทำให้เชื้อมะเร็งเติบโตไปมากกว่านี้อีก แต่ทุกคนรู้ดีว่าศัตรูตัวฉกาจนั้น ก็คือความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือเจ้าของรถบีเอ็มดับบลิว น้องทั้งสองนั้นรู้ว่้าเป็นของใคร แต่คนพี่ไม่
“รถนายหน้าขายที่ไงจ๊ะพี่ไวน์ มาหาคุณพ่อนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่อีกหน่อยก็จะถูกตะเพิดจนหนีกลับแทบไม่ทันเหมือนเดิม ไม่เชื่อคอยดู” ลิลรดาเป็นคนบอกด้วยท่าทีไม่คิดมาก ผิดกับลิลรดีคนละเรื่อง
“ถ้าเขาอยากได้ขนาดนี้ ดีว่าคุณพ่อน่าจะขายๆ ไปนะจ๊ะพี่ไวน์ จะได้เอาเงินมาใช้หนี้ไงล่ะ”
พิมพ์ภิษาไม่เห็นด้วยกับน้องคนกลาง เพราะรักสมบัติชิ้นสุดท้ายของปู่ย่าพอๆ กับพ่อและทุกคนในตลาด ที่รักร้านค้าอันสื่อถึงเรื่องราวความเป็นมาของครอบครัวมาหลายชั่วอายุคน
แม้ตลาดน้ำ ‘ต้นน้ำ’ จะไม่เฟื่องฟูเหมือนตอนย่าเคยเล่าให้ฟัง แต่เธอก็เชื่อว่าอีกไม่นานมันจะฟื้นขึ้นมาโด่งดัง เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปอีกครั้ง ถ้าทางการเอาจริงเอาจังกับการโปรโมท
“บอกว่าไม่ขายก็คือไม่ขาย! จะให้ราคาเท่าไหร่ก็ไม่ขาย! หรือถ้าจะขาย ผมก็ไม่มีวันจะขายให้ไอ้นายทุนหน้าเลือดจอมทรยศคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการเอาเท้ามาเหยียบย่ำตำนานของคนในชุมชม แล้วพาพวกฝรั่งตาน้ำข้าวเข้ามาอยู่เหมือนพระราชา ให้คนแถวนี้ไปก้ม ไปหมอบคอยรับใช้มันหรอกนะ คนที่นี่อยู่ได้ด้วยอาชีพทำสวน กับค้าขายของในสวน ไม่จำเป็นต้องพึ่งไอ้โรงแรมบ้าๆ นั่น! มาทางไหนกลับไปทางนั้น! ก่อนที่ผมจะทนไม่ได้ จนคว้าไอ้จมูกเดียวส่งคุณกลับไปแบบร่างไร้วิญญาณ!”
สามพี่น้องต่างแหงนขึ้นมองไปที่บันได สองหนุ่มใหญ่ต่างรีบหอบกระเป๋าก้าวลงมาแทบไม่ทัน ไม่นานรถคันหรูหราก็แล่นลับประตูสวนไป ไม่มีใครอยากขึ้นบ้านในตอนนี้ แม้จะเหนื่อยและอยากอาบน้ำสักแค่ไหน แต่ก็พากันเดินเข้าครัวหาของกิน แม่ทำไว้รอแทบจะพร้อมกัน
กระนั้นก็ยังมีเสียงของผู้เป็นพ่อดังลงมาให้ได้ยินอยู่ดี
“ดา! พรุ่งนี้ไปหากำนันเอี่ยมแต่เช้า บอกว่าว่างเมื่อไหร่ให้มาหาพี่ด่วน มีเรื่องจะคุยด้วย...”
และคำสั่งอีกยืดยาว แต่สามพี่น้องก็ยังไม่มีใครเอ่ยอะไร นอกจากยกอาหารไปนั่งกินอยู่ม้าหิน ใต้ต้นมะม่วงไกลออกไปจากใต้ถุนบ้านพอสมควร เพราะไม่อยากได้ยินเสียงอันทรงพลังไม่เคยเสื่อมคลาย
“พรุ่งนี้พี่ไวน์จะกลับกี่โมงจ๊ะ ปิดร้านแล้วมากินข้าวบ้านอีกหรือเปล่า”
น้องสาวคนเล็กถามไปอย่างนั้น แม้รู้ดีว่าพี่สาวไม่ได้อยากกลับมาบ้านแล้วพบกับความตึงเครียดด้วยซ้ำ แต่ก็เห็นว่าวงข้าวเงียบเสียงไปเลยหาเรื่องคุยเท่านั้นเอง
“ก็คงไม่เข้ามาหรอกจ้ะ พี่จะเอากระเป๋าใส่รถไปตั้งแต่เช้าเลย”
“ว้า! เบื่อจังเลย ไม่ได้กินข้าวกับพี่ไวน์อีกมื้อ ว่าจะชวนไปกินหมูย่างเกาหลีตรงร้านท้ายตลาดหน่อย”
“สั่งมากินหลังร้านดีไหมล่ะ ค่ำๆ ลูกค้าไม่เยอะ พี่จะกลับดึกหน่อยก็ได้”
“จริงเหรอจ๊ะ!” น้องเล็กทำตาโตดีใจ
“กินแล้วก็จ่ายตังค์เองด้วยนะดี อย่ารบกวนพี่ไวน์นัก” ทุกคนหันไปหาคนเดินฝ่าความเงียบมาทรุดกายลงนั่งตรงที่ว่าง
“เอาเงินนี่ไปไว้ออกส่วนของเรากับดี้” ลัดดายื่นแบงค์ห้าร้อยให้ลูกสาวคนเล็ก
“เดี๋ยวไวน์เลี้ยงน้องเองค่ะน้าดา ไม่กี่ร้อยหรอก น้าดาเก็บไว้ใช้เถอะค่ะ มีอะไรอีกหลายอย่างให้ต้องจ่ายไม่ใช่เหรอคะ”
พิมพ์ภิษารู้ดี ว่าค่าใช้จ่ายจากการเจ็บป่วยของพ่อ ที่ยอมหักแต่ไม่ยอมงอ ยอมอวดรวยแม้จะจนแทบแย่ ด้วยการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชน ค่าใช้จ่ายสูงลิบลับจนน่าใจหายในทุกครั้งที่ไปทำเคมีบำบัด
“ให้น้าจ่ายเถอะค่ะคุณไวน์ เงินนี่ก็มาจากซองเมื่อเช้านั่นล่ะค่ะ”
นั่นทำให้พิมพ์ภิษาแทบจะกลืนอาหารไม่ลง เมื่อภาพพ่อโยนซองเงินทิ้งใส่หน้าลอยมา
แม้จะไม่เห็นกับตาตัวเองเลยสักครั้ง แต่ลัดดาก็มักจะเล่าให้ฟังเสมอว่า เป็นคนไปเก็บซองนั้นมาเองกับมือ
โดยมีสายตาของพ่อจ้องมอง แต่ไม่ได้ว่าอะไร และรู้อยู่เต็มอกว่าเงินเอามาจับจ่ายในบ้านนั้น บางส่วนมาจากเงินในซองนั้น