หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ รถยนต์กลางเก่ากลางใหม่ของเขา แล่นเข้ามาและหยุดจอด เมื่อถึงบ้านเป้าหมาย เสียงสุนัขเห่าอยู่หน้าบ้าน บ้านค่อนข้างใหญ่โต มีสองชั้นหรูหรา บ้านเลขที่ ตรงตามที่พี่สาวให้มา ตัดสินใจเดินเข้าไปกดออด
“ตู๊ดๆๆๆๆ” เสียงกริ่งที่ดังทำให้ขิมมพัสตร์ สั่งคนใช้ทันที
"อ่อน แกไปดูทีซิ ใครกัน มากดออดอยู่หน้าบ้าน แขกที่ไหน "
ขิมมพัสตร์ เป็นนางแบบดาวรุ่งของวงการ และตอนนี้ หล่อนกำลังก้าวไกลไปกว่างานเป็นนางแบบ คืออาจจะชิมลางงานละคร ที่หล่อนเพิ่งไปเซ็นสัญญา
สักครู่อ่อนก็เข้ามาตอบ
"คุณขิม คะ เอ้อ ไม่รู้ว่าเป็นใคร ค่ะ หน้าตาไม่คุ้น แต่ บอกว่า มาจากคุณเปิ้ล เอ้อ คงจะมารับคุณหนูหนึ่งกระมังคะ"
สาวใช้รายงานให้ทราบ ขิมมพัสตร์ขมวดคิ้วเรียว จากพี่เปิ้ล ชื่อเล่น อดีตพี่สะใภ้ ซึ่งรู้จักดี
หล่อนพบเขาแล้ว เป็นชายหนุ่มที่ผิวออกสีแทนเด่น ใบหน้านั้นดูกระจ่าง หากแต่นิ่งขรึม สีผิวเกลี้ยงเกลา สะดุดตาหล่อน
"ขอโทษ ค่ะ คุณ มาหาใคร ไม่ทราบคะ "
พสวีมองจ้องหญิงสาวตรงหน้า ที่รู้สึกคุ้นเคยหน้าตาของหล่อนมาจากที่ไหนสักแห่ง หญิงสาว หน้าหวาน สวย ใบหน้าเรียวยาว แต่แลดูหยิ่งไว้ตัว เขา เงยหน้าสูงขึ้นมอง
"ผมมาจากพี่สิดาวัน หรือพี่เปิ้ล ต้องการพบคุณนายบุษยา เพื่อจะมารับตาหนึ่งกลับ"
ขิมมพัสตร์เบิกตากว้าง เขาคงจะเป็น น้องชายอดีตของพี่สะใภ้หมาดๆของหล่อน ไม่เคยได้พบเจอ ก็จัดว่า น้องชายของอดีตพี่สะใภ้หน้าตาดีไม่น้อย
"ค่ะ นี่ล่ะ บ้านของคุณบุษยา เชิญเข้าไปข้างในก่อนสิคะ" เมื่อถามไถ่ข่าวคราวแล้ว ทราบความต้องการของเขา
หล่อนจำได้ว่า ทั้งแม่และพี่ชาย ก็พูดถึงเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ขิมมพัสตร์ก็ติดหลาน หล่อนไม่นึกอยากให้ใครเอาตาหนึ่งไปเลี้ยง
เลย เพราะทุกๆวันหล่อนชอบมาเล่นกับหลาน และแกก็ติดอาสาวอย่างหล่อนเช่นกัน
พสวีเดินตามหล่อนเข้าไป ตามคำเชื้อเชิญ ภายในห้อง ที่ดูโอ่โถงกว้างขวางหรูหรา
"คุณจะดื่มอะไรดีมั๊ย"
ชายหนุ่มปฏิเสธเบา ไม่อยากรับความหวังดีจากคนที่นี่นัก
"คงไม่ครับ ไม่รบกวนหรอก ขออย่างเดียว เอาตาหนึ่งมาส่งให้ผมเถอะ เพราะผมมีธุระจะต้องเดินทางต่อ”
คิ้วเรียวสวยขมวด เขามาเร็วและจะกลับเร็ว ใจร้อนจัง
"ฉันไม่ได้ไล่คุณหรอกนะคะ มาถึงแล้วก็นั่งพักผ่อนก่อนก็ได้ คุณคงจะเหนื่อยจากการเดินทางไกล"
เมื่อหล่อนมีน้ำใจ เขาก็ทรุดนั่งตามคำเชื้อเชิญ เป็นคนแปลกหน้า แต่เขาก็ไม่กลัวใครเหมือนกัน
"ถ้าคุณนายบุษยา ท่านไม่อยู่ เรื่องตาหนูหนึ่ง ว่ายังไงครับ ผมต้องการคำตอบ"
เสียงทุ้มนุ่มทว่าเข้มในกระแสเสียงของพสวีเอ่ย ทำให้นางแบบสาวชายตามอง ถลึงใส่เล็กน้อย ที่เขาเหมือนจะรีบกลับไปเสียอย่างนั้น และรีบเอาคำตอบ หล่อนไม่อยากให้น้องหนึ่งแก่เขา
"ดิฉัน ชื่อขิมค่ะ หรือ ขิมมพัสตร์" หล่อนเป็นฝ่ายแนะนำตัวเอง
เขาพยักหน้ารับ หันมาส่งยิ้ม ให้ตามมารยาท
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมพสวี เรียกว่า พสก็ได้ครับ"
หล่อนยิ้ม
"ค่ะยินดีที่ได้รู้จักคุณ เอ้อ พส คุณคงเดินทางมาไกล คุณพักอยู่ที่ไหนคะ"
"ผมอยู่ในกรุงเทพครับ" เขาชี้แจงเสียงเรียบ ทำเอาหล่อนตกใจ คาดคิดว่าเขาอยู่ต่างจังหวัด
"อ้าว แล้วคุณก็ไม่บอก ฉันนึกว่าคุณเดินทางมาจากต่างจังหวัดเสียอีก"
"ไม่ครับ ผมทำงานอยู่ในกรุงเทพนี่ล่ะ"
หล่อนอยากจะถามเขาอีก ว่าเขาทำงานเกี่ยวกับอะไร แต่ไม่ดีกว่า
หล่อนน่าจะเป็นน้องสาวของอดีตพี่เขย ซึ่งเขาไม่เคยรู้จัก และเขาไม่มีเวลามาโยกโย้ ปล่อยให้ทางนี้เล่นท่า รั้งหรือยืดยื้อเวลา สิดาวันบอกว่า เขา ต้องรับหลานชายมาให้ได้
“รีบส่งตาหนึ่งให้ผมเถอะครับ เพราะผมไม่มีเวลามากนัก”
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน คำชี้แจงของเขา เหมือนคนเร่งรีบนัก
“คุณไม่ต้องรีบมากก็ได้”
“ไม่รีบก็คงไม่ไม่ได้หรอกครับ”
ท่าทีของเขา เหมือนคนใจร้อนยิ่งนัก ขิมมพัสตร์จึงตัดบท หล่อนสั่งให้อ่อนเด็กคนใช้คนเดิม ขึ้นไปรับเอาตาหนูหนึ่ง มาส่งให้เขา รู้ว่า เป็นการตกลงระหว่างพี่ชาย และแม่ของเด็ก
“งั้น ในฐานะ ที่ดิฉันป็นอาของแกเหมือนกัน ดิฉันก็ห่วงหลานค่ะ เมื่อมาเอาแกไปแล้ว คุณจะเอาตาหนึ่งมาส่งที่บ้าน อีกเมื่อไหร่”
ชายหนุ่มถอนใจ “ข้อนี้ผมไม่ทราบ คงแล้วแต่พี่ดาของผม”
ชื่อเล่นของสิวันดาอีกชื่อ คือดา พสวีถนัดเรียกพี่สาวทั้งสองชื่อ ซึ่งแล้วแต่โอกาส
หล่อนฮึดฮัดออกมา ไม่พอใจทันทีเหมือนกัน
“ฉันไม่รู้ว่า เมื่อเอาตาหนึ่งไปแล้ว จะเลี้ยงดูแกยังไง ถ้าไม่ไหวละก็ ทางนี้ยินดีรับคืนนะคะ”
ขิมมพัสตร์เงยหน้ามอง เ ชิดริมฝีปากขึ้นสูง พร้อมเน้นเสียง
พสวีคิดตัดบท ไม่เถียง แต่อดต่อล้อต่อเถียงใส่ไม่ได้ เพราะถ้อยคำเหมือนดูถูก ว่าเขาและพี่สาวไม่มีปัญญาเลี้ยงแก
“ไหว แน่ ผมมีปัญญาเลี้ยงหลานอยู่หรอก พี่สาวของผมก็เหมือนกัน”
ลำพังเงินเดือนที่ได้รับของพสวี หากรู้จักเก็บ ก็เหลือกิน เขารู้จักประหยัด ไม่เที่ยวเตร่ เหมือนหนุ่มวัยรุ่นทั่วไป ที่คิดหาแต่ความสุข สนุกสนาน แต่เขารู้คุณค่าของเงิน
หล่อนรู้ว่าเขาดื้อ หญิงสาวจึงเหยียดริมฝีปาก ไม่พอใจกับท่าที ที่ดูหยิ่งและจองหองของเขา
สักครู่นั้นอ่อน อุ้มหลานชายของเขา ลงมาข้างล่าง